จากความขัดแย้งระดับประเทศ : เหตุใด beIN จึงไม่ต้องการให้กลุ่มทุนซาอุฯ เทคโอเวอร์นิวคาสเซิ่ล

จากความขัดแย้งระดับประเทศ : เหตุใด beIN จึงไม่ต้องการให้กลุ่มทุนซาอุฯ เทคโอเวอร์นิวคาสเซิ่ล

จากความขัดแย้งระดับประเทศ : เหตุใด beIN จึงไม่ต้องการให้กลุ่มทุนซาอุฯ เทคโอเวอร์นิวคาสเซิ่ล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด คือหนึ่งในทีมฟุตบอล ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของอังกฤษ แฟนบอลของสโมสรแห่งนี้ ขึ้นชื่อเรื่องความคลั่งไคล้ของเกมลูกหนัง ทุกสุดสัปดาห์ เมืองแห่งนี้จะเงียบเหงา เพราะผู้คนทั้งเมือง ไปร่วมตัวอยู่ ณ สถานที่เดียวกัน คือสนามเหย้าของทีมนิวคาสเซิ่ล

แต่ตลอดช่วงเวลาหลายปี ที่ผ่านมา สโมสรแห่งนี้อยู่ในภาวะซึมเศร้า จากการบริหารโดยเจ้าของ ที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์ อย่าง ไมค์ แอชลีย์ แฟนบอลทีมสาลิกาดง ได้แต่ภาวนา ให้มีเจ้าของทีมคนใหม่ เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรนี้ เพื่อพาทีมกลับสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง

ข่าวดีที่แฟนบอลนิวคาสเซิล รอคอยมาอย่างยาวนาน ได้มาถึงในปี 2020...เมื่อกลุ่มทุนของราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย สนใจจะทุ่มเงินร่วม 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 12,000 ล้านบาท) ร่วมกับกลุ่มทุนจากประเทศอังกฤษ

เมื่อไหร่ก็ตามที่ข่าวการเทคโอเวอร์สโมสร แน่นอนว่าย่อมมีทั้งคนเห็นด้วย และเสียงต่อต้าน ในเคสของสโมสรนิวคาสเซิลก็เช่นกัน

โดยเสียงต่อต้านมักมาจากแฟนบอล ทว่ากรณีนี้ เสียงต่อต้าน กลับมาจากช่องโทรทัศน์, องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน และตำนานของสโมสร ซึ่งหนึ่งในหน่วยงานที่ออกตัว ต่อต้านการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ คือ beIN Sports ช่องโทรทัศน์ด้านกีฬา และแพล็ตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง ที่ส่งสัญญาณไปยังพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ให้เข้ามาทบทวน ถึงการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ให้ดี 

เหตุใดช่องโทรทัศน์ จึงต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเทคโอเวอร์สโมสรนิวคาสเซิล ที่พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง ติดตามไปพร้อมกับเรา

ซาอุดิอาระเบียกับกีฬา

ไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่กลุ่มทุนจากเอเชียตะวันออกกลาง จะเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอลในยุโรป...แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ ปารีส แซงค์ แชร์กแมง คือตัวอย่างทีมที่ถูกกลุ่มทุนจากเอเชียตะวันออกกลางเทคโอเวอร์ และพัฒนาขึ้นมาเป็นทีมหัวแถวของโลก อย่างรวดเร็ว


Photo : www.energyreviewmena.com

สำหรับประเทศซาอุดิอาระเบีย พวกเขามีโปรเจ็คต์ใหญ่ด้านกีฬาเช่นกัน แม้จะไม่เคยเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอลใดมาก่อน แต่ประเทศแห่งนี้ ได้ทำโปรเจ็คกีฬาใหญ่หลายครั้ง ผ่านแผนการ Saudi Vision 2030 ไม่ว่าจะเป็นการจัดมวยชิงแชมป์โลก หรือนำมวยปล้ำของสมาคม WWE ไปจัดอีเวนต์ที่ซาอุฯ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

การเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอล คือแผนการที่ทางราชวงศ์ซาอุฯ ต้องการทำมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา  เพราะพวกเขามองเห็นว่า หากจะยกระดับให้ประเทศ กลายเป็นรัฐสมัยใหม่ด้านกีฬา ไม่มีกีฬาไหนจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าฟุตบอล

เป้าหมายอันดับหนึ่ง ของทางซาอุฯ คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กลุ่มทุนนี้ พยายามติดต่อเทคโอเวอร์ ทั้งในปี 2018 และ 2019

น่าเสียดายที่การเจรจาทั้งสองครั้ง ต้องพบกับความล้มเหลว เนื่องจากตระกูลเกลเซอร์ (Glazer Family) ไม่มีความคิดที่จะขายทีมปีศาจแดง แม้ได้รับข้อเสนอร่วม 4,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 16,000 ล้านบาท) ในการซื้อขายสโมสร

อันที่จริงแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียอยู่ แต่ความทะเยอทะยานของทางซาอุฯ มีมากกว่านั้น พวกเขาตั้งเป้า จะเป็นเจ้าของสโมสรในยุโรปให้ได้ 


Photo : www.albiladdailyeng.com

เพราะราชวงศ์บ้านใกล้เรือนเคียง อย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นเจ้าของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และราชวงศ์กาตาร์ เป็นเจ้าของทีมปารีสฯ… ทำให้ซาอุดิอาระเบีย ต้องการจะเข้าครอบครองสโมสรฟุตบอล ในทวีปยุโรปให้ได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ประเทศของพวกเขา ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติคู่แข่งเหล่านี้ แม้แต่น้อย

ท้ายที่สุด ความฝันของกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย ใกล้จะเป็นจริง เพราะไมค์ แอชลีย์ เจ้าของทีมนิวคาสเซิล ไม่ต้องการแบกภาระกับการเป็นเจ้าของสโมสร ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดหนัก ทำให้เขาพร้อมรับข้อเสนอก้อนโต ที่ทางซาอุยื่นให้

แต่ความฝันของซาอุฯ ที่จะเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล ไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด

 

ความขัดแย้งผ่านช่องโทรทัศน์

ด้านหนึ่งรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย แม้จะส่งเสริมวงการกีฬาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ประเด็นด้านสังคม คือสิ่งที่ประเทศนี้ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ WWE สมาคมมวยปล้ำอันดับหนึ่งของโลก เคยถูกโจมตีอย่างมาก ที่ไปจับมือกับทางซาอุฯ ที่มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เคยถูกนักข่าวบางรายโจมตี ที่ไปเป็นพันธมิตรกับทางซาอุเช่นกัน


Photo : bbc.com

การเทคโอเวอร์สโมสรนิวคาสเซิล ของกลุ่มทุนของซาอุดิอาระเบีย ไม่สามารถหนีเสียงต่อต้านไปได้ และหน่วยงานสำคัญ ที่ออกมาโจมตีการซื้อขายทีมฟุตบอลครั้งนี้ คือ beIN Sports 

สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ คือช่องโทรทัศน์ beIN Sports เป็นช่องโทรทัศน์ที่ถือครอง โดยกลุ่มทุนของประเทศกาตาร์ และพวกเขาถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของพรีเมียร์ลีก ครอบคลุมพื้นที่เอเชียตะวันออกลาง แน่นอนว่า รวมถึงประเทศซาอุดิอาระเบียด้วย

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในซาอุดิอาระเบีย คือทางซาอุฯ ได้สร้างช่องโทรทัศน์กีฬาที่ชื่อว่า beoutQ ขึ้นมา ซึ่งลอกเลียนแนวทางของ beIN Sports มาแทบทุกกระเบียดนิ้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ช่อง beoutQ ยังได้ขโมยสัญญาณการถ่ายทอดสดของ beIN Sports เข้ามาถ่ายทอดแบบฟรีๆ ให้คนซาอุดิอาระเบียรับชม ทั้งหมดนี้สร้างความไม่พอใจให้กับ beIN Sports หรืออีกนัยยะหนึ่ง คือประเทศกาตาร์อย่างมาก


Photo : www.beinmediagroup.com

“เป็นเวลาเกือบ 3 ปีที่พวกเขาขโมยลิขสิทธิ์ของเราไป และหาผลประโยชน์ บนรายได้ของแต่ละสโมสร นี่คือสิ่งที่พวกโจรสลัด beoutQ กำลังกระทำอยู่”

“นี่คือการเดิมพันอนาคต เรื่องของธุรกิจในวงการฟุตบอลเอาไว้ตรงนี้ เรากล้าบอกว่า นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงแต่อย่างใด”

“อุตสาหกรรมกีฬา กำลังจะเจอปัญหาครั้งใหญ่หลังจากนี้ เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ระบบเศรษฐกิจในวงการกีฬา กำลังจะร่วงหล่น สิ่งที่สโมสรฟุตบอลควรทำ คือปกป้องช่องถ่ายทอดสดอย่างพวกเรา นี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด” beIN Sports ส่งคำเตือนโดยตรงไปยังพรีเมียร์ ลีก


Photo : polony.tv

อาจจะดูโอ้อวดตัวเองไปบ้าง แต่สิ่งที่ beIN Sports กล่าวไม่ใช่เรื่องเกินจริง นักวิชาการด้านกีฬา ได้มีการคาดหมายว่า การรับชมกีฬาทางบ้าน อาจกลายเป็นพฤติกรรมใหม่ ของแฟนกีฬา ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ท่ามกลางปัญหาด้านสาธารณสุข ที่ไม่มั่นคง

รายได้ที่มาจากเกมการแข่งขันกำลังจะหายไป สิ่งที่จะเข้ามาแทนคือค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และ beIN Sports คือหนึ่งในกลุ่มทุน ที่ทุ่มเงินซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ด้วยมูลค่ามหาศาล ครั้งล่าสุดช่องโทรทัศน์แห่งนี้ จ่ายเงิน 400 ล้านปอนด์ (ประมาณ 16,000 ล้านบาท) ในการซื้อลิขสิทธิ์เพียง 3 ปีเท่านั้น

beIN Sports พร้อมจ่ายเงินมากกว่านี้ ในการซื้อลิขสิทธิ์ครั้งหน้า แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา พวกเขาได้ส่งคำขู่ไปยังพรีเมียร์ลีก เพื่อบ่งบอกชัดเจนว่า ไม่ต้องการเห็นกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย เขามาเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของพวกเขา 

หากการเทคโอเวอร์ครั้งนี้เกิดขึ้น beIN Sports พร้อมจะชิ่งหนี และไม่มีใครจะเสียประโยชน์มากไปกว่าพรีเมียร์ลีก

 

สงครามตัวแทน

สิ่งที่ beIN Sport ทำดูเหมือนจะเป็นการออกตัวแรงไปสักหน่อย อันที่จริงแล้ว ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝั่ง หรือช่อง beoutQ กับ beIN เป็นเหมือนสงครามบังหน้า ระหว่างซาอุดิอาระเบีย กับ กาตาร์

ความเป็นจริง ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า เจ้าของช่อง beoutQ คือใคร? แต่ทางฝั่งกาตาร์ปักใจว่า รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ต้องอยู่เบื้องหลังช่องโทรทัศน์นี้ อย่างแน่นอน


Photo : www.middleeasteye.net

ที่ฝั่ง beIN ตามจองล้างจองผลาญ beoutQ มากขนาดนี้ เพราะไม่ใช่แค่ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ ลีก ที่ถูกขโมยไป แต่รวมถึงลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018, ฟอร์มูลา วัน, UFC หรือการแข่งขันเทนนิสรายการระดับแกรนด์แสลม

ส่วนเหตุผลที่ทางกาตาร์ เชื่อว่ารัฐบาลซาอุดิอาระเบีย อยู่เบื้องหลังการขโมยลิขสิทธิ์กีฬา เป็นเพราะทั้งสองมีปัญหาทางการฑูตมาได้พักใหญ่ เนื่องจากกาตาร์ได้แผ่ขยายอำนาจ ในพื้นที่บริเวณอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งชาติมหาอำนาจดั้งเดิม อย่างซาอุดิอาระเบีย ไม่พอใจนักกับเรื่องนี้

ท้ายที่สุดในปี 2017 ซาอุดิอาระเบีย ประกาศตัดความสัมพันธ์ทุกช่องทางกับกาตาร์ โดยให้เหตุผลว่า กาตาร์ให้เงินทุนสนับสนุน ผู้ก่อการร้ายในซาอุฯ, ขัดขวางผลประโยชน์ระหว่างประเทศซาอุฯ รวมถึงจับมือเป็นพันธมิตรกับอิหร่าน ศัตรูตลอดกาลของซาอุฯอีกด้วย

เมื่อซาอุดิอาระเบีย ตัดความสำคัญกับกาตาร์ ทำให้ช่อง beIN Sports ต้องยุติการถ่ายทอด ในซาอุฯไปด้วย...ทันทีที่ beIN Sports ยุติการออกอากาศ ช่องโทรทัศน์ beoutQ ได้ถือกำเนิดขึ้นทันที ที่สำคัญคือถ่ายทอดกีฬา เหมือนกับ beIN Sports แทบทุกกระเบียดนิ้ว


Photo : www.beinmediagroup.com

แต่ติดตรงที่ว่า กาตาร์ถือลิขสิทธิ์กีฬาในพื้นที่เอเชียตะวันออกกลาง ไว้แทบทั้งหมด ภายใต้ชื่อของ beIN Sports ดังนั้น การมีช่องเถื่อนถ่ายทอดกีฬา ข้ามหน้าข้ามตา beIN Sport ในซาอุดิอาระเบีย คือการตบหน้ากาตาร์ฉาดใหญ่ และทางกาตาร์มองว่า ไม่มีใครในซาอุดิอาระเบีย ที่ต้องการทำแบบนี้ นอกจากรัฐบาลซาอุฯ

ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาติ อยู่ในขั้นวิกฤติ เพียงแต่มันไม่เคยมาถึงเรื่องของกีฬา ในระดับนานาชาติแบบนี้มาก่อน เมื่อซาอุดิอาระเบีย ต้องการจะกระโดดลงมาในการแข่งขันทางธุรกิจฟุตบอล ที่กาตาร์มีบทบาทสำคัญอยู่ในยุโรป จึงเป็นที่ของกาตาร์ที่จะได้ เอาคืนซาอุดิอาระเบียบ้างเสียที

การส่งสัญญาณเตือนของทาง beIN Sports เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา พรีเมียร์ ลีก จะลงมามีส่วน กับการเทคโอเวอร์สโมสรนิวคาสเซิลหรือไม่? หากการเทคโอเวอร์สำเร็จผล beIN Sports จะเลิกซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกตามคำขู่หรือไม่?

แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อได้ว่า หากการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ ไม่สำเร็จผล คงไม่มีใครเสียใจไปกว่า แฟนบอลทีมนิวคาสเซิล ที่ไม่ได้เจ้าของใหม่ดังหวัง และต้องอยู่ในยุคสมัยที่สโมสร มีเจ้าของที่แฟนบอลเกลียดชัง นามว่า ไมค์ แอชลีย์ ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook