"สติง" : นักมวยปล้ำผู้เป็นภาพสะท้อนของคนทำงานหนักและยึดมั่นกับคำว่ามืออาชีพ

"สติง" : นักมวยปล้ำผู้เป็นภาพสะท้อนของคนทำงานหนักและยึดมั่นกับคำว่ามืออาชีพ

"สติง" : นักมวยปล้ำผู้เป็นภาพสะท้อนของคนทำงานหนักและยึดมั่นกับคำว่ามืออาชีพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ว่าอาชีพไหนบนโลกใบนี้ คำว่า "ทำงานหนัก" และ "มืออาชีพ" คือสิ่งที่ตัวคุณและคนรอบข้างต้องการ ลองจินตนาการถึงเพื่อนร่วมออฟฟิศ ที่เอาแต่อู้ชอบโยนงาน แถมยังแอบแทงข้างหลัง แค่คิดก็แทบจะทนไม่ไหว

สำหรับ นักกีฬา คงเป็นอาชีพที่หลายคนจินตนาการถึงการทำงานหนัก และความเป็นมืออาชีพ ไม่ออกนัก ทั้งที่เป็นอาชีพที่ต้องเคร่งครัดมากที่สุด แต่กับมีข่าวนักกีฬาทำผิดกฎมากมายเสมอ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นแบบนั้น

Main Stand นำเสนอเรื่องราวของ สติง (Sting) นักมวยปล้ำระดับตำนาน ผู้ยืนหยัดในวงการยาวนานกว่า 30 ปี แม้ไม่เคยขึ้นสู่จุดสูงสุด และอยู่แต่ในสมาคมที่พ่ายแพ้ เหตุใดชื่อของเขาไม่เคยจางหาย และยังเป็นต้นแบบของนักมวยปล้ำทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้

เรามีคำตอบมาให้คุณ

ทัศนคติที่แตกต่าง

ก่อนจะเป็นตำนานในวงการมวยปล้ำ สติง หรือในชื่อจริง สตีฟ บอร์เดน ผ่านประสบการณ์มากมายในฐานะนักกีฬา ทั้งระดับมหาวิทยาลัยและสมัครเล่น ตั้งแต่ อเมริกันฟุตบอล, บาสเกตบอล และ เพาะกาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากทัศนคติ รวมถึงความเป็นมืออาชีพ ถูกปลูกฝังในตัวเขา

1

สติง ไม่เคยอยากเป็นนักมวยปล้ำ แต่เขามีความฝันอยากเดินทางไปทั่วโลก อยากเป็นที่รู้จักมีชื่อเสียง และอยากมีชีวิตสุขสบาย วันหนึ่งขณะออกกำลังกายที่ยิมแห่งหนึ่งในเวนิส บีช แคลิฟอร์เนีย เขาได้การชักชวนเข้าสู่แคมป์ฝึกมวยปล้ำของ เรด บาสเตียน (Red Bastien) นักมวยปล้ำชื่อดังยุค 60's

"สตีฟเป็นคนดีมาก เขาคือผู้ชายรอบคอบในโลกที่มีแต่คนโง่ กำลังพยายามหลอกว่าตัวเป็นคนพิเศษ ทั้งที่มันไม่ใช่ เรื่องพวกนี้ทำให้สตีฟเติบโตในวงการมวยปล้ำ และมีชีวิตรอดจากมันได้หลายสิบปี"

คำกล่าวข้างต้นมาจากปากของ ริค บาสแมน ชายผู้เปลี่ยนไอ้หนุ่มผมบลอนด์หน้าตาธรรมดา สตีฟ บอร์เดน ให้กลายเป็น สติง จากการเชิญชวนเข้าร่วมกลุ่มมวยปล้ำ Powerteam USA ในฐานะ นักมวยปล้ำระดับรอง ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ อย่างทุกวันนี้

"โลกคงไม่รู้จัก สติง หากเจอร์รีไม่ออกจากลุ่มของเรา" ริค บาสแมน เล่าถึงเหตุการณ์ที่นักมวยปล้ำชื่อ เจอร์รี บอทบิล เกิดหลงตัวเองในฐานะนักมวยปล้ำเบอร์หนึ่งของกลุ่ม และต้องการเปลี่ยนชื่อเป็น เจอร์รี อเมริกา เขาถูกเตะออก และแทนที่ว่างนั้นด้วยนักมวยปล้ำหน้าใหม่ สติง

"สตีฟไม่เคยปล้ำบนเวทีมาก่อน แต่เมื่อคุณเริ่มฝึกฝนเขา คุณจะเห็นความสามารถของเขาในทันที อีกอย่าง สตีฟ ดูดีราวกับ เกร็ก เบรดี (Greg Brady) แต่หุ่นของเขาฟิตปั๋งเหมือน จอห์นนี บราโว (Johnny Bravo)" ริค บาสแมน กล่าวเหตุผลที่เลือกสติงเป็นนักมวยปล้ำแนวหน้า

2

ปี 1985 สติง เริ่มต้นก้าวแรกในฐานะนักมวยปล้ำ ในสมาคม Continental Wrestling Association (CWA) ค่ายมวยปล้ำระดับภูมิภาค ที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ในฐานะแท็กทีม Freedom Fighters ช่วงเวลานั้น สติง จับคู่กับนักมวยปล้ำหน้าใหม่อีกคน ชื่อ จิม เฮลวิก ซึ่งภายหลังรู้จักกันดีในนาม ดิ อัลติเมท วอร์ริเออร์ (The Ultimate Warrior)

"พวกเขาคือเด็กหนุ่มหน้าใหม่ มีอะไรมากมายที่พวกเขาต้องเรียนรู้" เสียงจากนักพากย์บ่งบอกว่า 2 นักมวยปล้ำหน้าใหม่แห่ง Freedom Fighters ล้มเหลวแค่ไหน ผู้ชมหัวเราะเมื่อพวกเขาทำเทอะทะบนเวทีมวยปล้ำ ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ทั้งคู่ถูกเลิกจ้างโดย CWA

โชคดีที่รูปลักษณ์ของ สติง และ เฮลวิก ช่วยให้พวกเขาได้งานที่ Universal Wrestling Federation (UWF) ทั้งสองเปลี่ยนคาแรกเตอร์ใหม่เป็น The Blade Runners แท็กทีมมวยปล้ำฝั่งอธรรม ทั้งสองเพนท์หน้าเหมือนนักดนตรีจากวงพังก์ หมายความว่า สติง เริ่มต้นคาแรกเตอร์อันเป็นที่รู้จักของเขาที่นี่

"เราเปลี่ยนลุค เราเปลี่ยนชื่อ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เราทั้งคู่เพนท์หน้าเวลาขึ้นปล้ำ เราเลิกตามรอย The Road Warriors แล้วพยายามสร้างชื่อในแบบของตัวเอง"

"จิม เฮลวิก เปลี่ยนชื่อเป็น จิม ร็อค (Jim Rock) เพราะว่าเขาดูแข็งแกร่งเหมือนหิน ส่วนผมเปลี่ยนชื่อเป็น สติงเกอร์ แต่คนชอบเรียกว่า สติง" สติง เล่าจุดเริ่มต้นคาแรกเตอร์อันโด่งดัง

3

The Blade Runners ได้รับเสียงตอบรับที่ดีในฐานะแท็กทีมอธรรม และดูเหมือนเส้นทางพวกเขาจะไปได้สวย แต่ บิล วัตต์ส เจ้าของค่าย UWF รู้ดีว่าทั้งคู่โด่งดังเพราะภาพลักษณ์ ไม่ใช่ฝีมือการปล้ำ วัตต์ส ส่งทั้งสองฝึกฝนกับยอดฝีมืออย่าง เท็ด ดิบิอาซี และ สตีฟ วิลเลียมส์ อันเป็นเหตุผลสำคัญให้เส้นทางของ The Blade Runners ถึงจุดจบ

"ตอนแรกที่พวกเขาเข้ามา ทั้งคู่เป็นแค่พวกกล้ามใหญ่ไร้สมอง โดยเฉพาะ เฮลวิก" บรูซ พริชาร์ด  หัวหน้าทีมครีเอทีฟของ WWE ย้อนความหลัง

"หลังจากนั้น พวกเขาเริ่มทำงานนักมวยปล้ำฝีมือดี นั่นคือช่วงเวลาที่ สตีฟ เริ่มเรียนรู้ ผมไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ แต่ สตีฟ ดีกว่า เฮลวิก แบบเทียบไม่ติด เขาเรียนรู้สิ่งที่คนรอบข้างสอน เขารู้ดีว่าเขาไม่ได้รู้ทุกสิ่งในวงการ และเขาพยายามจะเป็นนักมวยปล้ำที่ดีขึ้น ส่วน วอร์ริเออร์ (เฮลวิก) เขายอมแพ้ตั้งแต่แรก"

จิม เฮลวิก ออกจาก UWF ช่วงกลางปี 1986 ด้วยเหตุผลว่า ได้ค่าจ้างไม่เพียงพอ ส่วน สติง อยู่ต่อ และเริ่มต้นความสำเร็จแรกในฐานะแชมป์โลกแท็กทีม UWF ปูทางเข้าสู่ค่ายมวยปล้ำยักษ์ใหญ่ Jim Crockett Promotions ในเวลาต่อมา

4

"เฮลวิก เป็นคนที่ชอบโทษคนอื่นเสมอ ส่วน สตีฟ บอกผมตลอดว่า 'ริค ผมขอบคุณทุกสิ่งที่คุณเคยช่วยเหลือผม แต่นี่คือสิ่งที่ผมต้องทำ'" ริค บาสแมน กล่าวเสริมถึงความมืออาชีพของสติง ในวันที่ทั้งคู่จากลาไปตามเส้นทางของตน

"ความแตกต่างที่สุดของ สติง และ วอร์ริเออร์ คือ ทัศนคติ ผมไม่เข้าใจการกระทำของ วอร์ริเออร์ เลย จนกระทั่งได้ฟังเขาพูดในงาน Hall of Fame (2014 WWE Hall of Fame) ผมจึงรับรู้ความโกรธมากมายภายในจิตใจ หลังจากถูกพ่อทิ้งไปในตอนเด็ก นั่นคือเหตุผลที่เขาเป็นคนแบบนั้น ในขณะที่ สติง เป็นคนที่น่าดึงดูดกว่ามาก และเข้าหาคนรอบข้างได้ดี"

จิม เฮลวิก หรือ ดิ อัลติเมท วอร์ริเออร์ ย้ายสู่ WWE ในปี 1987 และถูกผลักดันจนเป็นคู่เอก WrestleMania VI แต่ด้วยความประพฤติหลังฉากที่ย่ำแย่ เขาตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ก่อนเสียชีวิตในวันที่ 8 เมษายน ปี 2014 สามวันหลังจากพูดขอบคุณวงการมวยปล้ำ ในงาน WWE Hall of Fame

รับผิดชอบต่อหน้าที่

ปี 1987 สมาคม UWF ถูกซื้อโดย Jim Crockett Promotions (WCW ในภายหลัง) หนึ่งใน 2 ค่ายมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ที่มีซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง อย่าง ริค แฟลร์ หรือ ดัสตี โรดส์ รวมถึงการถ่ายทอดมวยปล้ำผ่านทางโทรทัศน์ ถือเป็นการแข่งขันระดับสูงกว่า เมื่อเทียบกับค่ายระดับภูมิภาค อย่าง UWF

5

ไม่ใช่เรื่องแปลกหากนักมวยปล้ำ UWF จำนวนมาก ไม่สามารถประสบความสำเร็จใน WCW แต่สำหรับ สติง เขาถูกผลักดันขึ้นสู่ระดับสูงอย่างรวดเร็ว เดือนมีนาคม ปี 1988 เขาปล้ำแมตช์ชิงแชมป์โลก NWA กับ ริค แฟลร์ ในศึก Clash of the Champions เป็นระยะเวลา 45 นาที ก่อนจบลงด้วยผลเสมอ

แมตช์ดังกล่าวถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ช่อง TBS วันเดียวกับศึก WrestleMania IV โชว์ประจำปีของค่ายคู่แข่ง WWE แต่สามารถทำเรตติ้งสูงถึง 5.6 สติง รับเครดิตเต็มๆ จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้เขาคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ ในปี 1990

ศึก The Great American Bash 1990 ที่สติงคว้าแชมป์โลก NWA มาครอง ทำสถิติเป็นเพย์เพอร์วิวที่มียอดขายสูงสุดของ WCW ในขณะนั้น ส่งผลให้ผู้บริหารสมาคมคาดหวังในตัว สติง อย่างมาก โชคร้ายที่ สติง ไม่สามารถทำยอดซื้อได้ดีหลังจากนั้น 

แม้จะสร้างความนิยมอย่างมากจากแฟนมวยปล้ำ จนคว้ารางวัล "นักมวยปล้ำแห่งปี" จากสถาบัน PWI เจ้าตัวกลับได้รับรางวัล "นักมวยปล้ำไร้การพัฒนา" ในปีเดียวกัน จากสื่อ Wrestling Observer Newsletter

"แน่นอนว่า สติงคือตำนานตลอดกาล แต่ความจริงคือ ตลอดเวลาที่เขาอยู่ WCW แม้แต่ช่วงก่อนที่ NWO จะเข้ามา สติงไม่สามารถทำยอดขายเพย์เพอร์วิวได้ดีเลย เขาไม่สามารถทำเรตติ้งรายการทีวีให้ดีได้ด้วยตัวเองด้วยซ้ำ" เดฟ เชอเรอร์ บรรณาธิการ PWinsider กล่าว

"สติง ไม่สามารถสร้างความสนใจได้อย่างที่ WCW คาดหวัง หลังจากคว้าแชมป์ได้ WCW ไม่สามารถหาผู้ท้าชิงที่ดีแก่การครองแชมป์สมัยแรกของสติง แถมเนื้อเรื่องและการกำหนดผลของ โอเล แอนเดอร์สัน (Ole Anderson) ทำให้แชมป์โลกหน้าใหม่แย่ลงไปอีก" ฟิน มาร์ติน จากนิตยสาร Power Slam ให้ความเห็นเรื่องนี้เช่นกัน

"ขณะเดียวกัน ริค แฟลร์ คือนักมวยปล้ำที่ขายได้เสมอ ผู้คนเริ่มรอที่จะเห็นสติงเสียแชมป์ และเห็นแฟลร์เป็นแชมป์โลกอีกครั้ง สติงเองต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย เขาไม่สามารถเติบโตในฐานะแชมป์โลกอย่างที่ควรเป็น หากต้องการข้ามผ่านแฟลร์ เขาต้องเก่งรอบด้าน แต่การพัฒนาที่เด่นชัดไม่เคยเกิดขึ้น"

6

สติง ล้มเหลวในฐานะนักมวยปล้ำธรรมะหมายเลขหนึ่งของ WCW เขาถูกลดระดับอย่างช้าๆ จนกลายเป็นนักมวยปล้ำระดับกลางเต็มตัวในช่วงกลางทศวรรษ 90's สำหรับนักมวยปล้ำหลายคน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับกับบทบาทที่ไม่เหมือนเดิม บางคนปฏิเสธจะแพ้ให้แก่เพื่อนร่วมงาน จนเป็นปัญหาใหญ่โต แต่ไม่ใช่กับ สติง

"สติงไม่เคยมีปัญหากับใคร เขายอมให้คนอื่นเสมอ คุณสามารถพึ่งพาเขาได้ในฐานะเพื่อนร่วมงานมืออาชีพคนหนึ่ง เขาไม่เว้นระยะห่างจากใคร ผมว่ามันส่งผลดีสำหรับเขา" เจฟ บอร์นสไตน์ ผู้กำกับแสง WCW กล่าว

ช่วงปี 1990 สติง มีบทบาทปล้ำกับนักมวยปล้ำหน้ากาก Black Scorpions โดยตัวตนของคู่ต่อสู้หลายนี้ คือนักมวยปล้ำหลายคน สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนรับบทบาท สติง ในฐานะแชมป์โลกขณะนั้น จึงต้องเปลี่ยนสไตล์การปล้ำแทบทุกแมตช์ ซึ่งถือเป็นเรื่องยากมากในวงการมวยปล้ำ แต่ สติง ที่เป็นแชมป์โลกในขณะนั้น ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกแมตช์ออกมาดีที่สุด

"เรื่องตามแบบฉบับของ WCW ล่ะ สติงต้องปล้ำกับ Black Scorpions ประมาณ 7 คน" เควิน แนช  อดีตนักมวยปล้ำ WCW และ WWE กล่าว

"เขาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับแต่ละคน มันไม่มีความสม่ำเสมอเลย แต่ไม่ว่าทุกอย่างจะห่วยแตกแค่ไหน เขาสามารถสร้างแมตช์ที่ดีออกมาได้ทุกครั้ง"

เคล็ดลับการสร้างแมตช์ที่ดีของ สติง คืออะไร? สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับนักมวยปล้ำยุค 80's และ 90's จนแยกไม่ออก คือ เหล้าและยาเสพติด อบายมุขเหล่านี้ ทำให้นักมวยปล้ำหลายคนมีอายุสั้นกว่าที่ควรจะเป็น สติง หลีกเลี่ยงมันทุกวิถีทางที่ทำได้ ส่งผลให้เขารักษาสภาพร่างกาย และยืนหยัดจนกลับสู่พื้นที่ระดับสูงของวงการได้อีกครั้ง

7

"ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยเห็นสติงถือเหล้าในมือเลย เขาไม่ได้เดินทางในแบบที่นักมวยปล้ำคนอื่นทำ เขาไปไหนมาไหนด้วยตัวเองตลอดเวลา สำหรับเขา มันไม่ใช่เวลาปาร์ตี้" เจฟ บอร์นสไตน์ กล่าว

"ถ้าคุณนั่งอยู่ในบาร์นานมากพอ คุณจะเริ่มดื่มเหล้า ถ้าคุณยืนอยู่ตรงมุมห้องนานสักพัก คุณจะเริ่มเล่นยา นั่นคือเหตุผลที่ สติง แยกตัวออกมาจากคนอื่น" เท็ด ดิบิอาซี กล่าว

ปลายปี 1996 สติง เปลี่ยนกิมมิคเป็น "The Crow" แอนตี้-ฮีโร่ ด้านมืดแห่ง WCW เขากลับสู่ระดับสูงของสมาคม คว้าแชมป์โลก 4 สมัย ในช่วงปี 1997-1999 พร้อมกับสร้างสถิติยอดขายเพย์เพอร์วิวสูงสุดตลอดกาลของ WCW จากศึก Starrcade 1997

โชคร้ายที่ความสำเร็จครั้งใหญ่ของ สติง กับ ศึก Starrcade 1997 กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นความตกต่ำของ WCW สติงอยู่กับสมาคมที่ทำร้ายอาชีพของเขาจนถึงวันสุดท้าย เมื่อ WWE ซื้อ WCW ในปี 2001 สติงปฏิเสธข้อเสนอสู่ WWE และเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับสมาคมเล็กๆ ที่แย่ไม่แพ้กัน

มอบความรัก กล่าวคำขอบคุณ

สติง เปิดตัวในสมาคม Total Nonstop Action Wrestling (TNA) ตั้งแต่ปี 2003 และขึ้นปล้ำในแก่สมาคมขนาดเล็ก ที่เต็มไปด้วยเนื้อเรื่องย่ำแย่ ไม่แพ้ WCW

8

แต่ถึงอย่างนั้น ชื่อของ สติง ไม่เคยจางหายไปจากใจแฟนมวยปล้ำ เขาได้รับความเคารพจากเพื่อนร่วมอาชีพ รวมถึงรุ่นน้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็น จอห์น ซีนา, เซท โรลลินส์, เจฟฟ์ ฮาร์ดี หรือ โคดี โรดส์ ต่างยกย่องนักมวยปล้ำรายนี้เป็นไอดอล ขึ้นปล้ำในสมาคมยอดแย่ที่มีผู้ชมหลักพัน เป็นเวลายาวนานกว่า 10 ปี

สิ่งหนึ่งที่แฟนมวยปล้ำทั่วโลก สามารถบอกได้ทันทีที่ชมแมตช์การปล้ำของสติงคือ ผู้ชายคนนี้รักมวยปล้ำอย่างสุดหัวใจ สติงเคยปฏิเสธข้อเสนอมหาศาลจาก WWE ในปี 1988 เพราะรู้ว่าค่ายคู่แข่งต้องการว่าจ้างเขาเพื่อตัดกำลัง WCW ไม่ใช่สนใจความสามารถในฐานะนักมวยปล้ำที่มีอยู่ในตัว

สติง มีความสุขกับอาชีพของเขาเสมอ แม้แต่ในช่วงปลายอาชีพ สติงสร้างคาแรกเตอร์ "Joker" ขึ้นมา เขาไม่ลังเลเพนท์หน้าคล้ายวายร้ายในแบทแมน แม้อายุจะเกิน 50 แต่ สติง แสดงให้โลกรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่แก่เกินไปสำหรับคุณ หากยังสนุกกับสิ่งที่รัก

"ปี 1997 สติงมีบทต้องกระโดดลงจากแฮลิคอปเตอร์ เขาสนุกกับมันมาก ต้องการจะกระโดดอีกครั้งและอีกครั้ง สรุป เขากระโดดประมาณ 17 ครั้ง เขายิ้มกว้างปากถึงหู หลุดจากคาแรกเตอร์ไปเลย" เอลลิส เอ็ดวาร์ดส (Ellis Edwards) ทีมดูแลสตันท์ของ WCW กล่าว

ไม่ใช่แค่ความรักในวงการมวยปล้ำที่ไม่เคยเปลี่ยนไป ความเคารพต่อเพื่อนร่วมงานคือสิ่งหนึ่งที่ สติง ยังคงปฏิบัติมาเสมอ ปี 1990 เขาเคยอ้าแขนรับ เควิน แนช ที่ยังเป็นดาวรุ่ง เข้ามาพักในห้องเดียวกันโดยไม่รังเกียจ อีกเกือบ 10 ปี ถัดมา เขากล่าวขอโทษสตันท์แมนไร้ชื่อเสียงที่ยอมเจ็บตัวแทนเขา ในการถ่ายทำศึก WCW Nitro

ปี 2015 สติง ประกาศเลิกปล้ำ จากอาการบาดเจ็บที่คอโดยท่า Buckle Bomb ของ เซท โรลลินส์  แทนที่จะต่อว่ารุ่นน้อง สติง กล่าวว่าทุกสิ่งคืออุบัติเหตุ และเป็นตัวเขาเองที่รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้โอกาสร่วมงานกับนักมวยปล้ำรุ่นใหม่มากฝีมือแบบนี้

9

"เซท ยื่นหัวเข้ามาในรถพยาบาล เขาบอกว่าเขาขอโทษ และไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมแค่ตอบเขาว่า ไม่ต้องกังวล มันไม่ใช่ความผิดของนาย 15 นาทีต่อมา เขาพรั่งพรูความในใจว่าเขารู้สึกเป็นเกียรติมากแค่ไหน แต่เขาไม่รู้เลยว่า ผมยินดีที่ได้ทำงานกับเขาเช่นกัน"

"ผมรู้สึกเป็นเกียรตินะ หลังจากอยู่ในวงการมายาวนานกว่า 30 ปี พบเจอกับนักมวยปล้ำที่ดีและสุดยอดมากมาย เขาเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น"

สติง อาจไม่ใช่นักมวยปล้ำที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการ เขาอยู่ในสมาคมที่พ่ายแพ้ในสงครามมวยปล้ำ ก่อนเริ่มต้นใหม่ในค่ายมวยปล้ำเกรดรอง มีนักมวยปล้ำมากมายที่ประสบชะตากรรมเดียวกับเขา และถูกซัดหายจากความทรงจำตามกาลเวลา

แต่ สติง ยังยืนอยู่ตรงนี้ ในใจของแฟนมวยปล้ำทั่วโลก ด้วยทัศนคติที่มากกว่าคำว่ามืออาชีพ และทำงานหนักด้วยความรักตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา สติง จึงเป็นมนุษย์ที่ยืนยันว่า การทำงานหนัก และ ประพฤติดีต่อเพื่อนร่วมงาน ไม่เคยทำร้ายใคร ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนบนโลกใบนี้

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ "สติง" : นักมวยปล้ำผู้เป็นภาพสะท้อนของคนทำงานหนักและยึดมั่นกับคำว่ามืออาชีพ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook