คนเล็กหัวใจใหญ่ : "เจคอบ แมตลาลา" นักมวยแชมป์โลกผู้มีส่วนสูงเพียง 147 ซม.

คนเล็กหัวใจใหญ่ : "เจคอบ แมตลาลา" นักมวยแชมป์โลกผู้มีส่วนสูงเพียง 147 ซม.

คนเล็กหัวใจใหญ่ : "เจคอบ แมตลาลา" นักมวยแชมป์โลกผู้มีส่วนสูงเพียง 147 ซม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

4 ฟุต 10 นิ้ว หรือ 147 เซนติเมตร อย่าว่าแต่เทียบกับนักกีฬาอาชีพเลย เทียบกับผู้หญิงเอเชียธรรมดาก็ยังถือว่าเป็นขนาดตัวที่เล็กจิ๋วอยู่ดี แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการหมัดมวยโลก เคยมีนักมวยหนุ่มที่มีความสูงเท่านี้ และยิ่งเหลือเชื่อไปกว่านั้น เพราะเขาไปไกลถึงขั้นสามารถคว้าเข็มขัดแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ

ชื่อของเขาคือ เจคอบ แมตลาลา ติดตามเรื่องราวของคนเล็กหัวใจใหญ่ แชมป์โลกผู้มีส่วนสูงน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ที่ Main Stand

เจ้าเปี๊ยกจากโซเวโต

เจคอบ แมตลาลา เจ้าของฉายา "Baby Jake" เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ปี 1962 ณ เมืองโซเวโต ประเทศแอฟริกาใต้ และถึงแม้จะเติบโตมาในครอบครัวคนผิวดำ แต่ชีวิตของ เจคอบ ก็ไม่ได้รันทด กัดก้อนเกลือกิน จนจำเป็นต้องเข้าสู่โลกแห่งหมัดมวยเพื่อหาเลี้ยงชีพให้อยู่รอดแต่อย่างใด การที่พ่อของเขาเป็นคนขับรถบรรทุก ส่วนแม่เป็นคนครัวอยู่ในภัตตาคาร รายได้ของครอบครัวจึงเพียงพอที่จะเลี้ยงดูเด็กชายเจคอบให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี

1

อีกหนึ่งเหตุผลยอดฮิตของบรรดานักมวยชื่อดัง คือการฝึกฝนวิชาต่อสู้เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่ง ป้องกันการรังแกจากเหล่าอันธพาลในท้องถนนได้ แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลของ เจคอบ เช่นกัน เนื่องจากการที่เขาเป็นคนตัวเล็กกว่าเพื่อนร่วมรุ่นมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขารอดพ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาโดยตลอด

"ผมเป็นคนตัวเล็กและยิ้มเก่ง ทุกคนในละแวกที่ผมอยู่จึงค่อนข้างที่จะชอบผม" เจคอบ กล่าวย้อนความหลัง

สิ่งที่นำพาให้ เจคอบ เข้าสู่โลกแห่งหมัดมวย เป็นเพียงเหตุผลง่าย ๆ ว่า "เพราะความสนุกสนาน" เท่านั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มต้นเมื่อเขาอายุ 10 ปี จากการฝึกฝนวิชาในโรงยิมละแวกบ้าน

แน่นอนว่าในช่วงแรกที่ เจคอบ เริ่มฝึกวิชาหมัดมวย เขามักจะถูกสบประมาทอยู่เสมอว่าตัวเล็กกระเปี๊ยกแบบนี้จะไปสู้กับคนอื่นได้อย่างไร แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป พรสวรรค์ของ เจคอบ ก็เริ่มฉายแววขึ้นมา ทำให้หลายคนที่เคยมองข้าม ต้องหันกลับมามองเขาอีกครั้งในฐานะ "ยอดมวยเด็กตัวจิ๋ว"

สไตล์การชกของ เจคอบ คือ "เดินหน้าฆ่ามัน" เขาเปรียบเสมือนลูกบอลเพลิงยามเมื่ออยู่บนสังเวียน ชดเชยระยะการชกที่สั้นกว่าคู่ต่อสู้หลายนิ้วด้วยการเข้าประชิดตัว และอาศัยการปล่อยหมัดรัว ๆ เป็นชุดเข้าใส่ ซึ่งถ้าคู่ต่อสู้ไม่สามารถสลัดหนีการต่อสู้ในระยะประชิดได้ ความได้เปรียบเรื่องรูปร่างก็จะหมดความหมายไปในทันที

"ในทุก ๆ ยก ผมจะพยายามปล่อยหมัดออกไปให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ เพราะแขนของผมมันสั้นมาก และแน่นอนว่าผมจำเป็นต้องมีสมาธิอย่างสูงตลอดเวลา"

"ผมจำเป็นต้องฝึกเรื่องความฟิตให้มากกว่าคนอื่น เพื่อที่จะได้ออกหมัดเยอะ ๆ ชดเชยเรื่องรูปร่าง" เจคอบ กล่าวกับ เกวิน อีแวนส์ จากสื่อ The Independent

นับตั้งแต่เริ่มฝึกฝนจนถึงอายุ 17 ปี เรียกได้ว่า เจคอบ คือนักมวยสมัครเล่นผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง เนื่องจากเขามีสถิติชนะการชกถึง 198 ไฟต์ จาก 199 ไฟต์ ที่ขึ้นชก แพ้ไปเพียงไฟต์เดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เมื่ออายุ 18 ปี สัญญาณทุกอย่างก็บ่งบอกว่า เจคอบ พร้อมแล้วสำหรับการเทิร์นโปรขึ้นเป็นนักมวยอาชีพ

2

ไฟต์ระดับอาชีพไฟต์แรกของ เจคอบ เกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี 1980 โดยคู่ต่อสู้ของเขาคือ เฟรเซอร์ พลาติเจส นักชกเพื่อนร่วมชาติ ผลคือ เจคอบ ใช้สไตล์การชกที่ตัวเองถนัด เดินหน้าปล่อยหมัดใส่ เฟรเซอร์ รัว ๆ ไม่มีจังหวะให้พักหายใจ ทุกอย่างจะแจ้งกว่า จนเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปได้แบบสบาย ๆ 

อย่างไรก็ตามในอีก 2 ไฟต์ต่อมา เจคอบ กลับลงเอยด้วยการแพ้คะแนน เขาไม่สามารถหาจังหวะเข้าประชิดตัวคู่ต่อสู้ได้ และเป็นตัวเขาเองที่โดนหมัดยาวของคู่ต่อสู้อยู่บ่อยครั้ง ความพ่ายแพ้สองครั้งนี้ทำให้คำถามเดิมที่เขาต้องเผชิญมาตั้งแต่เด็กเริ่มถูกวิพากษ์ขึ้นมาอีกครั้ง

"หรือรูปร่างของเขาจะไม่เหมาะกับการเป็นนักมวยจริง ๆ ?"

เจคอบ ไม่เสียเวลามานั่งตอบคำถามนี้ เขาใช้ความ "ตัวเล็กใจใหญ่" ของตัวเองพิสูจน์ทุกอย่าง ลืมความพ่ายแพ้ไว้เบื้องหลัง เดินหน้าถลุงคู่ต่อสู้ในไฟต์ถัด ๆ มาไม่ยั้ง คว้าชัยชนะได้ต่อเนื่อง จนเมื่อผ่านไป 11 ไฟต์ เข็มขัดแชมป์แอฟริกาใต้ รุ่นฟลายเวต ก็ถูกนำมาคาดไว้บนเอวของเขาได้สำเร็จ 

จากคนที่ใคร ๆ ต่างพากันดูถูก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสังเวียนแอฟริกาใต้จะเล็กไปเสียแล้วสำหรับเจ้าเปี๊ยกจากโซเวโตคนนี้ ...

คนเล็กในโลกกว้าง

เมื่อเข้าสู่ทศวรรษที่ 90 ก็ถือเป็น "ยุคทอง" ในเส้นทางการเป็นนักมวยของ เจคอบ แมตลาลา หลังจากที่เขาป้องกันแชมป์ระดับประเทศแห่งแอฟริกาใต้ได้หลายสมัย (ถึงแม้จะมีครั้งที่เขาแพ้จนเสียเข็มขัดไปบ้าง แต่ก็สามารถชิงคืนกลับมาได้ทุกครั้ง) 

3

นอกจากนั้น เจคอบ ยังได้กลายเป็นนักกีฬาขวัญใจชาวแอฟริกาใต้ทั่วประเทศ เนื่องจากนักสู้จากโซเวโตรายนี้มีส่วนผสมอันลงตัวที่จะทำให้ใครต่อใครชอบเขาได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นลีลาการชกอันดุดันเร้าใจ ร่างกายที่เล็กกว่ามาตรฐานนักมวยทั่วไปหลายนิ้ว และรอยยิ้มจริงใจที่มักจะปรากฏอยู่บนใบหน้าเสมอ

ถึงเวลาแล้วที่ เจคอบ จะประกาศศักดา โชว์หัวใจที่ใหญ่กว่าร่างกายให้ชาวโลกได้รับรู้ ...

ไฟต์นอกประเทศไฟต์แรกของ เจคอบ เกิดขึ้นในวันที่ 7 กันยายน 1991 ณ Maysfield Leisure Centre เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ คู่ต่อสู้คือนักชกขวัญใจเจ้าถิ่น อย่าง เดฟ แมคออลี่ย์ โดยการต่อสู้ครั้งนี้มีเข็มขัดแชมป์โลก IBF รุ่นฟลายเวต เป็นเดิมพัน

เมื่อระฆังเริ่มชกดังขึ้น เจคอบ ก็เป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าหา ปล่อยหมัดใส่รัว ๆ ตามสไตล์ถนัด เขาจำเป็นต้องประชิดตัว เดฟ ให้มากที่สุด เนื่องจากคู่ต่อสู้รายนี้มีช่วงชกยาวกว่าเขาค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะรับประทานกำปั้นของ เจคอบ ไปสักกี่ครั้ง แชมป์โลกชาวสหราชอาณาจักรรายนี้ก็ไม่มีการยุบให้เห็นเสียที จนสุดท้ายก็กลายเป็น เจคอบ เองที่หมดแรงข้าวต้มไปก่อน โดน เดฟ ปล่อยหมัดน็อคลงไปนอนกับพื้นสังเวียนในยกที่ 10

4

เรียกได้ว่าเป็นการประเดิมสังเวียนระดับโลกที่ไม่สวยนักสำหรับนักชกร่างเล็กจากโซเวโตรายนี้ ...

หลังได้ลิ้มรสชาติแห่งความพ่ายแพ้อย่างเต็มอิ่ม เจคอบ ก็เดินทางกลับแอฟริกาใต้ด้วยหัวใจที่ยังไม่ยอมแพ้ เขาตั้งมั่นว่าจะกลับไปฝึกฝนให้หนักกว่าเดิม เรียนรู้ความผิดพลาด พัฒนาฝีมือให้เก่งกาจขึ้น เพื่อที่สักวันตำแหน่งแชมป์โลกที่เคยเป็นแค่ความฝันจะกลายเป็นจริง

ระหว่างที่เตรียมตัวในการขึ้นชิงแชมป์โลกอีกครั้ง เจคอบ ก็ได้ขึ้นสังเวียนกับนักชกเพื่อนร่วมชาติอีก 3 ไฟต์ ผลคือชนะรวด ก่อนที่ในปี 1993 โอกาสชิงแชมป์โลกจะเวียนมาบรรจบกับเขาอีกครั้ง คราวนี้เป็นของสถาบัน WBO รุ่นฟลายเวต ที่มีนักชกชาวสกอตแลนด์อย่าง แพท คลินตัน ครอบครองอยู่ และสังเวียนคือ Scottish Exhibition Centre เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์

เมื่อระฆังดังขึ้น บรรดาผู้ชมในสนามก็รู้ได้ทันทีว่า เจคอบ ในตอนนี้ไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนที่แพ้ เดฟ อีกแล้ว เขาแกร่งขึ้นกว่าเดิม เร็วขึ้นกว่าเดิม ออกหมัดมากกว่าเดิม และหมัดหนักกว่าเดิม จนสุดท้ายเมื่อถึงยกที่ 8 นักชกขวัญใจเจ้าถิ่นก็ไม่สามารถทนรับพายุหมัดของ เจคอบ ได้อีกต่อไป แพท คลินตัน ลงไปนอนกับพื้นผ้าใบ จนกรรมการเข้ามายุติการชก ส่งผลให้ เจคอบ แมตลาลา นักชกจากเมืองโซเวโต แอฟริกาใต้ ผู้มีส่วนสูงเพียง 147 เซนติเมตร คว้าแชมป์โลกมาครอบครองได้สำเร็จ และกลายเป็นแชมป์โลกมวยสถาบันหลักที่มีส่วนสูงน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารภทำลายสถิตินี้ได้

5

หลังจากคว้าเข็มขัดแชมป์โลกเส้นแรกได้ ชีวิตในเส้นทางนักมวยของ เจคอบ ก็ถือว่าขึ้น ๆ ลง ๆ เขาเป็นเพียงนักมวยฝีมือดี แต่ไม่ใช่ระดับซูเปอร์สตาร์ ดังนั้นการวนเวียนอยู่กับการป้องกันแชมป์ เสียแชมป์ ได้แชมป์ใหม่อีกครั้ง ถือเป็นเรื่องปกติ

ผ่านไป 4 ปีหลังจากได้สัมผัสแชมป์โลกเป็นครั้งแรก ในปี 1997 มีหนึ่งไฟต์ที่ทำให้ชื่อของ เจคอบ แมตลาลา โด่งดังไปทั่วแผ่นดินอเมริกา มันคือไฟต์ที่เขาท้าชิงเข็มขัดแชมป์โลก IBA กับ ไมเคิล คาร์บาฮาล นักชกชาวสหรัฐอเมริกันที่ถือว่ามีชื่อเสียงโด่งดังพอสมควร โดยก่อนที่จะปะทะกับ เจคอบ ไมเคิล มีสถิติการชกที่ค่อนข้างสวยหรู ชนะ 45 และแพ้ไปเพียง 3 ไฟต์เท่านั้น

สังเวียนการต่อสู้ครั้งนี้คือ Thomas & Mack Center เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา นี่จึงเป็นการไปเยือนแผ่นดินลุงแซมเป็นครั้งแรกในชีวิตของ เจคอบ และแน่นอนว่าความกดดันที่เขาต้องเผชิญนั้นมหาศาล ด้วยความที่ ไมเคิล คือนักชกขวัญใจเจ้าถิ่น เสียงเชียร์ในฮอลล์จึงดังกระหึ่ม นอกจากนั้นถ้าวัดกันตามหน้าเสื่อ เจคอบ ก็ดูเป็นรองกว่าทุกประการ ไม่ว่าจะเรื่องรูปร่าง อายุที่มากกว่า หรือทักษะเชิงมวย

เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น เจคอบ เป็นฝ่ายเดินเข้าหาทันที เรียกได้ว่าเขาไล่ถลุงไม่ยั้งไม่ปล่อยให้ ไมเคิล ได้หายใจหายคอ จากที่เป็นนักชกสายปล่อยหมัดเยอะอยู่แล้ว ในไฟต์นี้ดูเหมือนว่า เจคอบ จะยิ่งปล่อยหมัดมากเป็นพิเศษ โดยมีรายงานว่าเขาปล่อยหมัดเฉลี่ย 135 หมัดต่อยกเลยทีเดียว

"ตลอด 22 ปีในอาชีพนักชก เจคอบ ได้พัฒนาแนวทางการชกให้เข้ากับรูปร่างของตัวเอง เขามีผู้ฝึกสอนที่ดี มีการป้องกันที่แน่นหนา ศีรษะของเขาขยับตลอดเวลาทำให้จับทางได้ยาก และที่สำคัญคือเขามักจะปล่อยหมัดมากกว่าคู่ต่อสู้เสมอ" ผู้บรรยายในไฟต์นี้กล่าวถึงตัวตนบนสังเวียนของ เจคอบ 

6

ทั้งสองคนแลกหมัดกันอย่างสนุก แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าหมัดของ เจคอบ จะเข้าเป้ามากกว่า ทำให้ในยกที่ 9 เขาก็สามารถส่ง ไมเคิล ลงไปนอนกับพื้นสังเวียน พร้อมกับสัญญาณยุติการชกของกรรมการได้สำเร็จ 

ไฟต์ระหว่าง เจคอบ กับ ไมเคิล ถือเป็นไฟต์ที่ดุเดือดมาก ผู้ชมทางช่อง HBO นับล้านชีวิตรู้สึกประทับใจนักชกจากแอฟริกาใต้ผู้นี้ ไม่ว่าจะด้วยสไตล์การชก หรือรูปร่างที่ผิดจากมาตรฐานนักมวยทั่วไป ส่งผลให้ชื่อของ เจคอบ โด่งดังในสหรัฐอเมริกาชั่วข้ามคืน น่าเสียดายที่ในขณะนั้น เจคอบ อายุ 35 ปี แล้ว เพราะถ้าเขาหนุ่มกว่านี้ ชัยชนะในไฟต์นี้คงต่อยอดให้กับเขาได้อีกมหาศาล

ตำนานแห่งแอฟริกาใต้และเพื่อนแมนเดลา

ไฟต์สุดท้ายในฐานะนักมวยอาชีพของ เจคอบ เกิดขึ้นในปี 2002 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุครบ 40 ปีพอดิบพอดี ส่วนคู่ต่อสู้ของเขาคือ ฮวน เอร์เรร่า นักชกชาวโคลอมเบียที่มาท้าชิงแชมป์โลกสถาบัน WBU 

หลังจากที่ เจคอบ สามารถเอาชนะ และป้องกันแชมป์ไว้ได้ เขาก็ประกาศแขวนนวมแทบทันทีหลังจากนั้น จบอาชีพนักมวยสากลอาชีพด้วยสถิติ ชก 68 ชนะ 53 แพ้ 13 เสมอ 2 โดยให้เหตุผลไว้เพียงสั้น ๆ ว่า

"ผมสู้มาเยอะจนแทบไม่เหลือนักมวยตัวเล็กให้ผมสู้อีกแล้ว"

7

การแขวนนวมของ เจคอบ ถือเป็นเรื่องใหญ่ในประเทศแอฟริกาใต้ เนื่องจากเขาคือขวัญใจของคนทั้งชาติ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนสนิทกับ เนลสัน แมนเดลา ผู้เป็นรัฐบุรุษของประเทศอีกด้วย เนื่องจาก แมนเดลา ในวัยหนุ่มเคยเป็นนักมวยสมัครเล่นมาก่อน จึงมีความสนใจในกีฬาประเภทนี้ ถึงขั้นที่ว่า เจคอบ ได้มอบเข็มขัดแชมป์โลก WBU ให้กับ แมนเดลา เป็นของขวัญในโอกาสที่เขาแขวนนวมเลยทีเดียว

"นี่คือเข็มขัดแชมป์โลกอันยิ่งใหญ่ และขอมอบมันให้กับชายผู้ยิ่งใหญ่อย่างคุณ" เจคอบ กล่าวกับ แมนเดลา

"นักมวยคนโปรดของผมแน่นอนว่าต้องเป็น 'เบบี้เจค' เขาคือคนที่สมควรได้รับเสียงเชียร์อันยิ่งใหญ่ ผมไม่กล้าเดินออกไปไหนมาไหนกับเขาด้วยซ้ำ เพราะดูเหมือนว่าผู้คนจะชื่นชอบเขามากกว่าผมเสียอีก" แมนเดลา กล่าวถึง เจคอบ อย่างติดตลก

8

หลังจากแขวนวม เจคอบ ก็ผันตัวไปเป็นนักธุรกิจ เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ในชื่อ Baby Jake's Diner เป็นของตัวเอง ร่วมกับการเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ และทำงานให้กับองค์กรการกุศลหลายแห่ง เนื่องจากภาพลักษณ์ของ เจคอบ ต่อประชาชนแอฟริกาใต้คือ "ยอดนักสู้ ที่ขนาดตัวก็ไม่อาจฉุดรั้งได้" 

อย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัย 40 ตอนปลาย ปัญหาสุขภาพมากมายก็เข้ารุมล้อม เจค ทำให้เขาต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ถึงขั้นที่เงินในบัญชีที่เคยเก็บออมไว้สมัยเป็นนักมวยถูกนำออกมาใช้เพื่อรักษาตัวจนหมดเกลี้ยง รวมถึงเข็มขัดแชมป์โลกก็ถูกนำออกมาขายเพื่อหาเงิน 

เจคอบ กลายเป็นคนถังแตก ก่อนที่จะเสียชีวิตลงอย่างสงบในวันที่ 7 ธันวาคม 2013 ด้วยโรคปอดติดเชื้อ ในวัย 51 ปี 

การตายของ เจคอบ สั่นสะเทือนไปทั่วประเทศแอฟริกาใต้ เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าเขาคือฮีโร่ของคนทั้งชาติ นอกจากนั้นก่อนหน้านี้เพียง 2 วัน เนลสัน แมนเดลา วีรบุรุษของชาติ และเพื่อนสนิทของ เจคอบ ก็เพิ่งเสียชีวิตไปสด ๆ ร้อน ๆ เรียกได้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ประเทศแอฟริกาใต้ถูกปกคลุมไว้ด้วยความโศกเศร้าอย่างแท้จริง

9

"นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ เจคอบ แมตลาลา ได้จากพวกเราไปแล้ว แต่ทุกคนจะคิดถึงคุณอย่างแน่นอน" ร็อดนีย์ เบอร์แมน อดีตโปรโมเตอร์ของ เจคอบ กล่าวอาลัยผ่าน Twitter 

"เขาคือนักสู้ตัวเล็กผู้มีหัวใจห้าวหาญยิ่งกว่าราชสีห์ การจากไปของเขาคือเรื่องเศร้าสำหรับชาวแอฟริกาใต้ทั้งประเทศ" โมเน่ เพลซิส นักการเมืองชาวแอฟริกาใต้กล่าว

พิธีศพของ เจคอบ ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติในโบสถ์เรมา กรุงโยฮันเนสเบิร์ก มีการนำวงดนตรีทองเหลืองมาบรรเลง ในขณะที่นำโลงศพเข้าไปในตัวโบสถ์ และหลังจากนั้นในปี 2004 เจคอบ ก็ได้รับการเลือกให้อยู่ในอันดับ 72 ในลิสต์ของ 100 ชาวแอฟริกาใต้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาล จากการจัดอันดับของ SABC

ถึงแม้ในปัจจุบัน เจคอบ แมตลาลา จะได้จากโลกนี้ไปกว่า 7 ปีแล้ว แต่เรื่องราวของเขายังถูกหยิบยกมาเล่าให้คนรุ่นหลังได้ฟังอยู่เสมอ เพื่อเป็นบทเรียน สร้างแรงบันดาลใจว่า ... ไม่ว่าความฝันจะยิ่งใหญ่หรือดูเป็นไปไม่ได้เพียงใด ถ้าหากมีความตั้งใจจะคว้ามันมาไว้ครอบครอง และลงมือทำอย่างจริงจัง สักวันความฝันนั้นจะกลายเป็นจริงอย่างแน่นอน

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ คนเล็กหัวใจใหญ่ : "เจคอบ แมตลาลา" นักมวยแชมป์โลกผู้มีส่วนสูงเพียง 147 ซม.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook