กัส ดามาโต้ : ชายผู้ใช้ 2 มือเลี้ยงบุตรซาตานที่ชื่อ “ไมค์ ไทสัน” ให้เป็นคน

กัส ดามาโต้ : ชายผู้ใช้ 2 มือเลี้ยงบุตรซาตานที่ชื่อ “ไมค์ ไทสัน” ให้เป็นคน

กัส ดามาโต้ : ชายผู้ใช้ 2 มือเลี้ยงบุตรซาตานที่ชื่อ “ไมค์ ไทสัน” ให้เป็นคน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"Confusing the Enemy" หรือ "ทำให้ศัตรูสับสน" คือชื่อของหนังสือที่ ดร.สก็อตต์ ไวส์ เขียนถึงเทรนเนอร์มวยสากลคนหนึ่ง

อันที่จริงเขาไม่ใช่นักเขียนอาชีพ แต่เป็นนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญสายกีฬา ซึ่งมีประสบการณ์ร่วมงานกับทีมมวยสากลโอลิมปิกทีมชาติสหรัฐอเมริกามาแล้ว และเรื่องราวที่เขาไปประสบพบเจอมานี้ ทำให้เขาเชื่อว่าหากเขียนสิ่งนี้ลงไปในหนังสือ "มันจะนำมาซึ่งโลกที่น่าอยู่ขึ้น" เพราะมันคือเรื่องราวของชายผู้นำชีวิตไปเสี่ยงกับเด็กหนุ่มบ้านแตกใช้ชีวิตแบบแก๊งอาชญากรโดยมีความเชื่อว่า "ทุกคนมีความดีซ่อนอยู่ในตัว"

นี่คือเรื่องราวของ กัส ดามาโต้ ครูมวยที่รับหน้าที่สร้างเส้นทางเดินใหม่ให้กับเด็กๆ ผู้มีชีวิตที่พวกเขาไม่มีทางเลือก และหนึ่งในนั้นคือ ไมค์ ไทสัน แชมป์มวยเฮฟวี่เวตที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่โลกเคยมี

ติดตามทั้งหมดได้ที่นี่

โลกนี้ต้องขับเคลื่อนได้ด้วยความรัก

กัส ดามาโต้ เกิดในครอบครัวของชาวอิตาเลี่ยน พ่อของเขามีอาชีพส่งน้ำแข็งและถ่านหินในย่านบรองซ์ มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แม้จะทำงานหนักมาตั้งแต่เด็กจากฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ครอบครัว ดามาโต้ เชื่อมั่นในการชี้นำของพระเจ้าอย่างแท้จริง พวกเขาเป็นคาทอลิกที่เคร่งครัด


Photo : www.lavocedinewyork.com

หนึ่งในหลักสอนของ คาทอลิก ที่เกี่ยวข้องกับความรักกล่าวว่า “ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิดที่ได้รับ ไม่ยินดีในความชั่ว แต่ร่วมยินดีในความถูกต้อง ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่างหวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง ความรักไม่มีสิ้นสุด”

ขอขีดเส้นใต้ตรงประโยคที่ว่า "ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่างหวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง ความรักไม่มีสิ้นสุด” เพราะประโยคนี้คือสิ่ง กัส ดามาโต้ ใช้นำทางชีวิตของเขาเสมอมา 

ตอนอายุ 22 ปี กัส เปิดยิมหรือค่ายมวยที่ชื่อว่า Gramercy Gym เขาหุ้นกับ แจ็ค บาร์โรว์ เพื่อนของเขา โดยตัวของ แจ็ค เป็นคนลงเงินเป็นหลัก ส่วน กัส มีหน้าที่เป็นครูมวย กิน นอน และใช้ชีวิตอยู่ที่โรงยิม นั่นคือหน้าที่ของเขา

ชื่อเสียงโรงยิมแห่งนี้โด่งดังสุดในช่วงยุค '50s เมื่อ กัส ได้ปั้นนักมวยระดับแชมป์โลกที่ก้าวขึ้นไปติด "ฮอล ออฟ เฟม" ถึง 3 คน คือ ฟลอยด์ แพทเทอร์สัน, ร็อคกี้ กราเซียโน่ และ โฮเซ่ ตอร์เรส ทว่าเมื่อมีชื่อเสียงขึ้นมา กัส และค่ายของเขามักจะถูกเกมการเมืองในวงการมวยเล่นงานบ่อยๆ นักมวยในสังกัดเขาโดนตัดสิทธิ์ขึ้นชกบ้าง ริบแชมป์บ้าง นั้นจึงทำให้ กัส เริ่มจะถอดใจกับเรื่องนี้


Photo : @hannibalbox

อย่างไรก็ตามทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาพบกับ คามิล เอวัลด์ ที่กลายมาเป็นภรรยาของเขาในช่วงยุค '60s ความรักครั้งนี้ ตัวของ คามิล นั้นได้สมบัติมาจากครอบครัวคือบ้านขนาดใหญ่ 1 หลัง จริงๆ เธอคิดจะขายเพื่อเอาเงินมาใช้ แต่ กัส เสนอว่าให้เปลี่ยนบ้านที่มี 14 ห้องหลังนี้ให้เป็นค่ายมวยที่ใช้สอนเด็กๆ ในย่านบรองซ์ ที่เป็นพื้นที่เสื่อมโทรมของนิวยอร์ก เขาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการรวมถึงครูฝึก ส่วนเธอจะเป็นคนทำอาหารและงานบ้านอื่นๆ 

เด็กๆ หลายคนเข้ามาที่นี่เพื่อเรียนวิชามวย ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่เคยรู้ตัวเลยคือพวกเขาได้วิชาชีวิตจาก กัส ที่มักจะสอดแทรกให้เด็กทุกคนด้วยความรักเสมอ เหมือนกับสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอดชีวิต และเด็กแต่ละคนที่จะมาหาเขามักจะมาในรูปแบบไม่มีที่ไปและต้องการผู้นำทางเสมอ 

 

ผลิตภัณฑ์จากนรก 

"ผมเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ที่มีหน้าที่ปีนหน้าต่างเข้าไปปลดล็อกประตูให้กับพวกพี่ๆ ในแก๊ง ในกลุ่มอาชญากรเล็กๆ นี้ นี่คือโรงเรียนของผม และผมก็เป็นนักเรียนเกรดเอที่กำลังดื่มด่ำกับชีวิตยามค่ำคืนและแสงสีซะด้วย" ไทสัน เล่าให้ Sports Illustrated ฟัง

จริงๆ ไทสัน ถูกส่งเข้าโรงเรียนเหมือนกัน แต่ปัญหาคือเขามักจะต่อยเพื่อนในห้องทุกครั้งที่อารมณ์เสีย จนถูกส่งเข้าโรงเรียนดัดสันดานที่ชื่อ "ทรายออน สคูล ฟอร์ บอยส์" แต่พฤติกรรมของเขาไม่เปลี่ยนแปลง 

"ที่นั่นผมยังชกทุกคนที่ขวางหน้า ผมชกนักเรียน ผมชกการ์ดของโรงเรียน ใครที่มันกล้ายุ่งกับผม ผมจะรอเวลาเพื่อจัดการมัน" เหตุผลนี้เองที่ทำให้ ไทสัน โดนจับขังคุกมืดของโรงเรียน คุกที่มีสภาพไม่ต่างกับคุกของผู้ใหญ่และเมื่อนั้นทำให้ ไทสัน รู้ว่า อิสรภาพนั้นคือของที่มีค่าขนาดไหน เขาจึงเริ่มอยากจะลองทำอะไรดีๆ ให้กับชีวิตตัวเองสักครั้ง

ในระหว่างที่อยู่คุกมืด ไทสัน ได้ยินพวกผู้คุมคุยกันว่าหากเด็กคนไหนทำตัวดี เด็กคนนั้นจะถูกส่งไปหา มิสเตอร์ สจ็วร์ต หรือชื่อเต็ม บ็อบบี้ สจ็วร์ต นักสังคมสงเคราะห์ใจดีที่มีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้ทำ อาทิ การชกมวย ซึ่งเขามักจะเป็นผู้ไปหาเด็กที่มีแววจากโรงเรียนดัดสันดานไปให้กับกัส ดามาโต้ ได้ปั้นต่อ

"เขาสงบลงเยอะมาก เขาดูสุภาพ เขากินอย่างมีระเบียบและทำความสะอาดในส่วนของตัวเอง และตอนนี้เขาขอแลกความดีทั้งหมดเพื่อการได้คุยกับคุณ" ผู้คุมคุยกับสจ็วร์ต

"ว่าไง เธอมีอะไรอยากจะคุยกับฉันล่ะ?" มิสเตอร์สจ็วร์ต ตะโกนมาแต่ไกล ขณะที่ตรวจห้องขังเด็กแสบคนอื่นๆ 

"ผมอยากเป็นนักสู้อ่ะ" ไทสัน ตอบกลับด้วยความหวัง แต่ สจ็วร์ต ยังต้องการอะไรที่มากกว่านี้

"แล้วเธอคิดว่าคนอื่นเขาไม่อยากเป็นบ้างเหรอ? คนที่อยากจะเป็นนักสู้เขาไม่มาอยู่ที่แบบนี้กันหรอกหนูน้อย เธอรู้ไหมพวกเขาทำอะไร พวกเขาจะตั้งใจเรียน หางานทำและสู้กับโลกแห่งความจริง ที่เธอมาอยู่นี่แสดงว่าเธอเป็นพวกขี้แพ้ ฉันพูดถูกไหม?" สจ็วร์ต ถามกลับ

ไทสัน ตะโกนให้ดังขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นรู้ว่าเขาเอาจริง "ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นนักสู้ ผมยอมทำทุกอย่างที่คุณขอผมให้ทำ ... ได้โปรด"  ประโยคนั้นจบได้ไม่นาน สจ็วร์ต ก็มาโผล่ที่หน้าห้องของไทสัน และจากนั้นเส้นทางระหว่าง กัส และ ไมค์ ก็ได้มาบรรจบกัน

 

Give A Loving Hand ในแบบฉบับกัส 

“Give a loving hand” การหยิบยื่นมือแห่งความรักให้ใครสักคน เพื่อมอบโอกาสหรือสนับสนุนให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้า คือ สิ่งที่สังคมต้องการ มีผู้คนมากมาย ที่ต้องการการช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อโอกาสที่ดีกว่า และไทสัน ก็ได้รับมือแห่งความรักนั้น...

ที่ ยิม ของ กัส เด็กเร่ร่อนมากมายเปิดประตูเข้ามาทดสอบตัวเองกับบทเรียนใหม่ที่ กัส เตรียมไว้มากมาย แต่หลายคนไม่ประสบความสำเร็จต้องถอยกลับออกไป โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าที่นี่มีประตูบานที่ 2 ซ่อนอยู่ หากใครสามารถเปิดมันได้ พวกเขาจะได้พบโรงเรียนแห่งการทำงานหนัก การมีระเบียบวินัย ความอดทนทั้งด้านร่างกายและจิตใจ


Photo : www.catskillboxing.com

"ไอ้หนุ่มคนนี้เดินมาหาผมด้วยอารมณ์ที่เหมือนถ่านกำลังโดนความร้อน ผมต้องให้ประกายไฟกับเขาเพื่อทำให้เขากลายเป็นกองเพลิง" กัส พูดถึงตอนที่พบหน้าไทสันครั้งแรก

อย่างแรกที่เขาต้องการจาก ไทสัน คือการให้เก็บความก้าวร้าวที่ใครก็เกลียดชังไว้ เพียงแค่ต้องเอามันมาใช้ให้ถูกที่ถูกเวลาเท่านั้น ดังนั้นการสอนระหว่าง กัส กับ ไทสัน ไม่เคยมีคำว่าไม้อ่อน ต่อยเป็นต่อย เจ็บเป็นเจ็บ บอกว่าจะเอาอะไรก็ต้องได้แบบนั้น เรียกได้ว่า ไทสัน กลัว กัส หัวหดเลยก็ว่าได้

"ความกลัวคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการเรียนรู้ แต่ความกลัวคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ มันเหมือนกับไฟนั่นแหละ หากคุณควบคุมมันได้ก็สามารถใช้ประโยชน์จากมัน แต่ถ้าคุณคุมมันไม่อยู่มันจะเผาทุกอย่างที่อยู่รอบคุณจนไม่เหลืออะไรให้อาวรณ์" กัส เล่าถึงตำรับการสอนของเขา

กัส เอา ไทสัน ไปชกในเวทีระดับสมัครเล่นในรุ่นเด็ก โดยการไปเจอกับคนที่เป็นมวยกว่าเยอะ สาเหตุที่ทำแบบนั้นเพราะว่าเขาต้องการให้ ไทสัน แพ้ ให้ ไทสัน แสดงความผิดพลาดออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อจะบอกให้รู้ว่าการเป็นนักสู้บนเวทีมันต่างจากนักสู้ข้างถนนขนาดไหน

เพราะการที่เป็นเด็กแสบ ฝึกยาก สอนยาก ทำให้ กัส ใช้เวลากับ ไทสัน มากเป็นพิเศษ รู้ตัวอีกที ไทสัน ก็กลายเป็นศิษย์รักที่ต้องรับกับการปฎิบัติที่แตกต่างจากลูกศิษย์คนอื่นๆ ไปอีกขั้น และ ไทสัน เองก็กลายเป็นเด็กที่เชื่อฟังเขาแบบไม่น่าเชื่อ...

"เขาเพิ่งจะเจอผมได้ไม่นาน แต่เขาบอกว่า ไอ้หนู เดี๋ยวแกจะได้เป็นแชมป์โลก ... ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง" ไทสัน เล่าเรื่องดังกล่าวในภายหลัง

หลังจากฝึกหนักทุกๆ วัน กัส จะเข้าไปคุย ไทสัน ก่อนนอน เขาบอกให้ ไทสัน นึกภาพว่าตัวเองเป็นแชมป์เฮฟวี่เวต ที่ทรงพลัง รวดเร็ว และหมัดหนักยิ่งกว่าใครในประวัติศาสตร์ เขากล่อมไทสันให้หลับไปพร้อมกับความเชื่อแบบนั้น และทันทีที่ตื่น กัส ก็จะเป็นคนแรกที่เริ่มกระชากเขาไปทำในสิ่งที่น่าเบื่ออย่างกระโดดเชือก ชกลม และลงนวม เรียกได้ว่า กัส ฝึกสอนไทสันตลอด 24 ชั่วโมง ลงโทษร่างกายและทดสอบขีดจำกัดด้านจิตใจอยู่ตลอดเวลา

ไทสัน ต้องทำอะไรซ้ำๆ ซากๆ นั่นคือสิ่งที่ กัส วางแผนไว้ เพราะเขาเชื่อว่าสัญชาตญาณเกิดจากการทำซ้ำจนเคยชิน และรู้ตัวอีกทีร่างกายของ ไทสัน ก็เปลี่ยนเป็นอาวุธมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบผ่านการฝึกที่แสนจำเจ

กัส เปลี่ยน ไทสัน เป็นคนละเรื่อง เขาดูแล ไทสัน เหมือนกับลูก ในวันที่แม่ของ ไทสัน เสียชีวิต (ตอน ไทสัน อายุ 16 ปี) กัส รับเขามาเป็นลูกบุญธรรม สอนให้เขาอ่านหนังสือ สอนให้เขามองเห็นค่าของตัวเองว่ามีดีแค่ไหน 

"กัส ทำให้ผมเชื่อว่าผมเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทุกครั้งที่ขึ้นชกเขาจะบอกผมว่า หักซี่โครงมันเลย, ทุบกราบมันซะ และเอาสมองมันออกมาขยี้ คำพูดเขาหมือนกับไฟที่จุดระเบิด หากเขาบอกให้ผมฆ่าใครสักคนผมก็คงทำไปแล้ว" สิ่งที่ กัส สอนกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นเมื่อ ไทสัน เดินขึ้นเวที 

แต่ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น ไทสัน ในวัยหนุ่มก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการฆ่าใครจริงๆ อยู่ดีเพราะ กัส ได้เปลี่ยนทัศนคติของเขาไปจนหมดแล้ว "วีรบุรุษกับคนขี้ขลาดต่างก็หวาดกลัวเป็นเหมือนกัน แต่ฮีโร่จะตอบสนองด้วยวิธีที่แตกต่างออกไป" นี่คือคำที่ ไทสัน จำได้ดี 

"ผมต้องการความนับถือจากใครสักคนจากการที่โดนกระทำในอดีต ดังนั้นผมจึงต้องการ กัส เพื่อช่วยให้ผมกลายเป็นใครสักคนบนโลกนี้" ไทสัน กล่าว 


Photo : dojodrifter.com

นอกสังเวียนเขามีชีวิตที่ดี ส่วนบนสังเวียนก็มีสไตล์ที่ดุดันและมีอนาคตที่สดใส ช่วงชีวิตที่อยู่กับ กัส คือช่วงเวลาที่ ไทสัน มีความสุขที่สุด เพราะกัสให้สิ่งที่ไม่เคยมีใครให้กับเขาได้นั่นคือ "แรงบันดาลใจ" 

"Give A Loving Hand"  มือแห่งความรักจาก กัส แม้มันจะไม่ได้นุ่มนวลชวนสัมผัสในบางครั้ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันทำให้ ไมค์ ไทสัน เติบโตขึ้นทั้งบนเวทีผืนผ้าใบและเวทีชีวิต เหมือนกับที่ บริดจสโตน บริษัทด้านยานยนต์ และชิ้นส่วนขนส่งของญี่ปุ่น ส่งมอบความรักไปกับยางที่คุณเชื่อมือ เล็งเห็นความสำคัญของการหยิบยื่นโอกาส และได้ใช้คำๆ นี้เป็นสโลแกนในการ สนับสนุนนักกีฬาจากต่างที่มาทั่วทุกมุมโลก เพื่อ "Chase Your Dream" ไล่ล่าความฝันของตัวเอง 

"เขาแทบจะเข้าไปอยู่ในหัวของผมเลย เขาชอบใช้เวลากับผม และนั่นคือสิ่งที่ผมต้องการในตอนนั้น ไม่มีใครอีกแล้วบนโลกนี้ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผมเหมือนกับที่ กัส ทำได้" 

 

เมื่อปีศาจไร้ผู้คุมขัง

เมื่อถึงวันที่ ไทสัน อายุได้ 19 ปี กัส มอบทุกอย่างที่เขามีให้กับ ไทสัน ในฐานะนักมวยแล้ว มันก็ถึงเวลาที่ ไทสัน จะต้องเดินหน้าต่อไป กัส ยุติบทบาทโค้ชโดยไม่เต็มใจ ... เขาเสียชีวิตจากโรคปอดบวมในวัย 77 ปี เมื่อปี 1985 

สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือ กัส ไม่ทันได้เห็น ไทสัน เป็นแชมป์โลกอย่างที่เขาบอก


Photo : scroll.in

ไทสัน นักมวยผู้มีจิตวิญญาณแห่งปีศาจที่เก่งที่สุดในโลก เอาชนะคู่ชกอย่างง่ายดายด้วยการ น็อกเอาต์ นิ่งสงบแผ่ออร่าความหน้ากลัวตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเวที นีคือคุณสมบัติที่ทำให้เขาน่าจะเป็นแชมป์ตลอดกาลทาบรัศมี มูฮัมหมัด อาลี ได้เลยด้วยซ้ำ เขาชนะติดต่อกัน 27 ไฟต์ จนได้รับโอกาสขึ้นชิงแชมป์โลกกับ เทรเวอร์ เบอร์บิก ในปี 1986 ก่อนจะชนะน็อกตั้งแต่ยก 2 คว้าแชมป์โลก เฮฟวี่เวต ด้วยวัยเพียง 20 ปี และหลังจากนั้นชื่อเสียงก็ถาโถม

ทว่าเมื่อ กัส ที่เป็นเหมือนผู้มีคาถากักเก็บปีศาจในตัวของ ไทสัน จากไป ทุกอย่างก็ถอยหลังลงอย่างรวดเร็ว วินัยของ ไทสัน เละเทะมาก เขาปาร์ตี้ เมา เสพยา ทุกอย่างที่นักมวยไม่ควรทำ เขาทำมันทั้งหมด และนั่นคือเหตุผลที่ว่า แม้เขาจะกวาดเข็มขัดแชมป์มาครองแทบจะทุกสถาบัน แต่ก็แทบไม่เคยกลับมาชกได้ดีเหมือนกับตอนที่มี กัส เป็นโค้ชอีกเลย

เขาขึ้นหน้าหนึ่งไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งการติดคุก, กัดหู อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ บนสังเวียน รวมถึงการล้มละลายด้วย จากคนที่เคยมีทุกอย่าง กลายเป็นนักมวยหมดสภาพที่ไม่เหลืออะไรติดตัวไปเสียแล้ว

"ผมใช้จ่ายอย่างบ้าคลั่ง ภาษีย้อนหลังเล่นงานมากมาย หนี้ผมเป็น 100 ล้าน ผมล้มละลายมาตลอด 15 ปี แต่ผมก็แกร่งดีเหมือนกันนะที่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่หนุนหลังผมไว้" ไทสัน เล่าเรื่องความตกต่ำของเขา

การหมดตัวและล่มจมครั้งนี้เหมือนกับวันที่ กัส พาเขาไปซ้อมกับมวยที่เก่งกว่าสมัยเด็กๆ เขาโดนต่อยยับ แพ้เละเทะ แต่สิ่งที่เขาได้คือการเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง การแพ้ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียวหากเอามันมาใช้เป็นบทเรียน 

"วีรบุรษกับคนขี้ขลาดต่างก็หวาดกลัวเป็นเหมือนกัน แต่ฮีโร่จะตอบสนองด้วยวิธีที่แตกต่างออกไป" แม้กัสจะจากไปแต่คำสอนของเขายังคงอยู่ แม้ ไทสัน จะประสบความสำเร็จในชีวิตนักมวยน้อยกว่าที่ควร ทว่าในสังเวียนชีวิตเขาคือนักสู้ที่กลับคืนสู่สถานะอันมีเกียรติได้อีกครั้งหลังจากทำผิดมากมายเหลือเกิน

"ผมไม่เคยลดความนับถือในตัวเองเลย เมื่อผมอายุมากขึ้นทุกอย่างมันก็เริ่มสมดุลมากขึ้น" ไทสัน ในวัย 53 ปีที่ได้บทบาทในวงการบันเทิง ได้พื้นที่ในหน้าสื่ออยู่บ่อยๆ และมีกิจการไร่กัญชาถูกกฎหมายที่ทำเงินได้เดือนละ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ กล่าว 

"ผมยอมรับความบกพร่องของตัวเองเสมอ ในชีวิตจริงเอง สิ่งดีๆ ก็มักจะเริ่มต้นจากการรู้ความบกพร่องของตัวเองนี่แหละ ผมภูมิใจในข้อบกพร่องของผมนะ อย่างน้อยๆ พวกมันนี่แหละที่ทำให้ผมมาไกลเกินกว่าที่คิดไว้เยอะเลย" 

ถึงตอนนี้ กัส ดามาโต้ คงสบายใจอยู่บนสวรรค์เมื่อได้รู้ว่าลูกชายของเขากลายเป็นลูกผู้ชายเต็มคน ยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเอง และเป็นคนที่ไม่กลัวความผิดพลาดในชีวิตเหมือนที่เขาเคยได้สอนไว้ก่อนจากโลกนี้ไป 

"กัสไม่เคยสอนให้ผมอ่อนน้อมถ่อมตน ร่างกายผมไม่มีกระดูกที่ชื่อว่ายอมจำนนเลยซักอัน"

"ตอนนี้ผมคิดถึงเขามากจริงๆ คิดถึงเขาตลอดเวลา หากไม่มี กัส ดามาโต้ ก็คงไม่มี ไมค์ ไทสัน อย่างทุกวันนี้หรอก"

อัลบั้มภาพ 42 ภาพ

อัลบั้มภาพ 42 ภาพ ของ กัส ดามาโต้ : ชายผู้ใช้ 2 มือเลี้ยงบุตรซาตานที่ชื่อ “ไมค์ ไทสัน” ให้เป็นคน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook