โทษทีที่เหนือชั้น : เบื้องหลังที่ทำให้ "ต็อตติ" ยิงลูกชิปแม่นที่สุดในโลก
"ไม่ต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวฉันจะชิปเข้าไปเลย" นี่คือสิ่งที่กองหน้าหมายเลข 20 ของอิตาลีบอกกับเพื่อนร่วมทีมของเขาในเกม ยูโร 2000 รอบรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นการดวลกันระหว่างทัพอัซซูรี่ กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์
เขาคนนั้นเดินก้าวออกไปดวลกับหนึ่งนายประตูที่ดีที่สุดในโลกอย่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ และใช้การยิงชิปแบบปาเนนก้าตามที่เขากล่าวไว้ ช่วยให้ อิตาลี ผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ และประตูนั้นคือหนึ่งโมเมนต์สำคัญในยูโร 2000 ที่คอบอลไม่เคยลืม
ลูกชิปของเขาแม่นยำเหมือนกับจับวาง เมื่อมีการเจาะสถิติลูกยิงเขาโดยละเอียดพบว่า เขาคนนี้สามารถชิปได้จากทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ในกรอบ 12 หลา หรือระยะไกล 30 หลาก็เคยมาแล้ว
ทุกลูกเหมาะเจาะทำให้คู่ต่อสู้ได้แค่ยืนดู ... และนี่คือเรื่องราวเบื้องหลังนักชิปในตำนาน ฟรานเชสโก้ ต็อตติ
เริ่มชิปจากตำแหน่งการเล่น
ตำนานบทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรโรม่าเริ่มต้นในปี 1993 วันที่พวกเขาให้โอกาสเด็กหนุ่มสายเลือดโรมันพันธุ์แท้อย่าง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่
ณ เวลานั้น ต็อตติ อายุเพิ่งย่างเข้า 18 ปี และสำหรับเด็กอายุขนาดนี้การจะไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะทั้งโดดเดี่ยวและโดนรุมกินโต๊ะได้ง่าย ในช่วงเริ่มต้นที่กระดูกบอลยังไม่แข็ง การถอยลงมาเพื่อทำหน้าที่มือสังหารดาบสองหรือที่ศัพท์เทคนิคเรียกว่าเป็นตำแหน่ง Second Striker จึงเป็นอะไรที่เหมาะสมกว่าโดยเฉพาะกับเด็กเซ้นส์ดีอย่าง ต็อตติ
"ตอนขึ้นมาชุดใหญ่ผมยังเด็กมาก เรามี อเบล บัลโบ และ ดาเนี่ยล ฟอนเซก้า เป็นกองหน้า ดังนั้นผมจึงถูกปรับให้ถอยลงมาอยู่หลังพวกเขา ช่วงเวลานั้นผมสนุกกับการช่วยให้พวกพี่ ๆ กองหน้ายิงประตู ผมตั้งธงไว้เสมอว่าจะต้องแอสซิสต์ให้พวกเขายิงให้ได้มากที่สุด ผมสนุกกับมันยิ่งกว่าการยิงประตูเองอีกด้วยซ้ำไป" ต็อตติ เล่าย้อนไปในวัยหนุ่ม
Photo : Box To Box
ต็อตติ เล่นแบบนั้นอยู่สักพักและได้กลายเป็นตัวสอดเข้ามาในกรอบเขตโทษที่มีประสิทธิภาพในเวลาต่อมา เหตุผลเพราะการเล่นหลังกองหน้านั้นมีพื้นที่มากพอสมควร มันทำให้ ต็อตติ ที่เป็นคนมีเทคนิคดีและมีความเร็วในระดับหนึ่งสามารถหาจังหวะยิงประตูได้ง่าย เพียงการเลี้ยงกินตัว 1 ครั้งเท่านั้น ช่องจะเปิดขึ้นและหลังจากนั้นเขาก็มีมุมให้เลือกยิงมากมาย ในเกมที่เขายิงประตูแรกในอาชีพใส่ ฟอจจา ต็อตติ เติมเข้าไปในกรอบเขตโทษเหลื่อมมาทางขวานิด ๆ ในขณะที่ผู้รักษาประตูวิ่งออกมาเขาก็ชิปบอลสวนตัวเขาไปแบบพอดิบพอดี
นั่นคือจุดเริ่มต้นทุกอย่าง เดิมทีการจบสกอร์ของ ต็อตติ มักเป็นประเภทใส่เต็มข้อไม่ว่าเท้าซ้ายหรือขวา จะใกล้หรือไกล แต่การชิปลูกนั้นเป็นปฐมบทที่ทำให้เขาเริ่มฝึกซ้อมการชิปลูกฟุตบอลอย่างจริงจังเพื่อให้มันกลายเป็นอาวุธทางเลือกของเขา และเอาไว้ใช้งานในยามที่สบโอกาสดี ๆ ซึ่งเมื่อซ้อมบ่อยเข้าเขาสามารถเรียกลูกชิปว่าเป็นหนึ่งในสัญชาติญาณของตัวเอง บางครั้งเขาชิปแบบไม่ต้องคิดมาก่อน เป็นเพียงการตัดสินใจในเสี้ยววินาทีเท่านั้น เมื่อเห็นช่องต้องลองทันทีอะไรประมาณนั้น
"ในระบบอคาเดมีไม่มีการสอนเตะบอลด้วยเท้าทั้งสองข้างโดยเฉพาะหรอกนะ ผมเอามาฝึกเองทั้งนั้นแหละ" ต็อตติ กล่าว
"ถึงผมจะบอกว่าการฝึกซ้อมสำคัญ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้สำคัญไปกว่าพรสวรรค์หรอก ผมจะพูดว่ามันสำคัญเท่ากันแบบ 50-50 ถึงจะถูกต้องที่สุด การซ้อมทำให้ร่างกายคุณฟิตและมีแรงพอที่จะสามารถเอาพรสวรรค์ที่มีมาใช้ได้ ในขณะเดียวกันบางครั้งคุณต้องจัดการมันให้ดีจะเลือกเชื่ออะไรจิตใจหรือร่างกาย และบ่อยครั้งผมพบว่าจิตใจส่งผลอย่างมากที่สุดเลย"
Photo : Box To Box
ต็อตติ พูดถึงเรื่องราวในช่วงยุค 90s เอาไว้ในฐานะนักเตะที่เปลี่ยนตำแหน่งประจำ จากยืนหลังกองหน้า มาเป็นกองหน้าฝั่งซ้ายในระบบ 4-3-3 ในยุค ซเดเน็ก ซีแมน, การเป็นหน้าคู่ในระบบ 4-4-2 ในยุคของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ และการยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าในยุค ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ซึ่งทุกยุกทุกสมัยที่กล่าวมาเขาสามารถนำเทคนิคการสอดเข้ากรอบเขตโทษ และการใช้เทคนิคเลี้ยงกินตัว ดึงจังหวะ และยิงประตูจากระยะไกลจากเมื่อครั้งยังเป็นนักเตะวันทีนทั้งสิ้น
ผู้เขียนตัดสินใจเปิดคลิปวีดีโอรวมทุกประตูของ ต็อตติ ในสโมสรพบว่า จากจำนวนประตูมากกว่า 300 ลูก ต็อตติ สามารถทำประตูด้วยการชิปทั้งใกล้และไกลได้ถึง 33 ลูก หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็มากถึง 10-11% ลูกชิปส่วนใหญ่ของเขาไม่ใช่การเลี้ยงหลบ 2-3 คนแล้วยิงแต่อย่างใด มันมักจะเป็นการยิงชิปจากจังหวะเดียวในตอนที่เขาทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษ หรือการแต่งบอลเพียงไม่กี่จังหวะเพื่อหาพื้นที่ยิงในระยะ 25-30 หลา ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเท้าซ้ายหรือขวา ดูเหมือนว่าการวางเท้าของ ต็อตติ จะเนียนมากอย่างไม่น่าเชื่อ ลูกชิปกว่าครึ่งของจำนวนทั้งหมดเกิดจากการยกข้ามหัวผู้รักษาประตูที่กำลังยืนอยู่ทั้งสิ้น นั่นหมายความว่าลูกชิปส่วนใหญ่ของเขานั้นสมบูรณ์แบบในระดับเช็ดคานบนเลยทีเดียว
ในการชิปบอลจากระยะไกลแทบทุกครั้ง ต็อตติ จะใช้การแตะบอลไม่กี่จังหวะ เงยหน้ามองผู้รักษาประตูคู่แข่ง จากนั้นก็ใช้การตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มือโกลจะถอยลงไปทัน "สวบ" สวนใหญ่ไปจบที่ก้นตาข่ายทั้งสิ้น
"มันยากในการควบคุมบอล คุณต้องดูผู้รักษาประตูตลอดเวลาว่าเขายืนตำแหน่งอยู่ตรงไหน แล้วอย่าลืมเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองด้วย"
"ผมจำลูกชิปลูกแรกของผมได้เลย มันเกิดขึ้นในเกมกับ ปาร์ม่า ฤดูกาล 1997-98 เกมนั้น ต้องเจอกับโกลอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน ผมลากบอลมาจากตำแหน่งมิดฟิลด์ ผมคิดไว้ตั้งแต่ตอนที่เลี้ยงบอลเข้ามาแล้ว ผมบอกตัวเองว่าถ้าเขาก้าวออกมาจากเส้นเมื่อไหร่ผมจะยกมันข้ามหัวเขาไปเลย ... เขาออกมาจริง ๆ แล้วผมก็จัดการชิปใส่เขาจริง ๆ ด้วยเท้าซ้ายของผม" ต็อตติ กล่าว
ชิปไม่ใช่เรื่องง่าย
อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ในข้างต้น ต็อตติ ยิงประตูด้วยลูกชิปมากถึง 10% ของจำนวนประตูทั้งหมดที่ทำได้ตลอดชีวิตค้าแข้ง เหตุผลข้อแรกคือเขาซ้อมจนชำนาญ และเหตุผลข้อที่ 2 ที่ ต็อตติ บอกว่าสำคัญมากนั่นคือใจต้องกล้าให้พอที่จะยิงประตูด้วยลูกชิป เพราะมันเหมือนกับการเหยียบนรกไปครึ่งก้าว
ถ้าคุณยิงเข้า คุณจะได้รับคำชื่นชม แต่ถ้ามันโชคร้ายพลาดไป ไม่เข้าประตู นั่นถือว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่มากเกินความพอดี คำด่าจะตามมา "ยิงง่าย ๆ ก็เข้าไปแล้วจะแอ็คทำไม ?" เชื่อว่าทุกคนที่ดูบอลคงรู้สึกประมาณนี้ทั้งสิ้น เมื่อได้เห็นนักเตะที่พยายามจะยิงประตูเหนือชั้นทั้ง ๆ ที่มีทางอื่นซึ่งง่ายกว่านั้น
ต็อตติ เข้าใจเรื่องนี้ดีและบอกว่าเขาต้องใช้ความกล้าในการยิงลูกชิปในการแข่งขันจริง โดยเฉพาะในช่วงที่ยิงจุดโทษนั้นเป็นวินาทีวัดใจกันแบบสุด ๆ ถ้าสมาธิไม่นิ่งพอ ความกดดันจะเล่นงานคนยิงแน่นอน
Photo : Calcio Mercato
"การซ้อมกับการแข่งขันจริงมันคนละเรื่องเลยนะ แตกต่างกันมาก เมื่อลงเกมจริงยิ่งกดดัน มันขึ้นอยู่กับใจของคุณ หลายคนบอกว่าการยิงจุดโทษมันเป็นอะไรที่ง่าย แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ง่ายเลย เมื่อคุณไปยืนอยู่ตรงนั้นปากประตูจะดูเล็กลงในทันที"
"ก่อนที่ผมจะเลือกมุมและวิธีการยิงจุดโทษแต่ละครั้ง ผมไม่เคยเปลี่ยนใจ คิดจะยิงแบบไหนผมก็จะยิงแบบนั้น แต่ความจริงมันกดดันมาก เมื่อกรรมการเป่านกหวีดสมองของคุณจะตีกัน มันจะมีความคิดที่ว่า 'เปลี่ยนทางดีไหมนะ ?' คุณอาจจะคล้อยตามสถานการณ์ ผลสกอร์ หรือแฟนบอลที่เข้ามาดู แต่เคล็ดลับคือคุณจะต้องสืบเท้าและวิ่งเข้าหาบอลอย่างตั้งใจด้วยความแน่วแน่ที่สุด การยิงจุดโทษมันขึ้นอยู่กับสมาธิ"
เดิมที ต็อตติ เป็นพวกยิงจุดโทษแบบเต็มหลังเท้า ทว่าในช่วงปลายยุค 90s ต่อ 2000s คือปีที่กำลังเติบโตขึ้นและเป็นนักเตะตัวความหวังของทีม และต้องเจอกับคู่แข่งที่เก่ง ๆ มากมาย ต็อตติ จึงเริ่มเลือกวิธีการยิงจุดโทษแบบชิปบ่อยขึ้น และเช่นเดียวกันในการแข่งขันแบบปกติ ซึ่งเขาพบว่ามันเป็นวิธียิงประตูที่แตกต่าง แม้จะยิงยากแต่ถ้าชำนาญแล้วจะได้ผลดีมาก มีโอกาสเข้าประตูสูงหากได้จังหวะที่เพอร์เฟกต์พอดิบพอดี
"ตอนยิงชิปแต่ละครั้ง สิ่งสำคัญคือการสัมผัสบอลต้องให้ได้เป๊ะตามตำราและตามเทคนิคที่ฝึกซ้อมมา มันยากกว่าการยิงแบบอื่น ๆ แต่มีประสิทธิภาพมาก ผมพยายามทำมันบ่อย ๆ ไม่ว่าจะแบบจุดโทษหรือการแข่งขันจริง หรือแม้กระทั่งการเล่นในสวนสาธารณะ”
Photo : Gray Tracker
“ผมวางเท้าแบบนั้นจนเป็นนิสัย บางทีก็ไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ มันไปเองตามสัญชาตญาณ แค่คิดว่ามันต้องเข้า ไม่คิดว่าจะหลอกให้โกลหลงทางอะไรหรอก" ต็อตติ กล่าว
การชิปที่น่าจดจำที่สุดของ ต็อตติ
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานลูกชิปของ ต็อตติ ที่เป็นต้นตอที่ทำให้เขาถูกเรียกว่า "มาสเตอร์" ในการยกบอลข้ามหัวผู้รักษาตูจนถึงทุกวันนี้ เรื่องนั้นเกิดขึ้นในศึกยูโร 2000 ที่ เนเธอร์แลนด์ และ เบลเยี่ยม ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ อิตาลี ชุดนั้นอุดมไปด้วยนักเตะที่ยอดเยี่ยม ทุกคนล้วนแต่เป็นของจริงทั้งนั้น แม้แต่ ต็อตติ ก็ยังไม่สามารถใส่เบอร์ 10 ที่เป็นเบอร์โปรดของเขาได้ เพราะต้องหลบให้กับ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ จนต้องขยับมาใส่หมายเลข 20 แทน
Photo : The Guardian
ประเด็นเสื้อหมายเลข 10 นั้นเป็นที่สนใจของสื่อมาก เพราะทั้ง ต็อตติ และ เดล ปิเอโร่ ต่างมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมกับต้นสังกัดอยู่แล้ว ดังนั้นนี่คือทัวร์นาเมนต์ที่จะหาว่าใครจะได้เป็นเบอร์ 10 ที่แท้จริง ซึ่งหากใครได้ติดตามยูโรครั้งนั้นจะต้องพบว่านั่นคือทัวร์นาเม้นต์ที่ ต็อตติ ฉายแสงความเป็นระดับโลกกลบแนวรุกคนอื่น ๆ อย่างชัดเจน และหนึ่งในโมเมนต์ที่ทำให้เขาถูกจดจำมากกว่า เดล ปิเอโร่ ก็คือ "ลูกชิป" ของเขานั่นเอง
อิตาลี ฝ่าด่านรอบแบ่งกลุ่มแบบไม่ยากเย็นนัก เก็บ 9 แต้มเต็มจากการชนะ ตุรกี, เบลเยียม และ สวีเดน ก่อนจะเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการเอาชนะ โรมาเนีย แบบสบาย ๆ 2-0 ซึ่งในเกมนั้น ต็อตติ ยิงเปิดหัวอีกด้วย
สุดท้ายด่านที่หินที่สุดตั้งแต่เปิดทัวร์นาเมนต์ก็มาถึง มันคือรอบ 4 ทีมสุดท้ายที่ อิตาลี จะต้องพบกับเจ้าภาพร่วมอย่าง เนเธอร์แลนด์ ณ เวลานั้น ทัพกังหันลม มีนักเตะดี ๆ มากมายทั้งนำโดยผู้รักษาประตูระดับแชมป์ยุโรปอย่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ซึ่งนั่นทำให้ก่อนที่จะลงแข่งขันเกมนี้ อิตาลี มีการ "เผื่อไว้" ด้วยการซ้อมจุดโทษเพื่อเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
เมื่อมาถึงช่วงซ้อม มือยิงของฝั่ง อิตาลี อย่าง ลุยจิ ดิ เบียโจ้, เปาโล มัลดินี่, เดล ปิเอโร่ และ จานลูก้า เปสซ็อตโต้ ต่างก็ลงซ้อมและยิงในแบบที่เน้นชัวร์เอาเข้ามุมถนัดไว้ก่อน ขณะที่ ต็อตติ ทำให้การซ้อมนั้นชะงักลงเล็กน้อยด้วยการบอกว่า "ถ้าต้องดวลจุดโทษกันจริง ๆ ฉันจะชิปใส่กลางประตูเลย"
"ผมซ้อมกับ มัลดินี่, เนสต้า และ ดิ เบียโจ้ ผมลั่นวาจากับพวกเขาก่อนเลยว่า 'ถ้าต้องดวลกันเมื่อไหร่ผมจะชิปใส่ ฟาน เดอ ซาร์' ทุกคนก็หน้าแบบ 'ห๊ะ ถามจริง ?'"
"ทุกคนเริ่มโน้มน้าวให้ผมเปลี่ยนใจ บางคนบอกว่าปล่อยไปเถอะ เพราะคิดว่าผมแค่พูดแบบนั้นในสนามซ้อม แต่ถึงเวลาจริงผมจะไม่กล้าหรอก" ต็อตติ เล่าบรรยากาศในวันซ้อมที่ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องตลก
เมื่อเกมจริงมาถึง ต่างฝ่ายต่างเหนียวแน่นและเกมก็กดดันถึงขีดสุดจนไม่มีสกอร์ตลอด 120 นาทีรวมช่วงต่อเวลาพิเศษ นั่นหมายความว่าการซ้อมจุดโทษที่เตรียมมาจะได้ใช้งานจริง ระหว่างที่ดื่มน้ำและเริ่มวางลำดับคนยิง ต็อตติ ก็พูดคำเดิมกับตอนที่เขาซ้อมเมื่อไม่กี่วันก่อนนั่นคือ "เขาจะยิงชิป"
"หลังซ้อมเสร็จเราเดิมพันกันด้วยว่าผมจะกล้ายิงจริงหรือเปล่า ? และเมื่อสถานการณ์จริงมาถึง ผมก็บอกกับ มัลดินี่, เนสต้า และ ดิ เบียโจ้ ว่า พวกนายจำที่ฉันพูดในตอนซ้อมได้ไหม เดี๋ยวฉันจะทำให้ดูเพื่อรักษาสัญญา ... ทุกคนแทบกรีดร้องและขอร้องให้ผมเปลี่ยนใจ ดิ เบียโจ้ บอกว่า 'ไอ้หอกหัก ถ้ามึงพลาดขึ้นมา กูฆ่ามึงแน่'"
ในสถานการณ์ที่บีบหัวใจชาว อิตาลี ทั้งประเทศ ต็อตติ รับหน้าที่เป็นมือยิงคนที่ 3 ต่อจาก ดิ เบียโจ้ และ เปสซ็อตโต้ ต็อตติ บอกว่า ฟาน เดอ ซาร์ เป็นนายทวารที่ทำให้ปากประตูเล็กลง เขาสูง 197 เซนติเมตร และมีแขนกับขาที่ยาวมาก นั่นคือหนึ่งในข้อพิจารณาที่ทำให้ ต็อตติ เลือกจะยิงลูกชิป แทนที่จะยิงเข้ามุมเหมือนกับคนอื่น ๆ ... ต็อตติ เล่านาทีก่อนสังหารแบบเหนือชั้นจนเป็นลูกชิประดับตำนานของเขาว่า "เขาไม่ได้กดดัน เพราะฉัน เขาจึงกล้ายิงแบบนี้"
"เมื่อคุณกล้ารับตำแหน่งมือยิงคุณต้องมั่นใจ สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าคิดว่ามีคนเป็นล้าน ๆ ที่เฝ้าดูเราอยู่ แต่จงคิดว่าคุณกำลังเดิมพันกับเพื่อนของคุณในผับแล้วคุณจะได้เงินพนันนั้น" ต็อตติ ว่าถึงการเตรียมพร้อมก่อนยิงจุดโทษของเขาในสถานการณ์ที่กดดันที่สุดในชีวิตค้าแข้ง
กล้าทำกล้ารับผลที่ตามมา นั่นทำให้ ต็อตติ กล้าใช้ลูกชิปในทุกระยะทำการ ... การฝึกซ้อม พรสวรรค์ ความกล้า ถือเป็น 3 สิ่งสำคัญที่ทำให้เขาเป็นมาสเตอร์ด้านนี้โดยเฉพาะ และแน่นอนที่สุด สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ต็อตติ รู้ว่าเวลาไหนควรชิป เวลาไหนควรยิงประตูเต็มข้อ
เมื่ออยู่ในพื้นที่สุดท้าย เขาตัดสินใจได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ เสมอ และสิ่งที่เองที่อยู่เบื้องหลังทุกประตูของเขาไม่ใช่แค่ลูกชิปเท่านั้น
ผู้สัมภาษณ์ได้ถามประโยคสำคัญของเรื่องนี้ว่า
"คุณทำแบบนั้นได้ คุณคิดว่าสัญชาตญาณของคุณสั่งให้ทำหรือเปล่า?"
"แน่นอน สัญชาตญาณล้วน ๆ เลยครับ" ต็อตติ กล่าวทิ้งท้าย