เหลือแค่ 2... ไม่แปลก

เหลือแค่ 2... ไม่แปลก

เหลือแค่ 2... ไม่แปลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปถ้วยใหญ่ "ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก" ผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปแล้ว 4 นัด มีทีมผ่านเข้ารอบต่อไปเรียบร้อยทั้งสิ้น 6 ทีม โดยแบ่งเป็น

2 ยักษ์ใหญ่จากสเปน ทั้ง "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ที่นอกจากจะเข้ารอบแล้วด้วยสถิติชนะรวด 4 นัด พวกเขายังไม่น่าจะพลาดความเป็นแชมป์ของกลุ่มบี อีกต่างหาก ในขณะที่ "เอเลี่ยนทีม" บาร์เซโลน่า ที่แม้จะฟอร์มกระท่อนกระแท่นในลีก แต่ทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ก็ยังดีพอที่จะเอาตัวรอดได้ในถ้วยยุโรป เพียงแต่ยังต้องลุ้นว่า พวกเขาจะไปได้ถึงแชมป์ของกลุ่มเอฟได้หรือเปล่า

เชลซี มีโอกาสเป็นแชมป์กลุ่มสูงที่สุด

2 ทีมดังจากเมืองเบียร์ ทั้ง "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค และ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต่างก็คว้าชัยชนะรวดในการออกตัว 4 นัดเช่นกัน โดยเฉพาะทีมเสือใต้ ของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่การันตีการเป็นแชมป์กลุ่มอี ไปเรียบร้อย ส่วนทีมเสือเหลือง ของเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่น่าจะพลาดการเป็นแชมป์ของกลุ่มดี เช่นเดียวกัน

ส่วนอีก 2 ทีมที่ได้เข้ารอบน็อกเอาท์ไปเรียบร้อย ก็คือยอดทีมจากฝรั่งเศส "เปแอสเช" และอดีตแชมป์อย่าง ปอร์โต้ จากแดนฝอยทอง

ในขณะเดียวกัน ตัวแทนจากแดนมะกะโรนี ที่มีอยู่เพียง 2 ทีม ต่างอยู่ในสถานการณ์ที่ยังต้อง "ลุ้น" กันพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีมหมาป่า "โรม่า" ของกุนซือรูดี้ การ์เซีย ที่อยู่ในกลุ่มอี กับสถานการณ์ใน 2 นัดสุดท้าย ที่ยังต้องลุ้นกันกับ ซีเอสเคเอ มอสโก และ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ แชมป์จากเมืองผู้ดี กันยันนัดสุดท้ายแน่นอน ส่วนทีมม้าลาย "ยูเวนตุส" นั้น ก็มีสภาพที่ไม่แตกต่างไปกว่ากัน กับการต้องลุ้นสุดเหยียดใน 2 นัดที่เหลือกับอีก 3 ทีมที่เหลือในกลุ่มเอ ทั้ง แอตฯ มาดริด , โอลิมเปียกอส และ มัลโม่


อาร์เซน่อลพลาดมหันต์ในเกมล่าสุด นำ 3-0 แต่ได้แค่แต้มเดียว

ทว่า! สำหรับตัวแทนจากลีกขวัญใจชาวไทยอย่าง "พรีเมียร์ลีก" ที่ส่งเข้าประกวดกันถึง 4 ทีมในรอบแบ่งกลุ่ม หลังผ่านเส้นทางในรอบแมตช์เดย์ 4 ไปเรียบร้อย กลับยังไม่มีทีมใดที่ "การันตี" การผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ เลยแม้แต่ทีมเดียว

"สิงห์น้ำเงินคราม" เชลซี ของกุนซือโจเซ่ มูรินโญ่ ผ่านการฟาดแข้งไป 4 นัด พวกเขาขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มจี ซึ่งดูเหมือนโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ น่าจะเป็นไปได้ "สูง" แต่หากดูที่โปรแกรมใน 2 นัดสุดท้าย ที่พวกเขาจะต้องเจอกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก่อนตบท้ายด้วยเกมเยือน ชาลเก้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่แต่ด้วยความ "เขี้ยว" ของกุนซืออย่าง มูรินโญ่ บวกกับศักยภาพของลูกทีม ยังเชื่อว่า พวกเขาไม่น่าพลาดการเข้าสู่รอบน็อกเอาท์

"ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ของอาร์แซน เวนเกอร์ ทำพลาดมหันต์ เมื่อพวกเขาปล่อยให้ทีมรองบ่อนอย่าง "อันเดอร์เลทช์" ไล่ตีเสมอหน้าตาเฉย 3-3 ทิ้งโอกาสเข้ารอบหลังผ่านนัดที่ 4 ไปอย่างน่าเสียดาย ยังดีที่ใน 2 นัดสุดท้าย ทีมของกุนซือเวนเกอร์ ต้องการเพียงแค่ 1 คะแนน ก็จะผ่านเข้ารอบ หากพวกเขาไม่เลวร้ายสุด ๆ ไปเอง ยังไงก็ไม่น่าพลาดกับการผ่านสู่รอบต่อไป

หงส์แดงยังมีหวัง ถ้าชนะรวดในสองนัดที่เหลือ

ส่วนอีก 2 ทีมที่เหลือ ทั้งอดีตแชมป์ 5 สมัยอย่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล และทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ กับโอกาสผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ ถือว่ายากเย็นแสนเข็นพอๆกัน

ลิเวอร์พูล ของกุนซือเบรนแดน ร็อดเจอร์ เหลือโปรแกรมต้องไปเยือน ลูโดโกเร็ตส์ ตามด้วยการเล่นในถิ่นกับ บาเซิล เป็นนัดสุดท้าย หากจะมองที่ "โอกาส" ในการผ่านเข้ารอบของพวกเขา ถือว่ามีไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตามที สถานการณ์ของหงส์แดง ยังดูดีกว่า "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ของมานูเอล เปเยกรินี่ มากมายนัก เนื่องเพราะทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก กับโปรแกรม 2 นัดสุดท้าย ที่ต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ปิดท้ายด้วยเกมไปเยือนถิ่น "หมาป่าเหลืองแดง" โรม่า ถือว่าเป็นอะไรที่ยาก "มาก" จนถึงขั้น "เป็นไปได้ไม่ได้"

เรือใบสีฟ้า น่าจะโบกมือลาที่รอบแรก

หลายปีที่ผ่านมา ตัวแทนจากเมืองผู้ดี มักจะ "ยกโขยง" ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ได้แบบสบาย ๆ หายห่วงแบบ "ยกชุด" หรืออย่างน้อยก็จะมี "ตกรอบ" ไปก่อนสักทีม

แต่! สำหรับปีนี้นั้น หากว่าทีมตัวแทนจากเมืองผู้ดี จะ "ไปต่อ" ได้เพียงแค่ครึ่งเดียว (หรือแค่ 2 ทีม) ก็ถือได้ว่า

ไม่ใช่เรื่อง "แปลก" แต่อย่างใด

เฮียนอส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook