ปู่โควอลสกี : นักวิ่งอายุ 110 ปีที่มีชีวิตเพื่อตอบคำถามคลาสสิกว่า "อยู่นาน ๆ ไปทำไม ?"

ปู่โควอลสกี : นักวิ่งอายุ 110 ปีที่มีชีวิตเพื่อตอบคำถามคลาสสิกว่า "อยู่นาน ๆ ไปทำไม ?"

ปู่โควอลสกี : นักวิ่งอายุ 110 ปีที่มีชีวิตเพื่อตอบคำถามคลาสสิกว่า "อยู่นาน ๆ ไปทำไม ?"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เชื่อว่าหลายคนที่ได้อ่านบทความนี้คงไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะมีอายุยืนถึง 110 ปี ... เหตุผลก็เพราะเราเชื่อกันเสมอว่า ยิ่งแก่ตัวลงร่างกายก็จะยิ่งอ่อนแอ เราต่างเคยได้ยินว่าเมื่ออายุมากขึ้นจะทำอะไรก็แสนลำบาก จะลุกก็โอยจะนั่งก็โอย และที่สำคัญคือเราทำได้เพียงแต่ยอมรับกายสังขารเท่านั้น

แต่นั่นไม่จริงเสียทีเดียว ... เราอาจจะหยุดวันเวลาและความเสื่อมถอยของร่างกายไม่ได้ แต่ที่แน่ ๆ เราสามารถยืดอายุการใช้งานและอยู่กับมันอย่างมีความสุขได้ เหมือนกับเรื่องรางของสิงห์เฒ่าวัย 110 ปี รายนี้

นี่คือเรื่องราวของ สตานิสลาฟ โควอลสกี คุณปู่ชาวโปแลนด์ที่มีร่างกายสวนทางกับอายุ ยังวิ่งได้และไม่ใช่การวิ่งสลับเดินแต่อย่างใด ... เพราะเขาคือนักวิ่งระยะสั้น 100 เมตร ที่ต้องอาศัยพลังร่างกายแบบสุด ๆ อะไรทำให้คนอายุขนาดนั้นยังทำในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าฝันได้ ?  

ติดตามได้ที่นี่

ไลฟ์สไตล์ไม่ใช่แค่เรื่องความเท่

เรื่องราวของคุณปู่ โควอลสกี ไม่ใช่เรื่องยากเกินเอื้อมของคนธรรมดาอย่างเรา ๆ เลย เหตุผลเพราะคุณปู่ไม่ใช่อดีตนักกีฬาเก่าที่มีร่างกายแข็งแรงและพื้นฐานการออกกำลังกายตั้งแต่ยังหนุ่ม ทว่าปู่ โควอลสกี เป็นมนุษย์เงินเดือนทั่วไปด้วยการเป็นพนักงานการทางรถไฟและบุรุษไปรษณีย์

คุณปู่ลืมตาดูโลกตั้งแต่ปี 1910 สมัยที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ซึ่งโปแลนด์เองก็เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบและเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งดังกล่าวโดยตรง นอกจากนี้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่ก็อยู่ในช่วงวัยกลางคนที่นอกจากจะเจอพิษสงครามแล้ว โปแลนด์ยังประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ข้าวยากหมากแพง ดังนั้นมันจึงยากหน่อยจะมีใครอายุยืนได้ขนาดที่ปู่ โควอลสกี ทำ เพราะสภาวะแวดล้อมนั้นอยู่ลำบากแทบจะตลอดเวลา 


Photo : the110club.com

อย่างไรก็ตาม พนักงานทางรถไฟที่เป็นคนธรรมดา ไม่มีได้ร่างกายพิเศษเกินมนุษย์อย่างปู่ โควอลสกี กลับแข็งแรงขึ้นได้โดยสิ่งที่แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ตัว สิ่งนั้นคือ "ไลฟ์สไตล์" นั่นเอง

หากจะพูดถึงเรื่อง ไลฟ์สไตล์ คนยุคปัจจุบันคงนึกถึงการใช้ชีวิตให้คุ้มค่า หาประสบการณ์กับหลาย ๆ เรื่อง และมีความเท่ในแบบสมัยใหม่ อย่างไรก็ตามไลฟ์สไตล์ของคนยุคปู่ โควอลสกี นั้นเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนปู่ก็รู้จักและเติบโตมากับโลกยุคอนาล็อก อยากได้อะไรต้องลงมือทำ จะทำอะไรสักอย่างต้องใช้ความพยายามมากพอสมควร ซึ่งสิ่งนั้นเองคือชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่ประกอบให้เป็นไลฟ์สไตล์ของปู่ โควอลสกี 

ปู่เล่าว่า ไม่เคยรู้ตัวเองมาก่อนว่าร่างกายของตนนั้นจะมีศักยภาพพอจะทำให้อะไรได้มากมาย เพราะปู่ไม่ใช่นักกีฬา ไม่เคยเล่นกีฬาจริง ๆ จัง ๆ เลย ทว่าชีวิตประจำวันของปู่นั้นทำให้ปู่ได้ออกกำลังกายโดยไม่รู้ตัว

ในสมัยยังเด็กจนกระทั่งเป็นหนุ่มวัยทำงาน ปู่ต้องเดินทางไปที่ทำงานวันละ 10 กิโลเมตร ไปกลับก็ร่วม 20 กิโลเมตรโดยการใช้จักรยาน ปู่ทำแบบนั้นมาเป็นเกือบ 50 ปี ต่อเนื่องกันทุก ๆ วัน รู้ตัวอีกทีกล้ามเนื้อหัวใจของปู่ก็แข็งแรงมากเมื่อได้รับการตรวจร่างกาย ส่วนกำลังขานั้นไม่ต้องพูดถึง หากรวมระยะทางปั่นทั้งชีวิตของปู่โควอลสกี เผลอ ๆ อาจจะอยู่ในหลักหลายหมื่นกิโลเมตรก็เป็นได้ ... 

ที่สำคัญที่สุด นอกจากด้านร่างกายแล้ว สภาพจิตใจคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรดูแลมันให้ดี เครียดมากส่งผลต่อสุขภาพมาก เครียดน้อยก็ส่งผลต่อสุขภาพน้อย ส่วนคุณปู่ โควอลสกี นั้นวางตัวเองไว้ในฐานะ "ผู้ปล่อยวาง" นั่นคือเขาไม่เครียดกับเรื่องใดจนมากเกินไปเลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอด 110 ปีที่ผ่านมา เมื่อไม่เครียด ร่างกายก็ไม่ได้รับผลกระทบด้านลบ ดังนั้นเองปู่โควอลสกี จึงอยู่ในสถานะที่เรียกว่า กายพร้อม ใจพร้อม อย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม คำถามคือคนเราจะอยู่ไปเพื่ออะไรถึง 110 ปี ? หลายคนสงสัยและถามปู่ โควอลสกี ว่า ปู่มีแรงจูงใจอะไรที่ทำให้ยังคงเอ็นจอยกับชีวิตที่ใช้มามากกว่าศตวรรษ สิ่งที่คุณปู่ตอบได้มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นคือการ "อยู่เพื่อเรียนรู้"

 

น้ำไม่เต็มแก้ว

คนเราเมื่ออายุมากขึ้นก็มักจะเลิกพูดถึงอนาคตของตัวเองกันแล้ว หรือหากจะพูดถึงก็คงนึกแต่เพียงช่วงบั้นปลายชีวิตว่าจะอยู่อย่างไรไม่ให้ต้องลำบากลูกหลานอะไรประมาณนั้น แต่ความจริงที่เล่าผ่านชีวิตปู่ โควอลสกี คือคนเรามีทางเลือก ถ้าแก่แล้วแก่เลย ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมีอายุที่ยืนยาว เพราะเราทำได้แค่หายใจไปวัน ๆ สิ่งสำคัญคือจงเปิดรับสิ่งใหม่เสมอ เมื่อโลกหมุนไปข้างหน้าทุกวัน เราเองก็ไม่ควรจับเจ่าอยู่กับสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ ที่พาลจะทำให้ชีวิตจืดชืดน่าเบื่อและมองไม่เห็นค่าของช่วงเวลาที่เหลือไป


Photo : dziennikzachodni.pl

อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ ปู่ โควอลสกี  อยู่อย่างแข็งแรงได้ด้วยไลฟ์สไตล์ แต่สิ่งที่ทำให้ปู่ยังอยากตื่นขึ้นมาทุกเช้า คือการทำสิ่งใหม่ที่ตนเองไม่เคยทำ  

ในช่วงยุค 10 ปีที่ผ่านมา เทรนด์ของทั่วโลกกำลังมุ่งไปสู่ทิศทางเดียวกันนั่นคือ "การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ" ไม่ต้องนึกภาพประเทศโปแลนด์หลายคนก็น่าจะถึงออก ขนาดประเทศไทยของเราที่ไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวยอะไรนัก แต่ประชาชนหลายคนก็เริ่มหันมาออกกำลังกาย โดยเฉพาะเรื่องการวิ่งนั้น ถือเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายพยายามผลักดันให้ทุกเพศทุกวัยเริ่มวิ่งหรือเดินเพื่อสุขภาพ เพราะทำได้ง่าย แค่ใส่รองเท้าผ้าใบและใจถึง ๆ ก็เพียงพอแล้ว 

ที่โปแลนด์เอง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาก็มีการจัดการแข่งขันวิ่งรูปแบบต่าง ๆ มากมายเหมือน ๆ กับที่ประเทศไทยของเรา และนั่นคือสิ่งที่ปู่ โควอลสกี สนใจ ปู่กำลังมองโลกของคนยุคใหม่และไม่อยากที่จะเป็นผู้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ดังนั้นคุณปู่จึง "เอาด้วย" กับเทรนด์ออกกำลังกาย

เรื่องราวเริ่มขึ้นในปี 2014 ตอนนั้นปู่อายุ 104 ปี และเริ่มตระหนักได้ว่าผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องอยู่ติดบ้านก็ได้ ปู่ โควอลสกี จึงเริ่มใส่รองเท้าผ้าใบและออกมาวิ่งสลับเดินวันละ 10 กิโลเมตรเป็นอย่างน้อย ... นี่ไม่ใช่ระยะทางน้อย ๆ เลย หากใครที่เคยวิ่งออกกำลังกายจะรู้ว่าต้องใช้เวลาปรับร่างกายอยู่หลายเดือน ๆ  เผลอ ๆ ก็ปีกว่าที่จะวิ่งได้ถึง 10 กิโลเมตร 


Photo : alchetron.com

ซึ่งปู่เองก็ไม่กลัวเรื่องกรอบของเวลาสักเท่าไหร่ 10 กิโลเมตรที่ตั้งเป้าไว้ก่อนเป็นเหมือนเส้นชัย แต่จะไปถึงหรือไม่ต้องดูที่การฝึกซ้อม และปู่ โควอลสกี ก็เอาจริงเอาจังนับตั้งแต่วันที่เริ่มต้นจากการเดิน 10 กิโลเมตร ก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะ ๆ สลับเดิน เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือไลฟ์สไตล์ของคุณปู่เหมือนกลับไปเป็นหนุ่ม ๆ อีกครั้ง ด้วยการตั้งปณิธานว่าทุก ๆ วันจะต้องออกมาจากบ้านเพื่อออกกำลังกายไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรก็ตาม หรืออย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ได้ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน ทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นเดินมาที่ป้ายรถเมล์เพื่อขึ้นรถไปซื้อของในเมือง อะไรก็ได้ที่ทำให้ร่างกายแอ็คทีฟตลอดเวลา 

และเมื่อเวลาผ่านไป คุณปู่ก็แตะหลัก 10 กิโลเมตรได้สำเร็จ ... เมื่อถึงวันที่ความพยายามลุล่วง มันไม่ใช่แค่ร่างกายที่แข็งแรงขึ้นตามที่ต้องการเท่านั้น แต่มันเหมือนกับการรีเฟรชชีวิตใหม่อีกครั้งให้สดชื่นและมีความสุขกับเวลาที่ไม่รู้ว่าจะเหลืออีกนานเท่าไหร่ ...

"ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกเหมือนกับเป็นคนใหม่เลยจริง ๆ" ปู่โควอลสกี ว่ากับ Runner's World

 

ใช้ชีวิตให้สุดกรอบ 

เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง การวิ่งระยะ 10 กิโลเมตรก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาของปู่ โควอลสกี ไป ดังนั้นประตูแห่งความท้าทายบานที่ 2 ก็ถูกเปิดขึ้น ... เมื่อเข้าสู่โลกแห่งการวิ่ง ปู่พบว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เขายังสามารถจารึกไว้เป็นสถิติระดับโลกได้ 

แม้ปู่ โควอลสกี จะไม่มีทางเร็วเทียบเท่ากับ ยูเซน โบลท์ แต่ที่แน่ ๆ มันมีการแข่งขันวิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่เมืองวรอตสวัฟ (Wroclaw) ประเทศโปแลนด์เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2014 และด้วยร่างกายที่แข็งแรงผ่านการฟิตซ้อมมาหลายเดือน ทำให้ปู่ โควอลสกี เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ตามด้วยการทำสถิติโลกวิ่ง 100 เมตรของผู้สูงอายุที่ 32.79 วินาที 


Photo : dzla.pl

หากเปรียบเทียบกับนักกีฬาสักคน ปู่ โควอลสกี คงเปรียบเหมือนกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตรงที่ไม่ว่าใครจะชื่นชมว่าร่างกายแข็งแรงและวิ่งได้ดีจนประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่ปู่ โควอลสกี ก็กระหายความสำเร็จอย่างไม่มีทางหยุดได้ง่าย ๆ ปู่เริ่มลงแข่งขันในรายการต่าง ๆ มากมาย รวมถึงการแข่งขันกรีฑาผู้สูงอายุชิงแชมป์ของประเทศโปแลนด์เมื่อปี 2015 ซึ่งปู่คิดว่า นี่แหละ เวทีที่สร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ

ปู่เลือกลงแข่งขันในระยะทาง 100 เมตร, ทุ่มน้ำหนัก และ ขว้างจักร ที่จริงการแข่งขันนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อความเป็นเลิศอะไรนัก มันคือรายการที่ทำให้เหล่าผู้สูงอายุได้ใช้เวลาว่างและได้มีกิจกรรมที่สามารถช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและจิตใจกระชุ่มกระชวยมากกว่า 

ทว่าตอนนั้นปู่โควอลสกี มาแบบเอาจริง ในวัย 105 ปี ไม่มีใครจะอายุมากไปกว่านี้อีกแล้ว ปู่แก่ที่สุดแต่ก็เก๋าที่สุดเช่นกัน ปู่วิ่งระยะ 100 เมตรได้ในเวลา 34.50 วินาที, ทุ่มน้ำหนักได้ไกล 4.27 เมตร และขว้างจักรได้ 7.5 เมตร การแข่งขันครั้งนั้นปู่ไม่ได้ชนะ แต่ได้ทำสถิตินักกีฬาสมัครเล่นที่อายุมากที่สุดในโลกลงไปเรียบร้อยแล้ว

ทว่าความกระหายยังไม่สิ้นสุด มันเหมือนกับคนที่ได้เจอที่ที่ทำให้ตัวเองกลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง ปู่โควอลสกี เริ่มลงแข่งขันรายการต่าง ๆ มากขึ้น กระทั่ง World Masters Athletics องค์กรที่ควบคุมการแข่งขันกรีฑาผู้สูงอายุต้องมีการเปิดการแข่งขันรุ่นใหม่ คือรุ่นอายุ 105 ปีขึ้นไป เพราะอายุของปู่ โควอลสกี มากกว่าเจ้าของสถิติโลกเดิมที่เป็นอดีตนาวิกโยธินชาวอเมริกันอย่าง จอห์น วิทเทิลมอร์ (104 ปี 10 เดือน) ซึ่งในการแข่งนั้นปู่ โควอลสกี ต้องวิ่งคนเดียว ... เพราะไร้คู่แข่งทั้งด้านความเร็วและด้านอายุที่ไม่ใครเทียบเท่าอีกด้วย


Photo : www.fakt.pl

ปู่ลงแข่งขันรายการต่างที่จัดขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมาจนถึงปี 2020 ... ปัจจุบันนี้อายุของปู่ โควอลสกี ยืนยาวถึง 110 ปีแล้ว ส่วนสถิติเดิมนั้นก็คงยากที่จะทำลายเพราะด้วยอายุที่มากขึ้น บวกกับสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ที่ทำให้การซ้อมและการแข่งของปู่ โควอลสกี ลดน้อยถอยลงไป

อย่างไรก็ตาม ใจความสำคัญไม่ใช่สถิติโลก แต่ทุกครั้งที่ปู่ไปแข่งในรายการไหน ๆ คนรุ่นลูก หลาน และเหลนมักจะถามปู่เสมอว่า อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้อายุยืนและแข็งยังแข็งแรง ซึ่งปู่ก็ตอบเหมือนทุกครั้งคือ "เดินเยอะ ๆ กินน้อย ๆ" นอกจากนี้ปู่ยังยืนยันว่าการได้กินของอร่อยตามใจปากคือสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เพียงแต่ว่าต้องรู้จักปริมาณที่เหมาะสม แม้กระทั่งเหล้าเบียร์ ปู่ก็ยืนยันว่าวันไหนครึ้มอกครึ้มใจปู่มักจะจัดสักเป๊กสองเป๊ก (50 กรัมโดยประมาณ) เพื่อเพิ่มความซู่ซ่าและสนุกสนานให้ตัวเองและคนรอบข้าง


Photo : www.festiwalbiegowy.pl

สำคัญที่สุดที่ปู่ย้ำนักย้ำหนา คืออย่าเครียด ... จิตใจดีเมื่อเท่าไหร่ มองโลกในด้านบวกได้มากแค่ไหน ร่างกายของคุณก็จะเป็นเช่นนั้น ... 

ส่วนสิ่งที่หลายคนอยากถามแต่ไม่กล้าถาม คืออะไรเป็นแรงจูงใจที่ปู่โควอลสกียังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป คำตอบนั้นอาจจะไม่ได้ตอบจากปากของคุณปู่เสียทีเดียว แต่ช่วงชีวิตที่กล่าวมาทั้งหมดบอกเราได้ว่าการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย สร้างแชลเลนจ์ให้ตัวเองในทุกช่วงอายุ อยู่กับปัจจุบันให้มีความสุข และอนาคตปล่อยให้เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมจะนำพาไป และพร้อมเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น


Photo : www.fakt.pl

คุณเองอาจจะไม่คาดหวังถึงชีวิตที่ยืนยาวเป็น 110 ปีเหมือนที่ปู่โควอลสกีทำ แต่ที่แน่ ๆ เมื่อคุณแก่ตัวขึ้นไปจงอย่าลืมคำแนะนำที่คุณปู่ได้ว่าไว้ แล้วคุณจะไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่และไร้ค่าอย่างที่ใครหลายคนมีมุมมองต่อผู้สูงอายุ ณ ปัจจุบัน ... 

ไม่แน่หากคุณหาความสุขของคุณเจอ คุณอาจจะอายุยืนเกิน 100 ปีเหมือนที่ปู่โควอลสกีเป็นก็ได้ ...  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook