ข้อคิดจากกรณีน้องนก
คารม คมคิด
ชั่วโมงนี้วงการเทนนิสของไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง 5
เพราะการทะลุเปรี้ยงของ น้องนกนพวรรณ เลิศชีวกานต์ นั่นเอง
นักหวดลูกสักหลาดสาววัย 17 จากถิ่นเหนือ ได้แชมป์เยาวชนหญิงเดี่ยวและหญิงคู่วิมเบิลดัน ซึ่งยังไม่มีนักเทนนิสหญิงคนใดของไทยทำได้
ปีหน้า น้องนก ก้าวขึ้นเป็นนักเทนนิสอาชีพเต็มตัว
แต่ความสำเร็จครั้งนี้มีที่มา
ที่มานั้นก็คือ การปั้นฝันของยอดคุณพ่อ นายประมวล เลิศชีวกานต์ ที่ให้ลูกสาวฝึกเทนนิสตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และลงทุนลงแรงไปมาก
ก่อนจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณเดินทางไปแข่งในต่างประเทศโดยมูลนิธิริโก้ (RICO) ของริก ฟาวเลอร์ นักธุรกิจชาวอเมริกันที่มาอาศัยอยู่ในเมืองไทย
หลังจากนั้นลอนเทนนิสสมาคมฯ จึงยื่นมือเข้ามาในโครงการพัฒนานักเทนนิสเยาวชนสู่อาชีพ
เส้นทางดูคล้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับ ซูเปอร์บอลภราดร ศรีชาพันธุ์ และ แทมมี่แทมมารีน ธนสุกาญจน์
นั่นคือ ได้รับการสนับสนุนจากคนในครอบครัวเป็นด้านหลัก พูดง่ายๆ ก็คือ ผู้บังเกิดเกล้าต้องควักกระเป๋าจ่ายในระยะแรก หรือไม่ก็ต้องบากหน้าไปหาสปอนเซอร์เอง แถมเป็นโค้ชเองอีกต่างหาก แข่งขันต่างประเทศที ใช้เงินน้อยเสียที่ไหน
สมัย แทมมี่ ยังเป็นแค่นักเทนนิสตัวน้อยๆ ก็ตระเวนไปพร้อมยอดคุณพ่อวีระชัย ทั้งในและต่างประเทศ
บางรายการไม่ได้ลงแข่งก็ยังต้องไปลุ้นกันที่สนามว่าอาจจะได้ลง หากมีนักเทนนิสคนอื่นบาดเจ็บ ก็อาจได้สอดแทรกลงเล่น
ผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ทุกอย่างก็ดูจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ลอนเทนนิสสมาคมฯ น่าจะลองดูว่า จะทำอะไรได้กับเรื่องนี้บ้าง
จะให้ภาครัฐให้การสนับสนุนเด็กไทยที่มีฝีมือในเชิงเทนนิสไม่เป็นรองใครในโลกได้อย่างไร
มีอดีตเป็นบทเรียนอยู่แล้วนี่ครับ