ไขข้อข้องใจ : แพทริก เอ็มโบม่า ตัวจริงยิงแรงแค่ไหน.. ทำไมเกมวินนิ่งถึงให้ค่าพลังสุดโหด?

ไขข้อข้องใจ : แพทริก เอ็มโบม่า ตัวจริงยิงแรงแค่ไหน.. ทำไมเกมวินนิ่งถึงให้ค่าพลังสุดโหด?

ไขข้อข้องใจ : แพทริก เอ็มโบม่า ตัวจริงยิงแรงแค่ไหน.. ทำไมเกมวินนิ่งถึงให้ค่าพลังสุดโหด?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ย้อนกลับไปสมัยที่ยังไม่มีการแบ่ง #ทีมPES หรือ #ทีมFIFA ในหมู่นักเล่นเกมชาวไทย ยุคสมัยนั้นแม้จะมีเกมฟุตบอลจำนวนไม่น้อย แต่ไม่มีเกมไหนอยู่ในใจได้เท่ากับ "วินนิ่ง" หรือ Winning Evelen ต้นตระกูลของ PES หรือ Pro Evolution Soccer อีกเเล้ว

ค่าพลังไม่ละเอียด, ภาพไม่สวย, ฟังเสียงพากย์ไม่รู้เรื่อง นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งที่แลกมาคือความมันและความทรงจำที่แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ลืม หนึ่งในนั้นคือเรื่องความเก่งกาจของนักเตะในตัวเกมวินนิ่งภาคเก่า ๆ และแน่นอนหากจะนึกถึงใครสักคน พาทริก เอ็มโบม่า คือหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไปไม่ได้ 

คอวินนิ่งทุกคนรู้ โลกรู้ เอ็มโบม่า คือเจ้าของค่าพลังชู้ตพาวเวอร์ 9 ... ยิงทีวัวตายควายล้ม เข้าระยะเป็นตุงตาข่ายทุกครั้งไป แต่ในโลกแห่งความจริงล่ะ ? มีใครเคยเห็นเขายิงจริง ๆ หรือเปล่าว่ามันแรงเหมือนในเกมไหม ? 

ถ้าใช่ มันแรงขนาดไหน ? และถ้าไม่ ทำไมในเกมถึงยิงโหดเว่อร์เบอร์นั้น ? ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่

นักเตะที่เรารู้จักในเกมเป็นอย่างดี

สำหรับแฟนเกมชาวไทย เชื่อว่าน่าจะเริ่มคุ้นเคยกับเสียงของเขาตั้งแต่วินนิ่ง 3 หรือชื่อเต็มว่า "เวิลด์ ซ็อคเกอร์ วินนิ่ง อีเลฟเว่น 3 ไฟนอล เวอร์ชั่น" ซึ่งออกมาในช่วงกระแสฟุตบอลโลก 1998 แม้ความจริงแล้ว วินนิ่ง มีมาก่อนหน้านั้น 


Photo : kingpottergame.ucoz.com

บริษัทผู้ผลิตอย่าง โคนามิ พัฒนาตัวเกมมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ภาคแรกในปี 1994 กับชื่อ เพอร์เฟ็กต์ อีเลฟเว่น (ซูเปอร์แฟมิคอม), ก่อนจะเป็น โกล สตรอม (เพลย์สเตชั่น) ในปี 1995, วินนิ่ง อีเลเว่น เจลีก 1996 และมาลงเอยกับภาคที่คนไทยจำได้ที่สุดนั่นคือ วินนิ่ง อีเลฟเว่น ไฟนอล เวอร์ชั่น ในปี 1998 

ส่วนเหตุผลที่เราต้องพูดกันถึงเรื่องตัวเกมภาคเก่า ๆ ก่อนที่จะมาพูดถึง พาทริก เอ็มโบม่า นั่นก็เพราะว่าเรื่องนี้มันมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ค่าพลังของเขาในเกม วินนิ่ง พุ่งกระฉูด จนชาวไทยคุ้นหูจากเสียงคนพากย์อย่าง จอน คาบิรา ว่า ... เอ็มโบม่าาาา ซือโททททท! ทั้ง ๆ ที่ตัวเกม ณ เวลานั้น ชื่อนักเตะยังเป็นภาษาญี่ปุ่นอยู่เลยด้วยซ้ำ

เหตุผลที่ เอ็มโบม่า เก่งในเกมขนาดนั้น ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะค่าพลังในตัวเกมภาคเก่า ๆ ไม่ได้มีค่าความสามารถที่ละเอียดอะไรมากนัก หากใครที่เคยเล่นก็น่าจะรู้จักกันดี นักเตะคนใดที่มีสปีดสูงระดับ 8-9 นั้นจะได้เปรียบในการเล่นเป็นอย่างมากเพราะวิ่งแซงได้เกือบทุกคน และค่าพลังที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือ ชู้ตพาวเวอร์ หรือ ค่าพลังยิงเเรง นั้น หากใครที่มีค่าพลังถึง 9 ก็เรียกได้ว่า หันหน้าไปทางไหน ใส่ครึ่งหลอดเมื่อไหร่รับรองตาข่ายกระจุยแน่นอน

โรแบร์โต้ คาร์ลอส และ กาเบรียล บาติสตูต้า คือนักเตะที่มีค่าพลังชู้ตพาวเวอร์ 9 ที่คนไทยคุ้นหูกันดีอยู่แล้ว เพราะทั้งคู่เป็นนักเตะดัง เล่นในลีกใหญ่ แม้จะเป็นยุคที่การถ่ายทอดสดฟุตบอลไม่มากเท่าทุกวันนี้ แต่ชื่อของทั้ง 2 ก็ปรากฎบนสื่อ และหน้าข่าวกีฬาเสมอ 

ขณะที่อีกหนึ่งอย่าง เอ็มโบม่า นั้นค่อนข้างจะแตกต่างออกไปสักหน่อย เพราะย้อนกลับไปก่อนฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศสจะมาถึงนั้น เขาไม่เคยลงเล่นในลีกดัง หรือมีชื่อเสียงเหมือนกับ คาร์ลอส และ บาติโกล เรียกได้ว่าห่างชั้นกันพอสมควรเลยทีเดียว 

แต่ค่าพลัง สปีด 8 ชู้ตพาวเวอร์ 9 ของเขา คือซิกเนเจอร์ที่ทำให้คอเกมรู้จักตัวเขา (ในเกม) มากกว่าในชีวิตจริง เมื่อบวกกับนักเตะทีมชาติแคเมอรูนอีกหลาย ๆ คนที่มีสปีด 8 ก็ทำให้มีคอวินนิ่งชาวไทยหลายคนเลือกที่จะใช้ แคเมอรูน ในการดวลกับเพื่อนหรือกับ AI เพราะเป็นทีมที่ค่อนข้างสมดุลทั้งรุกและรับ นักเตะตัวใหญ่, เร็ว และมีกองหน้าอย่าง เอ็มโบม่า ที่ใส่สกอร์ได้ดีไม่แพ้ใคร ดังนั้นเอง เอ็มโบม่า จึงกลายเป็นภาพจำในตำแหน่งกองหน้าร่างใหญ่วิ่งเร็วยิงแรง แม้กระทั่งตัวเกมอัพเดทไปยังภาค วินนิ่ง 4 ในเวลาต่อมา เอ็มโบม่า ก็ยังโหดไม่เปลียนแปลง

ยิ่งภาค วินนิ่ง 4 ที่ค่าพลังไม่ตกลงไปเลย หนำซ้ำยังโหดยิ่งกว่าเก่าด้วยระบบบังคับเกมที่ดีขึ้น อีกทั้งเกมยังจับเจ้าตัวใส่สตั๊ดสีเเดง ยิ่งจำง่ายและเด่นกว่าเดิมเยอะ เมื่อภาคนี้ชื่อของนักเตะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้คอเกมชาวไทยสะกดง่ายขึ้นกว่าเดิม เมื่อนั้นหลายคนจึงเข้าใจตรงกันแบบไม่ต้องเดาจากเสียงพากย์อีกต่อไป ชื่อของเขาเขียน "M'Boma" ชัดเจนเเละแน่นอน หลังจากนั้นตำนาน เอ็มโบม่า ก็โด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้

 

เหตุผลของคนโหด

ก่อนจะแมสในเกม เอ็มโบม่า ตัวจริงนั้นลงเล่นในลีกเอิงของฝรั่งเศส ดีที่สุดคือเล่นให้กับ เปแอสเช ในยุคที่ไม่ได้ร่ำรวยยิ่งใหญ่เหมือนทุกวันนี้ และลงเล่นแค่ 23 เกม ยิงได้แค่ 6 ลูกเท่านั้น ซึ่งต้องยอมรับว่านาทีนั้นสำหรับคอบอลหรือคอเกมชาวไทย น้อยคนมากที่จะได้ดูฟุตบอลฝรั่งเศส ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่ตัวของ เอ็มโบม่า ยังเป็น Nobody สำหรับหลาย ๆ คนในตอนนั้น 


Photo : www.lestitisdupsg.fr

ทว่าจุดเริ่มต้นของค่าพลังสุดโหดเริ่มจากปี 1997 เมื่อ เอ็มโบม่า ที่ไม่ประสบความสำเร็จในลีกฝรั่งเศสมากนัก ย้ายมาค้าแข้งในญี่ปุ่นกับ กัมบะ โอซาก้า   

ในช่วงต้น ๆ ยุค 90s ฟุตบอลญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนโครงสร้างมาเป็นลีกอาชีพ และเริ่มมีการดึงนักเตะต่างชาติเข้ามาเล่นกันมากหน้าหลายตา อาทิดาวดังในอดีตอย่าง ซิโก้ ตำนานทีมชาติบราซิล และ ไมเคิล เลาดรูป กองหน้าทีมชาติเดนมาร์ก ค่านิยมที่แฟนบอลญี่ปุ่นคาดหวังในตัวนักเตะต่างชาติในแต่ละสโมสร ณ เวลานั้นคือ "ต้องเก่ง" กว่านักเตะท้องถิ่นอย่างชัดเจน หรือต้องแบกทีมได้ ซึ่ง เอ็มโบมา เข้ามาและสร้างแรงกระเพื่อมมากกว่าใคร ณ เวลานั้น 

เอ็มโบม่า คือสุด ๆ ในเวลานั้น เขาอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งด้วยอายุ 28 ปี เรื่องสถิติการยิงประตูไม่ต้องพูดถึง ปีแรกกับ กัมบะ เขายิงไป 29 ลูกจากการลงเล่น 34 นัด แต่สิ่งที่มีอิทธิพลจนนำไปสู่ค่าพลังชู้ตพาวเวอร์ 9 ใน วินนิ่ง นั้นคือแต่ละประตูในชีวิตจริงที่เขาจริงได้ เป็นประเภทจัดหนักเต็มข้อ โกลได้แต่ยืนมองเท่านั้น 

ลูกแรกที่ เอ็มโบม่า ยิงประตูได้ในเจลีก คือเกมที่พบกับ เบลล์มาเร ฮิรัตสึกะ (โชนัน เบลล์มาเร ในปัจจุบัน) เกมนั้นคือปฐมบทลูกยิงวัวตายควายล้มอย่างแท้จริง เขาโชว์ลีลา กระดกบอลด้วยเท้าขวา ก่อนกระดกบอลหลบกองหลังอีกครั้งด้วยเท้าซ้ายเพื่อหาช่องยิงประตู และขณะที่บอลลอยอยู่กลางอากาศ เอ็มโบม่า หมุนตัวฮาล์ฟวอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้าย เปรี้ยง! บอลพุ่งเสียบเข้าสามเหลี่ยม ... เปิดตัวด้วยลูกยิงแบบนี้มันจะไม่เป็นที่จดจำได้อย่างไร? 

29 ประตูในลีก เจลีก 1997 ของ เอ็มโบม่า นั้นเป็นการยิงนอกกรอบด้วยเท้าซ้ายถึง 8 ลูก ส่วนประตูอื่น ๆ ก็มีความเหนือชั้นและคลาสสิกมากมาย ทั้งการชิปจากมุมที่แทบไม่เหลือ การโหม่งทำประตูทั้ง ๆ ที่ตัวเกือบออกนอกเขตโทษ หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต กองหน้าของ บุรีรัมย์ ที่เข้ามาเป็นปรากฎการณ์ในไทยลีกนั่นเอง ... 

เรื่องนี้ไม่ใช่การเทียบกันเรื่องความเก่งของ เอ็มโบม่า กับ ดีโอโก้ แต่สิ่งที่เราะพยายามเปรียบเทียบคือ "อิมแพ็คต์" ที่แบ่งคลาสระหว่างนักเตะระดับเกรด S และเกรด A ของลีกได้ชัดเจนที่สุด

คนสร้างเกมเห็นกับตา 

อย่างที่ทุกคนรู้กัน โคนามิ คือบริษัทผลิตเกมสัญชาติญี่ปุ่น ดังนั้นการที่ เอ็มโบม่า ค้าแข้งและโชว์ฟอร์มระดับนรกแตกในญี่ปุ่น มันเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายมากว่า ทำไมพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะใส่ค่าพลังของเอ็มโบม่าให้ครบสูตร ทั้งความแข็งแกร่ง, ความเร็ว และสำคัญที่สุดคือการยิงประตูด้วยเท้าที่หนักกว่าใครเพื่อน 


Photo : japaneseclass.jp

เรื่องความหนักของการยิงนั้นไม่มีอะไรต้องสงสัยในตัวเอ็มโบม่าอีกแล้ว เพราะอย่างที่กล่าวไป ด้วยคุณภาพของแต่ละประตูที่ยิงมันชัดเจนอย่างที่สุด แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเล่นในญี่ปุ่นของ เอ็มโบม่า ทำให้คนญี่ปุ่นเห็นภาพชัดเจนเเจ่มเเจ๋ว เพราะเขามีประตูและความมหัศจรรย์ได้เห็นทุกสัปดาห์ มันจึงง่ายต่อการวิจัย, เก็บสถิติ และนำข้อมูลมาแปลงเป็นพลังในเกม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ค่าพลังต่าง ๆ ของเขาจะทัดเทียมดาวยิงระดับโลกอย่าง บาติสตูต้า 

อย่างไรก็ตาม จะบอกว่า "ญี่ปุ่นอวย" เอ็มโบม่า เกินจริงก็คงไม่ถูกนัก เพราะด้วยแนวทางการสร้างเกมของ โคนามิ นั้นเน้นความสมจริง มองโลกแห่งความจริงพอสมควร ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือทีมชาติญี่ปุ่นของพวกเขาเองนั่นแหละที่ยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี 

หากใครที่ยังทันเล่นเกมภาคเก่า ๆ จะพบว่า ญี่ปุ่น เป็นทีมที่เล่นยาก เพราะค่าพลังนักเตะน้อยมาก ซึ่งก็คงไม่แปลกอะไรสำหรับชาติที่ไปฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1998 ที่พวกเขาจะมองว่านักเตะของตนเองยังห่างชั้นจากทีมแถวหน้า หรือแม้กระทั่งทีมชาติแคเมอรูน ของ เอ็มโบม่า ไปโดยปริยาย 

กีฬาญี่ปุ่นมีแนวคิดที่เรียกว่า Shin Gi Tai โดย Shin แปลว่า “ใจ” หมายถึงพลังใจในการแข่งขัน ไม่ยอมพ่ายแพ้ ส่วน Gi คือทักษะที่ใช้ในการแข่งขัน และ Tai ก็คือร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งต้องมีทั้งสามอย่างนี้ควบคู่ไปด้วยกัน ... ทั้ง 3 สิ่งนี้สะท้อนถึง "จิตวิญญาณซามูไร" ของชาวญี่ปุ่น ที่ไม่กลัวการเจอกับอุปสรรคไม่ว่าใหญ่แค่ไหน พวกเขาต้องการพิสูจน์ตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เมื่อทุกอย่างรวมกันสามารถทดแทนความเก่งในรายบุคคลได้นั่นเอง

สืบทอดรุ่นต่อรุ่น : จิตวิญญาณซามูไรที่สะท้อนออกมาจากนักกีฬาญี่ปุ่น

วกกลับมาปิดเรื่องกันที่ เอ็มโบม่า อีกสักหน่อย ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา อันประกอบด้วย การสร้างอิมแพ็คต์ในเจลีกทันทีที่มาถึง, การเล่นในประเทศที่เป็นผู้ผลิตเกม และ ตัวเกมในสมัยนั้นที่ค่าพลังยังไม่สมดุลมากนัก แค่วิ่งเร็ว, ยิงแรง, แข็งแกร่ง ก็ ทำให้ เอ็มโบม่า โหดระดับต้น ๆ ของนักเตะในเกมทั้งหมด หากจะเป็นรองก็น่าจะแพ้ให้กับพวก โรนัลโด้ หรือ บาติสตูต้า เท่านั้นเอง


Photo : www.stadiotardini.it

หลังจากจบศึกฟุตบอลโลกและสร้างชื่อในวงการเกมกับ วินนิ่ง 3 แล้ว เอ็มโบม่า ก็ได้โอกาสย้ายไปเล่นในอิตาลี ที่ ณ เวลานั้นถือเป็นลีกยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น และเข้าถึงชาวไทยได้มากกว่า เจลีก หรือ ลีกเอิง ที่เขาเคยเล่นหลายเท่านัก ดังนั้นภาพของ เอ็มโบม่า ในความทรงจำคอบอลก็ชัดเจนขึ้นมากเรื่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงที่เขาเล่นให้กับทีม ปาร์ม่า ทีมยอดนิยมของคอบอลยุค 90s เมื่อนั้นชื่อเสียงของ เอ็มโบม่า ตัวจริง ก็เริ่มไล่ตามชื่อเสียงของ M'Boma ในเกมขึ้นมาตามลำดับนั่นเอง  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook