"Nipplegate" : Super Bowl Halftime Show สุดอื้อฉาวที่มีจุดเริ่มต้นจาก 9.11

"Nipplegate" : Super Bowl Halftime Show สุดอื้อฉาวที่มีจุดเริ่มต้นจาก 9.11

"Nipplegate" : Super Bowl Halftime Show สุดอื้อฉาวที่มีจุดเริ่มต้นจาก 9.11
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 11 กันยายนของทุกปี คือการรำลึกถึงผู้สูญเสียจากวินาศกรรมเครื่องบินพุ่งชนตึก เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในมหานครนิวยอร์ก และ เพนตากอน หรือกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001

มีเหตุการณ์มากมายที่ได้ผลกระทบจาก 9/11 หนึ่งในนั้นคือ การโชว์ "เต้า" ผ่านจอโทรทัศน์ ต่อสายตาผู้ชมมากกว่า 100 ล้านคน จนเกิดความเปลี่ยนแปลงต่อวงการอเมริกันฟุตบอล ในระดับที่อาจเรียกว่า รุนแรงยิ่งกว่าผลกระทบจากเหตุก่อการร้าย

Main Stand บอกเล่าเหตุการณ์ Nipplegate การแสดง Super Bowl Halftime Show สุดอื้อฉาว ที่มีจุดเริ่มต้นจาก 9/11

แจ็คสัน สู่ U2

วินาศกรรม 11 กันยายน สร้างผลกระทบแก่ทุกภาคส่วนในสหรัฐอเมริกา ไม่เว้นแม้แต่ วงการกีฬา การแข่งขันหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น Major League Baseball, Minor League Baseball หรือ Major League Soccer ถูกยกเลิกตามสถานการณ์ มีเพียง National Football League หรือ NFL ที่เลื่อนโปรแกรมตามความเหมาะสม โดยเฉพาะศึก Super Bowl XXXVI ที่ย้ายไปเล่นในวันอาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2002 แทนที่จะเป็นวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมกราคม ดังที่เคยเป็นก่อนหน้า (ปัจจุบัน NFL ยึดวันอาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ เป็นวันแข่งเกม Super Bowl อย่างถาวรแล้ว)

1

แม้ NFL จะสร้างความเชื่อมั่น จนสามารถจัดการแข่งขัน Super Bowl ได้ตามปกติ แต่ความวุ่นวายเข้ามาเยือนพวกเขา เมื่อ เจเน็ต แจ็คสัน ศิลปินหญิงชื่อดังชาวอเมริกัน น้องสาวของ ไมเคิล แจ็คสัน ผู้เคยสร้างตำนานใน Super Bowl XXVII Halftime Show เมื่อปี 1993 ประกาศยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ตทั้งหมด รวมถึง Super Bowl XXXVI Halftime Show ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย ทั้งๆที่ได้มีการเจรจาล่วงหน้าไว้แล้ว

NFL หาทางออกไม่ได้นานหลายสัปดาห์ กระทั่งวันที่ 25 ตุลาคม ปี 2001 จอห์น คอลลินส์ หนึ่งในผู้บริหารของลีก มีโอกาสชมคอนเสิร์ตของ U2 วงร็อคสัญชาติไอร์แลนด์ ที่เดินทางมาทัวร์คอนเสิร์ตในมหานครนิวยอร์ก พวกเขาเล่น 19 เพลงตลอดทั้งคอนเสิร์ต แต่ไม่มีช่วงเวลาไหนน่าประทับใจมากกว่า การแสดงรายชื่อผู้เสียชีวิตจากวินาศกรรม 11 กันยายน บนเพดานของ Madison Square Garden ขณะเล่นเพลง One ซิงเกิลดังจากอัลบั้ม Achtung Baby

"ผมได้ยินผู้คนอุทานว่า โอ้พระเจ้า หลังจากนั้น ผู้คนเริ่มพากันร้องไห้" คอลลินส์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตให้ฟัง

2

วันถัดมาหลังคอนเสิร์ตจบลง NFL ไม่รอช้า ติดต่อวง U2 เพื่อมาเป็นศิลปินของ Halftime Show จอห์น คอลลินส์ โทรหา จิมมี่ ไอโอวีน ประธานค่ายเพลง Interscope Records เพื่อบอกว่า NFL ประทับใจโชว์ของวง U2 และมีความคิดดีๆที่อยากแสดงออกระหว่างช่วงพักครึ่งศึก Super Bowl เมื่อโปรเจคต์ดังกล่าวเข้าหู โบโน่ นักร้องนำวง U2 ฟรอนท์แมนชาวไอริชไม่รอช้า ตอบรับข้อเสนอในทันที

"คุณจินตนาการออกไหมว่า การเป็นคนไอริชในอีเวนต์ที่มีความเป็นอเมริกันมากที่สุด มันรู้สึกอย่างไร?" โบโน่กล่าวหลังถูกติดต่อเป็นศิลปินใน Super Bowl XXXVI Halftime Show

"การได้เล่นใน Super Bowl ช่างน่ามหัศจรรย์ การได้รับรู้ว่าสิ่งนี้คือหัวใจของอเมริกา เป็นอะไรที่ใช่สำหรับผมมาก"

ไม่ใช่ทุกคนใน NFL ที่เห็นด้วยกับการนำ U2 มาเล่นเป็นศิลปินช่วงพักครึ่งด้วยหลายเหตุผล Super Bowl Halftime Show คือหนึ่งในรายการทีวีที่มีเรตติ้งสูงสุดในรอบปี การแสดงที่ออกมาไม่เพียงแค่สนุกสนาน แต่ต้องมาจากศิลปินชื่อดัง หากเทียบชื่อเสียงของ เจเน็ต แจ็คสัน กับ วง U2 ในสหรัฐอเมริกา ฝ่ายหลังแพ้ขาด ไม่รวมถึงการที่ U2 เป็นศิลปินต่างชาติที่ได้รับโอกาสสำคัญในช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันต้องการกำลังใจจากคนในชาติมากที่สุด

อย่างไรก็ดี ไม่มีสิ่งใดลบล้างความประทับใจที่วง U2 แสดงรายชื่อผู้เสียชีวิตในคอนเสิร์ตที่ Madison Square Garden.. NFL ตัดสินใจเลือกวงร็อคจากไอร์แลนด์ เพื่อทำสิ่งเดียวกันในช่วงพักครึ่งของศึก Super Bowl XXXVI ขณะที่โบโน่กำลังขับร้องเพลง Where The Streets Have No Name ท่ามกลางแฟนอเมริกันฟุตบอล 72,922 คน ใน Louisiana Superdome รายชื่อผู้เสียชีวิตในวินาศกรรม 11 กันยายน ปรากฎบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ และถูกถ่ายทอดสู่สายตาผู้ชม 800 ล้านคนทั่วโลก

3

"นี่คือการแสดงช่วงพักครึ่งที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกีฬาอย่างไม่ต้องสงสัย" หนังสือพิมพ์ The Boston Globe พาดหัวถึง Super Bowl XXXVI Halftime Show

การแสดงของวง U2 ในวันนั้น แตกต่างจากสิ่งที่แฟนกีฬาชาวอเมริกันเคยเห็น นี่คือครั้งแรกที่ Super Bowl Halftime Show มีการแสดงจากศิลปินเพียงรายเดียว ไม่มีความสนุกสนานจากการแสดงผาดโผน หรือแดนเซอร์ในคอสตูมตระการตา ไม่ว่าอย่างไร โชว์ช่วงพักครึ่งของ U2 คือหนึ่งใน Super Bowl Halftime Show ที่ดีที่สุดจนถึงทุกวันนี้

Super Bowl XXXVI Halftime Show คือการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส จากสถานการณ์เลวร้ายเท่าที่ชาวอเมริกันเคยเจอ ใครจะรู้ว่า ความสำเร็จใน Super Bowl XXXVI จะก่อให้เกิด Halftime Show ที่อื้อฉาวและน่าอับอายที่สุดในอีก 2 ปีถัดมา

เหตุการณ์ Nipplegate

ตามปกติแล้วเหตุการณ์ทางสังคมในสหรัฐอเมริกามักจะส่งผลกระทบในด้านอื่นๆ เช่นกันกับ Super Bowl XXXVIII Halftime Show ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2004 เมื่อทาง NFL เข้าร่วมแคมเปญ Choose or Lose ของ MTV ช่องโทรทัศน์ดนตรี ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปีเดียวกัน

เพื่อเอาใจแฟนคลับวัยรุ่นศิลปินใน Super Bowl Halftime Show ปีดังกล่าว หนีไม่พ้นป๊อปสตาร์ที่กำลังได้รับความนิยม เจเน็ต แจ็คสัน ถูกเลือกกลับมาเป็นตัวหลักของงาน เนื่องจาก NFL มองว่า เธอคือนักร้องหญิงเบอร์หนึ่งของสหรัฐอเมริกา ในเวลานั้น และควรจะได้แสดงโชว์พักครึ่ง ตั้งแต่ปี 2002 หากไม่เกิดเหตุการณ์ 9/11 จนแผนที่วางต้องยกเลิกไป

4

เจเน็ต แจ็คสัน ขึ้นแสดง Super Bowl XXXVIII Halftime Show ร่วมด้วยศิลปินชาย 4 คน ได้แก่ P. Diddy, Nelly, Kid Rock และ จัสติน ทิมเบอร์เลค นักร้องเดี่ยวหน้าใหม่ อดีตสมาชิกบอยแบนด์วงดัง NSYNC ที่โด่งดังจากอัลบั้ม Justified (2002) ด้วยซิงเกิล Rock Your Body

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เพลงดังกล่าวจะถูกเลือกเป็นการแสดงปิดฉาก Super Bowl XXXVIII Halftime Show ทั้งสองฝึกซ้อมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในท่อนสุดท้ายของเพลงที่ร้องว่า I'm gonna have you naked by the end of this song (ผมจะปลดเปลื้องคุณหลังจากจบเพลงนี้) ทิมเบอร์เลคต้องดึงเกาะอกของแจ็คสันโดยมีบราสีแดงอยู่ภายในเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาพอนาจารเกิดขึ้น

ไม่ว่าพวกเขาจะฝึกซ้อมดีแค่ไหน สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลายเป็นหนังคนละม้วน ทันทีที่ทิมเบอร์เลคต้องเกาะอกของแจ็คสัน เสื้อผ้าที่ปกปิดหน้าอกของนักร้องสาวกลับหลุดติดมือออกมาทั้งยวง เปิดเผยให้เห็นหน้าอกโดยมีแค่เครื่องประดับปิดจุดสำคัญเอาไว้ แม้เป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่ภาพหน้าอกผู้หญิงที่โป๊เปลือยส่งตรงสู่สายตาผู้ชม 143.6 ล้านคนทั่วสหรัฐอเมริกา

5

เหตุการณ์ดังกล่าวถูกเรียกว่า "Nipplegate" ที่สร้างความอื้อฉาวทั่วสหรัฐฯ ทิมเบอร์เลคกล่าวถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของ "ความผิดพลาดจากเครื่องแต่งกาย" (Wardrobe Malfunction) คำแก้ต่างนี้ยังเป็นคำยอดฮิตของชาวอเมริกันที่ใช้ล้อเลียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Super Bowl XXXVIII Halftime Show

NFL รีบแก้สถานการณ์โดยออกมาขอโทษต่อสาธารณะและประกาศว่า MTV จะไม่มีส่วนกับการจัดการแสดงช่วงพักครึ่งอีกต่อไป ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ที่ดูแลการถ่ายทอดสดในวันนั้นอย่าง CBS ถูกปรับเงิน 550,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 17 ล้านบาท แต่นั่นยังไม่เสียหายเท่ากับนักร้องสาวชาวอเมริกัน

เจเน็ต แจ็คสัน ออกมารับผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทน MTV, CBS และ NFL และเปิดเผยต่อสื่อว่า เธอเป็นคนปรับเปลี่ยนการแสดงกับทิมเบอร์เลคในการฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายจนนำมาสู่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น คำสัมภาษณ์ของเธอในครั้งนี้ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า Nipplegate อาจไม่ใช่อุบัติเหตุ เมื่อหน้าอกของแจ็คสันมีเทปขนาดเล็กปิดอยู่ 

6

เพื่อตัดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากศิลปินที่กำลังอื้อฉาว เพลง และ มิวสิควิดีโอ ของ เจเน็ต แจ็คสัน ถูกแบนจากโทรทัศน์ทั่วโลก เธอถูกถอดจากงานแกรมมี อวอร์ดส์ ครั้งที่ 46 ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์ถัดมา แถมคลิปเหตุการณ์ Nipplegate ยังกระจายทั่วโลกอินเตอร์เน็ต คำว่า "Janet Jackson" กลายเป็นบริบท, เหตุการณ์ และภาพที่ถูกค้นหามากที่สุดในประวัติศาสตร์ จนถูกบันทึกลงสถิติโลกกินเนสส์บุ๊ค

เจเน็ต แจ็คสัน ยังเป็นบุคคลที่ถูกค้นหามากที่สุดในปี 2004 และ 2005 เหตุการณ์อื้อฉาวนี้ส่งผลต่อโลกอินเตอร์เน็ตถึงขนาดว่า มีอิทธิพลในการสร้างเว็บไซต์แบ่งปันวิดีโอ เช่น YouTube หรือ Vevo เนื่องจากความหงุดหงิดของชาวอเมริกัน ที่ไม่สามารถหาชมคลิป Nipplegate ได้ทันท่วงที

"มันเป็นเรื่องน่าอายสำหรับฉันที่รู้ว่า ผู้คน 90 ล้านคน (140 ล้านคน) เห็นหน้าอกของฉัน" แจ็คสันสัมภาษณ์กับ USA Today

"ฉันเห็นภาพนั้นทั่วอินเตอร์เน็ต ด้วยขนาดใหญ่เท่าหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่มันยังมีอีกหลายสิ่งที่แย่กว่าบนโลกใบนี้ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขนาดนี้"

Super Bowl ครั้งถัดมา..

Nipplegate อาจไม่ทำให้ใครเสียชีวิตเหมือนวินาศกรรม 11 กันยายน แต่สำหรับสังคมอเมริกัน โดยเฉพาะบางรัฐที่คงเคร่งศาสนา มองว่าเหตุการณ์นี้คือความถดถอยทางศีลธรรมในวัฒนธรรมอเมริกัน ความเปลี่ยนแปลงจึงมาเยือน Super Bowl Halftime Show อย่างเลี่ยงไม่ได้

7

NFL ตัดปัญหาด้วยการย้อนกลับไปทำโชว์แบบเดียวกับปี 2002 นั่นคือ ไม่มีการแสดงโลดโผน ไม่มีแดนเซอร์ และไม่มีป๊อปสตาร์ NFL แทนที่ศิลปินที่ถูกสังคมบางส่วนมองว่า "เสื่อม" ด้วยการนำศิลปินร็อคคลาสสิค ซึ่งสร้างชื่อในยุค 70s และ 80s เริ่มต้นด้วย เซอร์ พอล แม็คคาร์ทนีย์ อดีตสมาชิกวง The Beatles ในศึก Super Bowl XXXIX เมื่อปี 2005

แม้จะนำเพลงฮิตของวงสี่เต่าทอง อย่าง Drive My Car, Get Back และ Hey Jude การแสดงของแม็คคาร์ทนีย์ ถูกวิจารณ์ว่า ไม่หวือหวาสมฐานะ Super Bowl Halftime Show เนื่องจากผู้ชมไม่สามารถทำอย่างอื่นนอกจากร้องเพลง หรือปรบมือตามจังหวะในโชว์ที่รับประกันว่าจะไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอนความอ่อนไหวของชาวอเมริกัน

"นี่คือการลงโทษที่อเมริกามีต่อจุดสำคัญในเรือนร่างของเจเน็ต แจ็คสัน ผู้ชายแก่ผิวขาวเล่นกีตาร์ ยืนอยู่ตัวคนเดียวกลางเวที LED โชว์นี้ปลอดภัยยิ่งกว่าการมีการมีเซ็กซ์ในห้องนิรภัย พร้อมกับใส่ถุงยางอนามัย 3 ชั้น โดยไม่ถอดเสื้อผ้าสักชิ้น" เว็บไซต์ Vulture ล้อเลียน Super Bowl XXXIX Halftime Show อย่างเจ็บแสบ

The Rolling Stones, Prince, Tom Petty & the Heartbreakers, Bruce Springsteen, The Who คือศิลปินร็อคที่เรียงแถวกันมาเป็นศิลปินใน Super Bowl Halftime Show ในช่วงปี 2006-2010 กว่าศิลปินแนวป๊อปจะกลับมาสู่เวทีแห่งนี้ คือศึก Super Bowl XLV ในปี 2011 เมื่อ The Black Eyed Peas วงฮิปฮอปอเมริกันถูกรับเลือกขึ้นแสดง เนื่องจาก NFL ต้องการดึงแฟนวัยรุ่นหันมาดูการแสดงช่วงพักครึ่ง

ฝันร้ายจาก Nipplegate เลิกหลอกหลอน NFL อย่างเด็ดขาด เมื่อ จัสติน ทิมเบอร์เลค ถูกเลือกกลับมาเป็นศิลปินในช่วงพักครึ่งอีกครั้งใน Super Bowl LII Halftime Show เมื่อปี 2018 หรือ 14 ปีหลังเหตุการณ์อันอื้อฉาว ที่หลายคนอาจลืมไปแล้วว่า จุดเริ่มต้นมาจากไหน

วินาศกรรม 11 กันยายน ส่งผลกระทบถึงหลายสิ่งโดยไม่คาดฝัน หนึ่งในนั้นคือ กีฬาอเมริกันฟุตบอล กับการแสดงสุดอื้อฉาวที่ใครหลายคนไม่อยากจำ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็น-ความตาย และเรื่องไม่เป็นเรื่อง บางครั้งกลับส่งผลถึงกันอย่างน่าประหลาด..

เช่นเดียวกับ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง 9/11 และ Nipplegate นี้

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ "Nipplegate" : Super Bowl Halftime Show สุดอื้อฉาวที่มีจุดเริ่มต้นจาก 9.11

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook