The Last Samurai : "อิซาโอะ มาจิอิ" ยอดมนุษย์ที่ตัดกระสุนปืนได้โดยไม่ต้องใช้ตามอง

The Last Samurai : "อิซาโอะ มาจิอิ" ยอดมนุษย์ที่ตัดกระสุนปืนได้โดยไม่ต้องใช้ตามอง

The Last Samurai : "อิซาโอะ มาจิอิ" ยอดมนุษย์ที่ตัดกระสุนปืนได้โดยไม่ต้องใช้ตามอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การใช้ดาบนั้นดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ตกยุคไปแล้วในปัจจุบัน เพราะมีอาวุธที่มีศักยภาพสูงกว่าและใช้เวลาฝึกฝนน้อยกว่าเกิดขึ้นมากมาย อย่างไรก็ตาม ที่ญี่ปุ่นนั้น วิถีของซามูไรยังคงถูกส่งต่อเรื่อยมาหลายร้อยปี จนกระทั่งคัมภีร์ปัจจุบันว่ากันว่าถูกเก็บไว้ที่ซามูไรคนสุดท้ายที่มีนามว่า อิซาโอะ มาจิอิ

นี่คือเรื่องราวของชายผู้ถือดาบและไร้เทียมทานที่สุดในโลก สิ่งที่เขาทำเหนือกว่าความสง่างาม ความเร็ว และความรุนแรง แต่มันก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์จนไปถึงระดับ The Avengers ได้เลยด้วยซ้ำ

ติดตามเรื่องราวของผู้ถูกขนานนามว่า The Last Samurai ที่สามารถหยุดกระสุนด้วยคมดาบและไม่ใช้ตามองได้ที่นี่

ผมก็อยู่ของผมดีๆ

อิซาโอะ มาจิอิ คือเด็กหนุ่มที่เติบโตมากับตระกูลซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นซามูไร หรือที่เรียกกันว่า "บูชิ" (ข้าราชบริพารของไดเมียวหรือโชกุน) เขาเล่าว่าบ้านของเขานั้นมีดาบซามูไรเป็นของสะสมอยู่นับร้อยๆเล่ม ถูกคุณพ่อสอนให้จับดาบตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และใช้มันในแบบที่บรรพบุรุษของเขาเคยใช้ ซึ่งเมื่อได้ลองแล้ว เขาก็ไม่เคยหยุดฝึกฝนอีกเลย 

"ผมสะสมดาบเป็นงานอดิเรก และเริ่มอยากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขึ้นมา ไม่ได้อยากเป็นแค่นักสะสมเท่านั้น ช่วงเวลาหนึ่งผมรู้สึกว่าผมอยากจะหยิบจับพวกมันให้ได้แบบมืออาชีพ" อิซาโอะ ว่าไว้ 

1

ศาสตร์การต่อสู้ของญี่ปุ่นนั้นมีหลากแขนงหลายอย่าง แม้กระทั่งแตกไลน์ออกมาเป็นการฝึกฝนด้านเพลงดาบแล้ว ก็ยังมีการซอยย่อยแตกแขนงไปอีก ซึ่งการใช้ดาบที่อิซาโอะฝึกนั้นเรียกว่าการฝึกแบบ Shushin-ryu Iaijutsu (ชุชิน ริว อิไอจุตสึ) เป็นศิลปะการต่อสู้แบบวาดดาบด้วยความเร็วตามฉบับญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ซึ่งมักใช้ในสถานการณ์ที่นักดาบสองคนเผชิญหน้ากัน แต่ยังไม่ได้ต่อสู้

โดยปกติแล้วการจะวัดว่าซามูไรคนไหนฟันเร็วฟันไม่เร็วนั้น จะมีหน่วยวัดแบบมาตรฐานซึ่งนิยมใช้กันอยู่บ่อยๆ นั่นคือการใช้เสื่อทาทามิ (เสื่อฟาง) ที่มัดรวมกันเป็นแท่งๆเพื่อเพิ่มความหนา ว่ากันว่าขนาดและการฟันยากของเสื่อทาทามิ จะให้ความรู้สึกเดียวกับการฟันแขนและขามนุษย์ ก่อนจะให้ผู้ถือดาบได้ทดลองฟันกันดู โดยการทดสอบนี้จะแสดงให้เห็นถึงความเร็วในการฟัน รวมถึงน้ำหนักมือและความคมของดาบคาตานะที่พวกเขาเหล่านั้นถืออีกด้วย   

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะฟันเสื่อทาทามิให้ขาดในฉับเดียว แต่นั่นคือสิ่งที่อิซาโอะและดาบคาตานะของเขาทำได้ และไม่ใช่เพียงครั้งเดียวด้วย ความเร็วในการวาดดาบของอิซาโอะได้ทั้งน้ำหนักและจังหวะจนเป็นที่กล่าวขานเล่าลือไปทั่ว และนั่นทำให้เขาได้รับเชิญไปออกรายการกินเนสส์ เวิลด์ เร็คคอร์ดส์ เพื่อทำสถิตินักดาบที่สามารถฟันเสื่อทาทามิให้ขาดได้มากที่สุดในโลก

2

เดิมทีอิซาโอะไม่ใช่คนชอบออกสื่ออะไร เขาเชื่อมั่นในวิถีของนักรบโบราณ เลือกที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ตั้งอยู่บนความชอบธรรม และมีความสูงส่งในแบบของตัวเอง การไปออกรายการเพื่อความบันเทิงนั้นดูไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดเท่าไรนัก ทว่าการตอบรับครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2004 ณ เวลานั้นเขาเพียงต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ศาสตร์โบราณที่คนญี่ปุ่นภาคภูมิใจยังไม่ได้หายไปไหน 

ในปี 2004 นั้น อิซาโอะโดนท้าทายด้วยโจทย์การฟันเสื่อทาทามิที่ตั้งกับพื้นโดยไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว สิ่งที่เขาต้องทำคือการวาดดาบและฟันเสื่อทาทามิให้ได้สมบูรณ์แบบที่สุดและทำให้เสื่อขาดจากกันมากครั้งที่สุดโดยที่ฐานของแท่งเสื่อนั้นไม่ล้ม.. การจะฟันฉับเดียวให้ฐานไม่ขยับต้องอาศัยสมาธิและการฟันที่สมบูรณ์แบบมากๆ ซึ่งในการโชว์ผ่านสื่อครั้งนั้น อิซาโอะสามารถฟันเสื่อทาทามิได้ขาดออกจากกันถึง 7 ครั้ง โดยฐานของเสื่อไม่ได้ล้มเลยแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อนั้นเขาก็เริ่มมีชื่อเสียงและถูกเรียกว่า "สุดยอดซามูไร"

ยอดฝีมือต้องออกโรง

จากครั้งแรกก็มีครั้งต่อๆไปตามมาไม่หยุด กินเนสส์ บุ๊ค นั้นพยายามคิดโจทย์มากมายเพื่อทดสอบความสามารถของอิซาโอะและดาบคาตานะคู่ใจ เขาไม่ได้มองมันในแง่ของการโฆษณา แต่เขาคิดว่าการโดนท้าทายด้วยโจทย์ต่างๆ เปรียบเสมือนการต่อสู้ของซามูไรในยุคปัจจุบันที่ต้องพิสูจน์ว่า สิ่งที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษไม่ใช่แค่เรื่องเล่าที่มีให้ฟังเท่านั้น แต่ไม่เคยมีใครได้เห็นภาพหรือการเห็นด้วยตาของตัวเอง

"สถิติโลกของผมเปรียบเสมือนการรักษามรดกตกทอดที่เราสืบต่อกันมา พวกเขาพยายามหาบททดสอบผมด้วยอะไรที่ยากและเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ แต่นี่แหละคือวิธีที่ยอดเยี่ยมที่ผมจะได้พิสูจน์มันให้เห็นพร้อมกันทั้งโลก"

3

3 ปีต่อมาหรือในปี 2007 อิซาโอะได้รับโจทย์ใหม่ นั่นคือไม่ต้องฟันเสื่อทาทามิให้ขาดโดยฐานของเสื่อห้ามล้มแล้ว เพราะสิ่งที่เขาจะพิสูจน์คือการจับเวลาว่า ด้วยจำนวนเสื่อทาทามิ 1,000 อัน เขาจะใช้เวลาฟันมันให้ขาดทั้งหมดภายในเวลาเท่าไหร่?

นี่คือโจทย์ที่ยากมากหากเทียบกับปี 2004 ตอนนั้นเขาฟันเพียงแค่ 7 ครั้งก็ได้สถิติโลก แต่ตอนนี้เขาจะต้องฟันให้ขาดถึง 1,000 ครั้ง และแน่นอนว่าในแต่ละครั้งเรี่ยวแรงของเขาก็จะลดน้อยถอยลงไปด้วย อาจจะก่อให้เกิดการ "ตัดไม่ขาด" ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ 

ทว่าหลังจากสัญญาณเริ่ม อิซาโอะเดินหน้าฟันแหลก เสื่อทาทามิแต่ละอันที่ขาดแสดงให้เห็นถึงร่องรอยการโดนฟันที่เรียบและเนียนสุดๆ เขาใช้เวลาฟันเสื่อ 1,000 แผ่นได้ในเวลา 36 นาทีกับอีก 4 วินาที โดยกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทุกๆการตัด 1 ครั้งเขาจะใช้เวลาราวๆ 2 วินาที และการฟันให้ขาดแบบไปเรื่อยๆจนเกินครึ่งชั่วโมงนั้นคือความสำเร็จที่แทบไม่น่าเป็นไปได้

ยิ่งแสดงตัวผ่านสื่อ ความสุดยอดของอิซาโอะก็เผยออกมาแบบไม่หยุด เขาสามารถทำลายสถิติโลกได้อีก 5 รายการ อย่างแรกคือการทำลายสถิติเดิมของตัวเองนั่นคือการตัดเสื่อทาทามิแบบไม่มีฐานยึดกับพื้นให้ขาดได้ถึง 8 ครั้ง (โดยเสื่อไม่ล้มลง) ตามด้วยการตัดเสื่อทาทามิ 252 แผ่นในเวลาแค่ 3 นาที (เฉลี่ยอยู่ราวๆ 1 วินาทีครึ่งต่อเสื่อ 1 แผ่น)   

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำได้ยากมากๆ แต่เราเชื่อว่าหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ยังไม่รู้สึก "ว้าว" อะไรมากนัก เพราะด้วยความต่างของวัฒนธรรม และความเข้าใจในการใช้ดาบรวมถึงการฟันเสื่อทาทามิ ก็เป็นเรื่องไกลตัวจนกว่าเราจะสามารถเชื่อสนิทใจว่าเขาเป็นซามูไรตัวจริง และการทำแบบนี้มันพิเศษมากแค่ไหน.. 

5

จงอย่าแปลกใจ เพราะหลายคนก็รู้สึกแบบนั้น คนดูเห็นอิซาโอะฟันเสื่อให้ขาด แต่ก็แล้วยังไงต่อล่ะ? พวกเขายังไม่เข้าใจว่าเสื่อทาทามินั้นหนาและฟันให้ขาดแบบฉับเดียวยากมาก จนถึงขั้นมีการเปรียบเทียบความแข็งและหนาเหมือนกับแขนและขาของมนุษย์ ดังนั้น หาก อิซาโอะ มาจิอิ อยากแมสยิ่งกว่านี้ เขาต้องทำอะไรที่มันเข้าถึงคนดูง่ายกว่าที่เป็นอยู่ ชนิดที่ว่าคนดูเห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่ามันยากสุดๆ 

ดังนั้น จากเสื่อจึงต้องทำให้คนเห็นภาพง่ายกว่าเดิมแบบชัดๆไปเลย ด้วยการเปลี่ยนให้อิซาโอะฟันลูกกระสุน.. ของที่ใครๆก็รู้ว่าถ้ามันถูกลั่นไกออกจากปืนในระยะทำการแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะหลบและตั้งตัวกับลูกกระสุนนั้นได้

พี่มันไม่ใช่คนแล้ว

หนนี้ไม่ใช่ กินเนสส์ เวิลด์ เร็คคอร์ดส์ ที่มาหาอิซาโอะ แต่เป็น สแตน ลี (Stan Lee) บิดาแห่ง Marvel ผู้สร้างตัวละครยอดมนุษย์อย่าง Hulk, Spider Man, Iron Man, หรือทีม Avengers ที่มีรายการโทรทัศน์ของตัวเองชื่อว่า Stan Lee's Superhumans ซึ่งจุดประสงค์ของรายการนั้นคือการหายอดมนุษย์ที่ทำอะไรมหัศจรรย์ได้ในชีวิตจริง และ สแตน ลี เลือกอิซาโอะเป็นคนที่จะได้รับบททดสอบต่อไป 

ในปี 2010 คือวันที่เทปของอิซาโอะได้ออกอากาศ เขาเล่าว่าเดิมทีมีการนัดหมายกันว่าจะให้เขาใช้ดาบคาตานะฟันลูกเบสบอลที่ถูกขว้างโดยพิชเชอร์มืออาชีพ โดยความเร็วตามที่ตกลงกันจะอยู่ที่ราวๆ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นค่าความเร็วระดับสูงสุดๆแล้วที่มนุษย์จะสามารถมองได้ด้วยตาเปล่ารวมถึงใช้ปฏิกิริยาตอบกลับ 

ทว่าเมื่อเอาเข้าจริง กลับกลายเป็นว่าเกิดปัญหาบางประการทำให้โจทย์ต้องเปลี่ยน จากการฟันลูกเบสบอลที่โดนขว้างใส่ เปลี่ยนให้เป็นลูกกระสุนบีบีกัน ที่มีความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และโจทย์คือ อิซาโอะห้ามชักดาบออกจากปลอก จนกว่าจะมีการยิงลูกกระสุนขนาด 6 มม. ออกมา

6

โดยปกติแล้วสายตาของมนุษย์ไม่มีทางมองความเร็วระดับนั้นทันแน่นอน แม้แต่กล้องที่ใช้ในการทดสอบนั้นยังไม่สามารถใช้กล้องธรรมดาได้ แต่ต้องเป็นกล้องแบบซูเปอร์สโลว์โมชั่นที่สามารถปรับความช้าลงถึง 250 เท่าจึงจะเห็นกระสุนนั้น 

ทว่า อิซาโอะที่ยืนอยู่ห่างจากผู้ยิงไม่เกิน 30 เมตร กลับใช้จังหวะการชักดาบออกมาเพียงเสี้ยววินาที ตัดลูกกระสุนขนาด 6 มม. ขาดออกเป็นสองท่อนอย่างไม่น่าเชื่อ.. นี่คือปฏิกิริยาตอบโต้ของร่างกายที่เร็วเกินกว่าที่ใครจะประมาณได้

"เดิมทีผมตกลงว่าจะฟันลูกเบสบอล แต่ในมุมมองของผม ผมคิดว่าผมควรจะทำอะไรที่ยากกว่านั้น และสิ่งที่จะแสดงประสิทธิภาพของผมได้ดีที่สุดคือ การท้าทายกับลูกกระสุนขนาด 6 มม." อิซาโอะ กล่าว

สาเหตุที่อิซาโอะมั่นใจมากๆว่าตนเองจะทำได้ คือโจทย์ที่ทีมงานขอมานั้นเป็นการวัดจากศักยภาพการมองเห็นของตาเปล่าของมนุษย์ ซึ่งปกติแล้ว 350 กม./ชม. ไม่มีทางเป็นไปได้ และที่เขารับคำท้าไม่ใช่เพราะเขามีประสาทตาที่ดีและแววตาที่เฉียบแหลมกว่ามนุษย์ทั่วไป ความลับคือเขาไม่ได้ใช้ตามอง แต่เขาใช้แค่ "ความรู้สึก" เท่านั้นในการชักดาบออกมาและวาดบนอากาศพร้อมๆกับการตัดกระสุนบีบีกันครั้งนี้..

"ผมบอกทุกคนเสมอว่า ผมเชื่อเรื่องการพยายามทุ่มเท และการฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อไปให้ถึงสิ่งที่หวัง แต่นี่มันไม่ใช่อะไรแบบนั้น" เขากำลังหมายถึงความพิเศษของร่ายกายตัวเองที่แม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ 

8

หลังจากมีการเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป อิซาโอะก็ถูกเรียกว่า "ซามูไรคนสุดท้าย" คนดูต่างเข้าใจในทันทีถึงความยากเมื่อเขาได้ฟันกระสุนและสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะนอกจากระสุน ยังมีทั้งเมล็ดข้าว, แมลงวัน, ลูกเบสบอลที่ยิงจากปืนความเร็วกว่า 800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งที่ทำให้เขาชักดาบออกมาไม่ใช่ดวงตา แต่เป็นความรู้สึก.. ว่ากันว่า ณ ปัจจุบันไม่มีใครสามารถใช้ดาบคาตานะได้ดีกว่ายอดมนุษย์แห่งปฏิกิริยาตอบกลับ (รีเฟล็กซ์) อย่าง อิซาโอะ มาจิอิ อีกแล้ว 

ปัจจุบัน อิซาโอะ เป็นนักดาบญี่ปุ่นจากสำนักเอะอิชิน-ริว ที่มีสาขาแยกออกมาต่างๆอีกมากมาย และกลายเป็นคนดังที่ปรากฎตัวตามหน้าสื่ออยู่บ่อยๆ จะเรียกว่าคิวทองก็คงไม่ผิดนัก.. อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้เขายังเคารพในมรดกที่สืบทอดต่อกันมาถึง 400 ปี เขามักจะไปไหนมาไหนด้วยการสวมชุดกิโมโนเพื่อแสดงถึงความอนุรักษ์ศาสตร์โบราณ โดยที่ตัวของเขานั้นย้ำมาตลอดว่า การเปิดสาขาสอนวิชาดาบศาสตร์ อิไอจุตสึ ของเขานั้นไม่ใช่การทำเชิงพาณิชย์เสียทีเดียว เขาพยายามคิดค่าสอนให้น้อยที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นค่าอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสามารถให้ทุกคนเข้าถึงศาสตร์ของบรรพบุรุษได้มากขึ้นนั่นเอง

9

แต่ไม่ว่าเขาจะมีลูกศิษย์มากมายแค่ไหน งานนี้มันก็ยากจริงๆที่จะบอกว่ามีเหตุการณ์ศิษย์ล้างครู เพราะพรสวรรค์ที่อิซาโอะได้รับเรื่องปฏิกิริยาการตอบกลับและการฝึกฝนซ้ำๆแบบทุกเมื่อเชื่อวัน ทำให้ที่สุดแล้วคงมีเพียงแต่คนระดับยอดมนุษย์เท่านั้น ที่จะทาบความเร็วในการผ่าสิ่งต่างๆได้โดยไม่ใช่ตามองแบบเขา... 

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ The Last Samurai : "อิซาโอะ มาจิอิ" ยอดมนุษย์ที่ตัดกระสุนปืนได้โดยไม่ต้องใช้ตามอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook