ดรีมไฟต์ที่ไม่เกิดขึ้น : ไทสัน vs โฟร์แมน ศึกที่ไม่รู้ใครกลัวใครจน "อาลี" ต้องขอมีเอี่ยว

ดรีมไฟต์ที่ไม่เกิดขึ้น : ไทสัน vs โฟร์แมน ศึกที่ไม่รู้ใครกลัวใครจน "อาลี" ต้องขอมีเอี่ยว

ดรีมไฟต์ที่ไม่เกิดขึ้น : ไทสัน vs โฟร์แมน ศึกที่ไม่รู้ใครกลัวใครจน "อาลี" ต้องขอมีเอี่ยว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

40 ปีก่อนวงการมวยโลกต้องสั่นสะเทือน เมื่อปีศาจแห่งรุ่นเฮฟวี่เวตกำลังถือกำเนิดขึ้น ... รวดเร็ว, หนักหน่วง และดุดัน คือคุณสมบัติที่ทำให้เซียนมวยทั่วโลกทุบโต๊ะดังฉาดและบอกว่า "ยุคสมัยใหม่ของเฮฟวี่เวตเดินทางมาถึงเเล้ว"

ปีศาจตนนั้นคือ ไมค์ ไทสัน และชื่อเสียงในวันที่เขาก้าวเข้ามา ทำให้รุ่นใหญ่ค้างฟ้าอย่าง จอร์จ โฟร์แมน มองว่า "มันจะแน่สักแค่ไหนกันเชียว?" ... เมื่อมีความสงสัย ดรีมแมตช์ก็เริ่มถูกร่างขึ้น ... 

ในขณะที่ทุกคนรอคอยกันทั้งโลก ไฟต์นี้กลับไม่เคยเกิดขึ้นเลย ... เรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร และตำนานอย่าง มูฮัมหมัด อาลี มาเกี่ยวด้วยตอนไหน ? ติดตามได้ที่นี่

เรื่องมันเริ่มจากแค่ 2 คน ... 

ก่อนที่ ไมค์ ไทสัน จะก้าวเข้ามา โลกของเฮฟวี่เวตถูกปกครองโดยยอดนักมวยหลายคน และ 2 ในนั้นคือ มูฮัมหมัด อาลี กับ จอร์จ โฟร์แมน โคตรมวยที่มีดีคนละแบบ อาลี นั้นพริ้วไหวเหมือนผีเสื้อ ต่อยเจ็บเหมือนผึ้งตามฉายา ส่วนโฟร์แมนนั้นแตกต่าง เขาอาจจะเชื่องช้าหากเทียบกับ อาลี แต่หมัดของเขานั้นชั้นหนึ่ง แม้แต่ อาลี ก็ยังต้องยอมศิโรราบ ... นั่นคือเรื่องราวของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ที่ชิงดีชิงเด่นกันมาตลอด


Photo : tss.ib.tv

มันเหมือนเรื่องราวของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ขับเคี่ยวกันมาตลอดชีวิตนักกีฬาอาชีพ ตัวของ โฟร์แมน นั้นเก่งแค่ไหนใครก็รู้ เขาเคยถือเข็มขัดเเชมป์เฮฟวี่เวต 3 สถาบันทั้ง WBA,WBC และ IBF อย่างไรก็ตามแม้จะเก่งขนาดนั้น เขากลับไม่ป๊อปปูลาร์เท่ากับ อาลี ... ทั้ง ๆ ที่ในช่วงเวลาซึ่ง โฟร์แมน ถือเข็มขัดเเชมป์โลก เขาดีกว่า อาลี หลายด้าน เพราะอายุน้อยกว่าถึง 7 ปี ความสดและความหนักถือว่าข่ม "แชมป์มหาชน" อย่าง อาลี มิดเลยทีเดียว

ที่บอกว่าเรื่อง อาลี และ โฟร์แมน นั้นเหมือนกับเรื่องราวของ โรนัลโด้ กับ เมสซี่ ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้คำตอบว่าใครเก่งกว่าใครอย่างเดียว แต่อีกมุมหนึ่งที่หลายคนไม่รู้คือ ในช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างก็อยากเป็นเบอร์ 1 แฟนคลับของทั้งคู่ต่างก็บอกว่านักชกขวัญใจของตนนั้นเจ๋งกว่า ... 

แต่ความจริงแล้ว แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเริ่มต้นจากความชิงดีชิงเด่น ทว่าสุดท้ายหลังจากได้ขึ้นชกในไฟต์ที่ชื่อว่า The Rumble in the Jungle จบลง ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เปลี่ยนไป จากเคียดแค้นอาฆาต กลายเป็นยอมรับและให้ความเคารพ 

"ผมยังจำได้ ในวันที่ผมเป็นแชมป์เฮฟวี่เวต จริง ๆ แล้วนักมวยยุคนั้นไม่ได้อยากถูกเรียกว่าแชมป์หรอก แต่ที่พวกเราทุกคนต้องการถูกเรียกคือ 'คนที่พิชิตอาลีได้” โฟร์แมน เริ่มเล่า

"การคว่ำอาลีคือสิ่งที่นักมวยในยุคนั้นต้องการ แต่ความจริงคือไม่มีใครที่เอาชนะเขาได้หรอก แม้กระทั่งคุณสามารถชนะเขาบนสังเวียนได้ คนอื่นๆ ก็จะบอกว่า อาลี ไม่สมควรแพ้ ... และถึงแม้ อาลี จะเป็นคนแพ้ แฟน ๆ ก็ยังอยากได้ลายเซ็นกับอ้อมกอดจาก อาลี มากกว่าคุณอยู่ดี"  

"ความยิ่งใหญ่ของ อาลี คือสิ่งที่เขาทำต่างหาก มวยก็แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่เขาทำได้ ตอนที่ผมมีเข็มขัดแชมป์โลก อาลี เริ่มแสดงตัวในการเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่ ไม่ว่าเขาจะไป ยุโรป, แอฟริกา, ซาอุดิอาระเบีย ทุกคนอยากจะสัมผัสเขา"


Photo : www.ringtv.com

สิ่งที่ อาลี แสดงให้เห็นทั้งก่อน ระหว่าง และหลัง The Rumble in the Jungle ทำให้ โฟร์แมน รู้ว่าหากจะมีนักชกสักคนบนโลกนี้ที่สู้ให้ตายก็ไม่มีวันชนะ คงมีเพียงแค่ อาลี คนเดียวเท่านั้น ... ส่วนคนอื่น ๆ "บิ๊กจอร์จ" ไม่เคยครั่นคร้ามไม่ว่ากับใคร หมัดของเขาหนักเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ ไล่เก็บทุกแชมป์ทุกเข็มขัดพิสูจน์ตัวเองและความเชื่อที่ว่า "นอกจาก อาลี ใครก็ได้" เป็นอย่างดี 

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเกิดพลาดแพ้ไป 1 ไฟต์ จากนั้นทุกอย่างในวงการมวยที่เขาสร้างมาก็พังทลาย นักมวยคนนั้นที่เอาชนะเขาชื่อว่า จิมมี่ ยัง โดยหลังจากไฟต์นั้นมีการแซวกันว่า หมัดของ ยัง คือหมัดปราบมารที่แฝงอยู่ในร่างของ โฟร์แมน ออกไปจนหมดสิ้น 

 

จากหมัดปืนใหญ่ สู่นักรบแห่งแสงธรรม 

วันเวลาแห่งยุคทองของเฮฟวี่เวตได้ผ่านพ้นไป มูฮัมหมัด อาลี หมดสภาพจากโรคภัยไข้เจ็บที่รุมเร้าแขวนนวมไปก่อนเข้ายุค 80s ขณะที่ โฟร์แมน เอง ทั้ง ๆ ที่อายุแค่ 28 ปี และถือว่าเป็นช่วงอายุที่พีกที่สุดของนักมวย ทว่าหลังจากที่หมด อาลี ไป ไฟในการใฝ่หาความยิ่งใหญ่ของเขาก็เบาบางลง  


Photo : www.zimbio.com

ในปี 1977 เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองไม่ดีอย่างเดิมอีกต่อไปแล้ว ในการชกกับ จิมมี่ ยัง ที่ โฟร์แมน แพ้ในไฟต์นั้น มีรายงานว่าเมื่อเขาเดินถึงห้องพักนักกีฬา เขาทิ้งตัวลงเหมือนกับคนใช้แรงเฮือกสุดท้ายไปหมดแล้วและใกล้จะตาย ตอนนั้นสภาพจิตใจของ โฟร์แมน ย่ำแย่หนักมาก จากคนที่ร่างกายแข็งแรงมาตลอด กลับพบว่าอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ด้านจิตใจนั้นก็อยู่ในช่วงสิ้นหวังไร้แรงจูงใจ เขารู้สึกกลัวตาย  และนั่นทำให้เขาตัดสินใจแขวนนวม หันไปเข้าหาศาสนาแบบเต็มตัว ค้นพบชีวิตที่มีความสุขที่แท้จริง

"ผมไม่สนใจว่าต่อจากนี้จะต้องเจอกับความตาย เพราะต่อให้ตาย ผมยังคงเชื่อว่าพระเจ้าอยู่ข้างผม"  ประโยคนี้เกิดขึ้นหลังจากเขาหันหน้าเข้าศาสนาและเลิกชกมวยอยู่หลายปี จนกลายเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในคริสตจักร อย่างไรก็ตาม โฟร์แมน หนีความจริงไม่พ้น เมื่อจิตใจสงบและกลับมาไม่กลัวอะไร ร่างกายของเขาก็แข็งแรงขึ้นอย่างน่าประหลาด โรคภัยของเขาหายไป ... 


Photo : @MarkRfitness

โฟร์แมน ขึ้นเทศน์ในทุกวันที่มีกิจกรรมของโบสถ์ ทว่าเขาไม่อาจจะหนีความจริงที่ว่าตนเองเกิดมาเพื่อเป็นนักสู้ ... เรื่องราวมันเกิดขึ้นหลังจากเขาวางมือไป 10 ปี ... ใช่เเล้ว เขาอายุ 38 ปีในตอนนั้น สำหรับนักมวยสากลระดับโลกในช่วงวัยนี้ หากเดินขึ้นเวทีไปเจอกับพวกรุ่นใหม่ รับรองได้กลายเป็นหมูให้เด็ก ๆเชือดแน่ แต่ โฟร์แมน ในเวอร์ชั่นที่เป็นนักรบของพระเจ้าไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่แล้ว เขาประกาศคัมแบ็คในปี 1987 โดยให้เหตุผลว่า 

"นี่คือภารกิจแห่งเเสงธรรม" เนื่องจากรายได้ทั้งหมดหลังการชก เขาจะมอบให้มูลนิธิของโบสถ์เพื่อเอามาสร้างศูนย์พัฒนาเยาวชน โดยมันจะต้องใช้เงินมากโขในการสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่การซื้อที่ดิน จนถึงการก่อสร้างและตกแต่ง ดังนั้น "มวย" คือเครื่องมือทำเงินที่เร็วที่สุดของเขา 

โฟร์แมน ถอดชุดสาธุคุณนักเทศน์ออกและใส่นวมอีกครั้ง นักรบแห่งแสงธรรมพร้อมออกโรง ในวัย 38 ปี โฟร์แมน ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่เขายืนยันว่าการคัมแบ็คหนนี้เขาจะต้องคว้าเข็มขัดเเชมป์โลกให้จนได้ ...  เขาเริ่มกลับมาฟิตร่างกายอีกครั้งด้วยสภาพที่อาจจะถดถอยไปบ้างตามอายุ แต่เรื่องของจิตใจ โฟร์แมน บอกว่าเขาแกร่งยิ่งกว่าตอนเป็นหนุ่มเสียอีก 


Photo : www.ringtv.com

"ผมมีโรงยิมขนาด 3,000 ตารางฟุตที่บ้านของผม และผมบอกไว้ก่อนว่า แม้ผมจะวางมือไปนาน แต่ผมออกกำลังกายทุกวัน มันคือวิถีชีวิตของผม บางวันผมตั้งนาฬิกาปลุกมาตอน 2-3 ทุ่มเพื่อมาออกกำลังกายก็มี" โฟร์แมน กล่าวถึงเคล็ดลับในการกลับมาของเขา 

"ตอนที่ผมประกาศคัมแบ็ค ผมกลับมาฟิตซ้อมมากกว่าตอนหนุ่ม ๆ ถึง 3 เท่า ผมฝึกซ้อมชกวันละ 8 ชั่วโมงเหมือนกับเวลาทำงาน บางวันผมไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะใช้เวลาหมดไปกับการกระโดดเชือก เล่นเวตเทรนนิ่ง ใช้ขวานสับขอนไม้ และใช้จอบขุดหลุม ... ผมจะบอกอะไรให้ เมื่อคุณแก่ขึ้น คุณจำเป็นจะต้องมีสมองและเล่ห์เหลี่ยมที่มากขึ้น  ผมรู้ว่าหลายคนเชื่อว่าในวัยอย่างผมชกได้ 5-6 ยกก็เก่งแล้ว แต่ขอบอกเลยว่าผมยืนครบ 12 ยกได้สบาย ... ผมแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนเป็นหนุ่มเสียอีก"  

 

ผมมาเอาแชมป์ของผมคืน 

โฟร์แมน ไม่ได้พูดเล่น เขาหวังถึงแชมป์โลกจริง ๆ เพราะนาทีนั้นโอกาสเปิดกว้าง ในช่วงต้นยุค 80s เขาเคยบอกว่าโลกนี้ยังไม่มีนักมวยแบบเขาหรืออาลีขึ้นมาเลย วงการนี้ชักจะน่าเบื่อเพราะไม่มีตัวแทนหรือดาวรุ่งขึ้นมาเพื่อสร้างปรากฎการณ์ ซึ่งนั่นเองทำให้เขากล้าหวังที่จะไปให้ถึงจุดเดิมที่จะทำได้แม้อายุจะเข้าใกล้เลข 4 เเล้วก็ตาม 

อย่างไรก็ตาม ปากของโฟร์แมนนั้นเหมือนกับพระร่วง หลังจากเขาพูดถึงจุดตกต่ำของมวยเฮฟวี่เวตได้ไม่ทันไร ก็มีปีศาจดาวรุ่งหลุดขึ้นมาในวงการ 1 ตน นั่นคือ ไมค์ ไทสัน บุรุษที่ร้ายกาจที่สุดในโลก ผู้พร้อมจะสู้แบบเอาคู่ชกให้ตายไปข้าง รวดเร็ว แข็งแรง หนักหน่วง จนถูกกล่าวขานว่าเป็น มูฮัมหมัด อาลี คนต่อไป ... 


Photo : www.essentiallysports.com

และมันเหมือนเรื่องของโชคชะตาที่ขีดให้ทั้งคู่ได้เข้ามาเฉียดใกล้กัน เพราะหลังจากที่ ไทสัน ก้าวขึ้นมาพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักชกอาชีพและคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวตครั้งแรกตั้งแต่อายุ 18 ปี ด้วยการเอาชนะ เทรเวอร์ เบอร์บิก ได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น โฟร์แมน ที่หวังจะคว้าแชมป์โลกก็คืนสังเวียนพอดี ...

ที่ว่ามันเปิดกว้างก็ชักจะไม่ใช่เเล้ว นาทีนั้น ไทสัน เหมือนไม่ใช่นักมวย แต่มีรังสีของนักฆ่าอยู่ในตัว เพราะเขาชกกับใครส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นการปิดเกมตั้งแต่ยกแรกเสียทุกครั้ง ขณะที่ฝั่งของ โฟร์แมน เสือเฒ่าก็โหดดุดันไม่แพ้กัน  นับตั้งแต่คัมแบ็คมาเขาก็ไร้พ่ายมากว่า 30 ไฟต์ ดังนั้นมันจึงเป็นช่วงเวลาที่หลายคนอยากจะเห็น นั่นคือการขึ้นชกกันระหว่างนักชกที่ได้ฉายาว่า "มฤตยูดำ" กับ "นักสู้แห่งแสงธรรม" มาพบกันให้เป็นดรีมไฟต์สมใจ

เสียอย่างเดียว ที่เหมือนกับพระเจ้ารู้ว่าหากเจอกันตอนนี้ ไทสัน ซึ่งสดกว่า หนักกว่า และเร็วกว่า คงคว้าชัยชนะได้ไม่ยาก แม้โฟร์แมนจะแน่แค่ไหนก็ตาม แต่ช่องว่างระหว่างอายุมันต่างกันเกินไป ดังนั้นแทนที่ทั้งคู่จะได้ชกกัน ไทสัน ในช่วงชีวิตที่ดีที่สุดก็ติดคุกไปเสียก่อนด้วยคดีข่มขืน และต้องเสียเวลาในนั้นถึง 3 ปี กว่าจะออกมา ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งก็หมดสภาพไปเยอะ ... ดังนั้นหากเจอกันตอนนี้จะเป็นการสูสีอย่างที่สุด

เพราะในช่วงที่ ไทสัน ก้าวออกจากคุก โฟร์แมน ก็เพิ่งทำลายสถิติเป็นนักชกแชมป์โลกเฮฟวี่เวตที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ (45 ปี) ด้วยการเอาชนะ ไมเคิล มูเรอร์ แบบน็อคเอาต์ในปี 1994 นั่นเอง จากนั้น โฟร์แมน ก็ป้องกันแชมป์ได้อีก 4 ครั้ง และเขาเชื่อว่าเส้นทางอาชีพของเขาใกล้จะจบลงเเล้ว ซึ่งมันคงเป็นการอำลาแบบค้าง ๆ คา ๆ หากไม่ได้ชกกับ ไมค์ ไทสัน คนที่ใคร ๆ บอกว่าเก่งกว่าเขาหรือแม้แต่ อาลี ที่เขาเคารพในช่วงพีก ๆ ... จะแน่แค่ไหน เขาเคยได้ยินแต่คนบอกกล่าวมาก็เยอะ แต่ทางที่ดีคือต้องไปลองด้วยตนเองจึงจะรู้แจ้งเห็นจริงนั่นเอง

 

เส้นขนานของ แสงสว่าง และ ความมืด 

ทำไมมันจะไม่เกิดขึ้นล่ะ ? ดรีมไฟต์ขนาดนี้นอกจากเข็มขัดเเชมป์โลก จะมีอะไรที่ตอบโจทย์ไปมากกว่าเรื่องของเงินทอง ... แน่นอน โฟร์แมน ต้องการมันเพื่อเอาไปทำตามบัญชาของพระเจ้าและเส้นทางที่เขาเลือก ขณะที่ ไทสัน ก็อยากจะได้เงินสร้างตัวอีกสักครั้งหลังจากติดคุกจนจนกรอบ และคนที่สบช่องทางทำกินมากที่สุดคือ ดอน คิง โปรโมเตอร์หัวฟูผู้อยู่เป็นคู่คิดของ ไทสัน นั่นเอง 


Photo : eurweb.com

นาทีที่ ดอน คิง รู้ว่าโลกอยากจะเห็น โฟร์แมน ชกกับ ไทสัน เขาได้แต่ตีเข่าตัวเองดังฉาดพร้อมกล่าวคำว่า "นั่นปะไร" ... ปลากินเหยื่อเเล้ว เขารู้ทันที่ว่าหากไฟต์นี้เกิดขึ้น เงินจะเข้ามาอีกมากมายมหาศาล เพราะเขาเพิ่งเอา ไทสัน ชกแมตช์คัมแบ็คหลังออกจากคุกกับ ปีเตอร์ แม็คนีลี่ย์ ด้วยการชนะสบาย ๆ แถมมีรายได้เข้ามาถึง 96 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ... นี่ระดับโฟร์แมนแชมป์โลก หากเกิดขึ้นจริงเงินจะต้องมากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า

ดอน คิง ไม่ได้หวังแต่เงินอย่างเดียว เขาอ่านรอบทิศ และรู้ว่านี้จะเป็นไฟต์ที่ ไทสัน เอาชนะได้อย่างสบาย ๆ เขารู้ว่า โฟร์แมน ในวัย 45 ปี แก่และช้าเกินไปสำหรับ ไทสัน แน่นอน ดังนั้นมีแต่ได้กับได้อีกเเล้ว เหมือนทุกครั้ง 

เรื่องนี้มีการติดต่อไปยัง โฟร์แมน จริง และ โฟร์แมน เองพอได้ยินข้อเสนอก็ตอบรับอย่างไม่ต้องคิดเยอะ จะวางมือทั้งทีก็ต้องกับ ไทสัน นี่แหละ 

อ่านมาถึงตรงนี้ ใครก็คงคิดว่าไฟต์นี้น่าจะเกิดขึ้นจริงเพราะต่างฝ่ายต่างก็วิน ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการทั้งสิ้น แต่ความจริงแล้วมันช่างน่าเสียดายที่ไฟต์นี้กลายเป็น เส้นขนานของ แสงสว่าง และ ความมืด ... ว่ากันว่ามีเหตุผลหลายประการเหลือเกินที่ดรีมไฟต์ระหว่าง โฟร์แมน และ ไทสัน ไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้ และนี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหลังดรีมไฟต์ที่เป็นหมัน 

ฝั่งของ โฟร์แมน นั้น เมื่อได้รับคำเชิญจาก ดอน คิง เขาก็ไปคุยกับ อาลี ทันที ณ เวลานั้น โฟร์แมน ไปคุยในหัวข้อของ ไทสัน ล้วน ๆ นักชกที่ว่ากันว่าดีที่สุดหลังจากหมดยุคของพวกเขาสองคน คำถามที่ โฟร์แมน ถาม อาลี คือคุณคิดว่า คุณในตอนพีก ๆ เอาชนะ ไทสัน ได้หรือไม่ และคำตอบจาก อาลี ก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงัก


Photo : druhepkins.hubpages.com

"ผมถามอาลีตรง ๆ เลยว่า คุณคิดว่าคุณจะคว่ำไทสันได้ไหม ... เขาส่ายหัวและบอกว่าน้องชาย ไอ้เด็กนี่หมัดมันหนักมากนะ เขาบอกผมว่า เท่าที่เขาได้ดู ไทสัน ด้วยตาตัวเอง เขาคิดว่าหมัดของ ไทสัน หนักกว่าทุกคนที่เขาเคยเจอบนสังเวียน" โฟร์แมน ว่าไว้ และแน่นอน อาลี หมายความว่าหมัดของ ไทสัน หนักกว่าตัวของเขาเองด้วย 

"สุดท้ายผมถามย้ำว่า ผลจะออกมายังไงหากเขาได้ชกกับไทสัน อาลี ก็ตอบแบบเป็นนัย ๆ ว่า ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะสามารถเอาชนะไอ้หมอนี่ได้ไหม" โฟร์แมน กล่าว  

บทสรุปของ อาลี คือ อย่าเลย อยู่ให้ห่าง ไทสัน เอาไว้จะดีกว่าสำหรับนักมวยเฒ่าอย่าง โฟร์แมน ทว่า โฟร์แมน ตัดสินใจไว้แล้ว เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่เขาติดค้าง เขาอยากจะเจอกับ ไทสัน ด้วยตัวเองสักครั้ง เพียงแต่ว่าในอีกมุมหนึ่งกลับมีเหตุผลจากฝั่งของ ไทสัน ที่ยืนยันว่า แท้จริงแล้วเป็นฝั่งนี้ต่างหาก ที่ไม่ต้องการให้ดรีมไฟต์เกิดขึ้น เรื่องของเรื่องคือ ไมค์ ไทสัน กลัว ...

ความจริงดังกล่าวเกิดจากการเปิดเผยของ แฟรงค์ โลติเอโซ่ นักข่าวสายมวยของ ESPN ที่ได้กินอาหารกลางวันร่วมโต๊ะของ บ็อบบี้ กู้ดแมน คนสนิทของ ดอน คิง ตัวของ แฟรงค์ ถามกับ กู้ดแมน ว่า ไฟต์ดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งฝั่งวงในบอกทันทีว่า "มันไม่เกิดขึ้นหรอก" 

ว่าแล้ว แฟรงค์ ก็เอามาเล่าต่อในหน้าข่าวของเขาว่า "คุณไม่มีวันเชื่อสิ่งที่ผมจะบอกหรอก แต่ ไมค์ ไทสัน กลัว โฟร์แมน จนไม่กล้าขึ้นชกด้วย" แฟรงค์ เริ่มเล่าในสิ่งที่เขาได้ยินมา 

"ดอน คิง บอกกับ ไทสัน แล้วว่า ไฟต์นี้จะทำให้พวกเขารวยเละ แต่ ไทสัน ได้ยินคำนั้นและตอกกลับไปทันทีด้วยความโมโหว่า 'ผมจะไม่สู้กับไอ้เฒ่าจอมโหดนั่นหรอก ถ้าคุณอยากเห็นเขาชกกับไอ้เวรโฟร์แมนมากนักละก็ เชิญคุณขึ้นไปชกเองสิวะ" แฟรงค์ เล่าออกมาเป็นตุเป็นตะอย่างออกรส 

เรื่องนี้จริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่สื่อชื่อว่า Sport Casting ได้ทำการหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพบว่า โฟร์แมน ถือเป็นฝันร้ายของ ไทสัน ในวัยเด็ก ภาพจำของเขาติดตามานาน เนื่องจาก กัส ดามาโต้ ครูมวยคนแรกของ ไทสัน เปิดวีดีโอไฟต์ระหว่าง โฟร์แมน กับ โจ เฟรเซียร์ ในยุค 70s ให้ดู 


Photo : www.wsj.com

ในไฟต์นั้น โฟร์แมน ไล่ทุบ เฟรเซียร์ จนเละเทะ และ กัส ดามาโต้ บอกกับไทสันว่า จำไว้ นักมวยที่ตัวเล็กและชอบเล่นวงใน จะกลายเป็นของหวานสำหรับนักชกสไตล์โฟร์แมน เพราะ โฟร์แมน หมัดหนักแต่ช้า เขาไม่ชอบนักชกที่เล่นวงนอกมากนักเพราะตามไม่ทัน ยิ่งคู่ชกเข้าใกล้เขามากเท่าไหร่ หมัดของ โฟร์แมน ก็อันตรายขึ้นเท่านั้น นักมวยตัวเล็กจึงแพ้ทาง โฟร์แมน และ ไทสัน เองที่สูงเพียง 180 เซนติเมตร ก็เป็นนักมวยแบบนั้น ... นี่คืออีกมุมที่นำเสนอถึงความจำฝังใจของ ไทสัน ในวัยเด็ก และในอีกทางหนึ่ง มันอาจจะหมายความว่า หากเขาเสี่ยงขึ้นชกกับ โฟร์แมน และแพ้ทางขึ้นมาจริง ๆ แบบที่ กัส ดามาโต้ ว่า เส้นทางการคัมแบ็คหลังออกจากคุกของเขา ก็อาจจะยากที่จะสร้างชื่อเสียงอีกครั้งก็เป็นได้ 

สุดท้ายแล้วด้วยเหตุผลทุกอย่างประกอบกัน ไฟต์นี้ก็ไม่เกิดขึ้นจริง เราจะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายก็ได้ ทั้ง อาลี สั่งห้าม, ไทสัน กลัว โฟร์แมน หรือแม้แต่ ดอน คิง เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ที่สุดเเล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเชื่อในมุมของใครมากกว่ากัน ... ใครกลัวใคร ใครไม่อยากชกใคร ล้วนเป็นคำกล่าวจากบุคคลที่ 3 หรือการวิเคราะห์ขึ้นมาเท่านนั้น ไม่อาจนำมาใช้เป็นประจักษ์พยานได้จนกว่าที่พวกเขาจะขึ้นมาชกกันบนเวทีจริง ๆ 

แต่ที่แน่ ๆ หากเราจะค่อย ๆ เริ่มคิดและวิเคราะห์ดูว่าใครจะชนะ ... แน่นอนโอกาสคงเป็นของ ไทสัน มากกว่า เพราะอายุน้อยกว่าถึง 17 ปี ไม่ว่าเขาจะกลัวโฟร์แมนอย่างที่ใครว่ามาหรือไม่ แต่ด้วยช่องว่างของอายุ และสิ่งที่ ไทสัน เคยแสดงออกมาบนเวที มันจึงยากมากหากเขาจะแพ้ โฟร์แมน ในวัย 45 ปี  

แน่นอน เราไม่ได้คิดเองเออเองแต่อย่างใด เพราะในช่วงปี 2019 มีการสัมภาษณ์โฟร์แมนถึงไฟต์ที่โลกรอแต่กลับไม่เกิดขึ้น ระหว่างเขากับ ไทสัน ว่า แท้จริงแล้วเขารู้สึกอย่างไร อยากจะเจอกับไทสันจริง ๆ หรือไม่ และ ที่ว่ากันว่า ไทสัน กลัวเขาจริงแค่ไหน ... โฟร์แมน ตอบกลับแบบค่อนข้างชัดเจนประมาณครึ่งหนึ่งของคำถามทั้งหมด

คำถามที่ว่า ไทสัน กลัวเขาหรือไม่ เขายืนยันว่าเขาตอบคำถามนี้ไม่ได้ ต้องไปถามไทสันเอง แต่ถ้าถามว่า ณ เวลานั้นเขากลัวไทสันหรือไม่ คำตอบของโฟร์แมนคือ แน่นอน 100% 


Photo : www.essentiallysports.com

"ไอ้หนุ่มคนนี้ถือเป็นหนึ่งในฝันร้ายของผมบนสังเวียน พูดตรง ๆ ผมไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับเขาเท่าไหร่ เขาอาจจะกลัวผมจริงก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมจะดีใจมาก แต่จริง ๆ แล้วผมก็กลัวเขาเหมือนกัน เพราะ ไมค์ ไทสัน มันสัตว์ประหลาดชัด ๆ เลย" 

"ย้ำอีกทีว่า หากได้อยู่บนเวทีเดียวกับเขาคงเหมือนฝันร้าย ... เเค่เห็นหน้าเขาคุณก็อยากสะดุ้งตื่น เเล้วเป่าปากด้วยความโล่งใจ 'ฟู่ โชคดีจังที่เป็นแค่ฝัน' ถามว่าผมอยากจะเจอกับ ไทสัน ไหมน่ะหรือ ? ผมขอตอบตรง ๆ เลยนะว่า ... ไม่มีวันซะหรอก" โฟร์แมน ในวัย 71 ตอบอย่างอารมณ์ดี 

แล้วคุณล่ะ คิดว่าทำไมดรีมไฟต์ไม่เกิดขึ้น และในกรณีที่เกิดขึ้นจริง ไทสัน หรือ โฟร์แมน จะเป็นฝ่ายชนะ ... 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook