วันที่ไม่สดใสของเบ๊กแฮม
คารม คมคิด
ในวัย 34 ของเดวิด เบ๊กแฮม นับว่าสนใจอย่างยิ่ง
หลังจากผ่านพ้นช่วงสุดยอดของอาชีพค้าแข้ง อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อรักษาตำแหน่งในทีมชาติเอาไว้ให้ได้
เป้าหมายคือเวิลด์คัพ 2010 ที่แอฟริกาใต้
เบ๊กแฮม สิ้นสุดสัญญาการยืมตัวกับมิลาน และต้องการกลับมาลงเล่นให้ต้นสังกัดคือแอลเอ กาแล็กซี่ อีกครั้ง
แต่การกลับมาหนนี้ไม่เหมือนเดิม
เบ๊กแฮมโดนแรงต้านทั้งจากเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอล
ถึงจะกลับมาเล่นให้ทีมอีกครั้ง แต่เป็นที่รับทราบกันว่าซูเปอร์สตาร์คนดังนับวันรอที่จะได้กลับไปเล่นในยุโรปอีกครั้ง
เรียกได้ว่าอยู่แต่ตัว หัวใจไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
การออกมากล่าวตำหนิของเบ๊กแฮมต่อหน้าสาธารณชนของแลนดอน โดโนแวน เพื่อนร่วมทีมจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
ส่วนแฟนบอลนั้นเล่า เสียงโห่ใส่ในเกมที่กาแล็กซี่เอาชนะนิวยอร์ก เร้ดบูลล์ส 3-1 เมื่อหลายวันก่อนก็บ่งบอกปฏิกิริยาทุกอย่างได้หมด
แล้วเบ๊กแฮมเล่า
ดูเหมือนนักเตะที่เต็มเปี่ยมความมั่นใจในตัวเองจะไม่ค่อยยี่หระเท่าใดนัก แถมยังให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องโห่ไล่ของแฟนบอลเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาไปเสียแล้ว
แต่ถ้าผมเชื่อมั่นในตัวเอง และสามารถโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างน่าประทับใจ เสียงโห่เล่านั้นก็จะจางหายไปเองนั่นแหละ
บรู๊ซ อารีน่า คนเป็นกุนซือก็มองเห็นเช่นนั้นด้วย
ถ้าแอลเอ กาแล็กซี่ ชนะไปได้เรื่อยๆ บางทีเสียงโห่ พฤติกรรมที่แฟนบอลแสดงความไม่พอใจในตัวของเบ๊กแฮมก็น่าจะลดถอยไปด้วย
แต่คงไม่ใช่ในเร็ววันนี้แน่
เพราะในเกมกลางสัปดาห์กับเร้ดบูลล์สนั้น มีแฟนบอลเข้ามาชมเพียง 23,238 คนเท่านั้น
น้อยกว่าเมื่อตอนเปิดตัวเบ๊กแฮมถึงครึ่งกว่าครึ่ง
ศรัทธา ความชื่นชอบในตัวของนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยมากที่สุดในลีก ลดลงมากเพียงไร คงไม่ต้องบอกกระมัง
ใครที่คิดว่าเบ๊กแฮมจะเป็น เทพเจ้า ที่ช่วยมาบูม ลูกหนัง ในเมเจอร์ ลีก เห็นจะคิดใหม่ได้แล้ว
อนาคตไม่สดใสทั้งตัวของเบ๊กแฮมและเมเจอร์ลีก นั่นแหละคุณ