"ฮาจี รุ่นที่ 2" อาวุธร้ายคนใหม่ของ "เจอร์ราร์ด"

เมื่อเอ่ยชื่อของ จอร์จี ฮาจี ขึ้นมา เชื่อว่าคอลูกหนังที่ผ่านการเชียร์บอลมาตั้งแต่ยุค 90 ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะชายคนนี้คือสุดยอดกัปตันในตำนานของ​ทีมชาติโรมาเนีย และมีฉายาเท่ๆว่า "มาราโดนาแห่งคาบสมุทรบอลข่าน"

ปัจจุบัน "จอมทัพผีดิบ" อายุ 55 ปีแล้วและใช้ชีวิตอย่างสงบมาตลอดหลังแขวนสตั๊ด โดยมีลูก 2 คน เป็นผู้หญิง 1 ลูกชายอีก 1 ซึ่งเจ้าลูกชายที่มีชื่อว่า ยานิส ฮาจี นี่แหละคือพระเอกที่เรากำลังจะมาพูดถึงกันในวันนี้

ชื่อของ "ฮาจีคนลูก" เริ่มกลายเป็นกระแสฮือฮาขึ้นมาในหมู่แฟนบอลและกูรูผู้วิเคราะห์มากขึ้นตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะเขาคือคนที่ยิงได้ 2 ประตูในเกม เรนเจอร์ส เฉือนชนะ บราก้า 3-2 ในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก จนทำให้ทีมของ สตีเวน เจอร์ราร์ด ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แบบสุดมันส์นั่นเอง

"วันนี้ จอร์จี ฮาจี คุณพ่อของยานิส เข้ามาชมเกมในสนามไอบรอกซ์ของเราด้วย ผมเชื่อว่าเขาต้องภูมิใจในตัวลูกชายสุดๆแน่นอน" สตีวี่จีกล่าวหลังเกมจบ

อ่านมาจนถึงตอนนี้ หลายคนน่าจะเริ่มสงสัยแล้วว่า วันเดอร์คิดวัย 21 ปีที่มีขีดจำกัดสายเลือดอันน่าทึ่งคนนี้มาเป็นเด็กในคาถาของอดีตกัปตันทีมหงส์แดงได้ยังไง? ตั้งแต่เมื่อไหร่?

และสาเหตุที่เราไม่ค่อยคุ้นชื่อของเขามาก่อนหน้าก็เพราะ ยานิส ฮาจี เพิ่งย้ายจาก เกงค์ ในลีกเบลเยียมมาค้าแข้งกับเรนเจอร์ส เมื่อเดือนมกราคม 2020 นี้เอง

เจ้าหนูยานิส ลืมตาดูโลกที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ช่วงที่ จอร์จี ฮาจี กำลังค้าแข้งอยู่กับ กาลาตาซาราย และหลังจากคนพ่อแขวนสตั๊ดก็กลับไปสร้างอะคาเดมีลูกหนังในประเทศโรมาเนียด้วยเงินทุน 9 ล้านปอนด์

ซึ่งโรงเรียนสอนการเล่นฟุตบอลแห่งนี้แหละคือจุดเริ่มต้นของเส้นทางค้าแข้งอันสุดแสนมหัศจรรย์ของ ยานิส ฮาจี ผู้สืบทอดสายเลือดของตำนานที่คนทั้งโลกยกย่อง

และพอฮาจีคนลูกอายุครบ 16 ปี จอร์จี โปเปสคู เพื่อนสนิทของพ่อที่เคยเป็นคู่ขวัญกันในทีมชาติโรมาเนีย ก็มาดึงตัวไปอยู่กับ วิโตรูล คอสแตนตา ที่ตนรับงานกุนซืออยู่นั่นเอง

หลังจากเปิดตัวกับต้นสังกัดแรกไปตั้งแต่อายุยังไม่ทันครบ 17 ปีเต็ม ชื่อเสียงของ ยานิส ก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้นในหมู่คอลูกหนังโรมาเนีย จนกระทั่ง ฟิออเรนตินา จมูกไวรีบซื้อไปปั้นต่อด้วยค่าตัวเพียง 1.5 ล้านปอนด์ แต่น่าเสียดายที่เขาล้มเหลวและมีโอกาสลงสนามไปเพียง 2 นัดก่อนถูกปล่อยกลับทีมเก่าแบบไม่ใยดี

อย่างไรก็ตาม ยานิสเปลี่ยนความผิดหวังให้กลายเป็นพลัง แล้วเริ่มต้นทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาตัวเองต่อเนื่องจนกระทั่งปี 2019 เกงค์ก็ยอมจ่ายค่าตัว 6.5 ล้านปอนด์เพื่อเซ็นสัญญาด้วย จนกระทั่ง สตีเวน เจอร์ราร์ด ค้นพบแล้วยืมตัวมาดูแลต่อจนกระทั่งจบฤดูกาลนี้นี่เอง

"การต้องแบกนามสกุล ฮาจี เอาไว้บนหลังชุดแข่ง เป็นอะไรที่ค่อนข้างกดดันมากทีเดียว แต่ถึงกระนั้นผมก็ภูมิใจ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าพ่อของผมยิ่งใหญ่แค่ไหน" ยานิสกล่าว

ขณะที่ จอร์จี ฮาจี เองก็เคยพูดเกี่ยวกับลูกชายเอาไว้ตั้งแต่เมื่อปีก่อนว่า

"ผมมั่นใจว่า ยานิสจะต้องประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอล และเขาก็พร้อมก้าวขึ้นเป็นเพลย์เมกเกอร์ No.10 ที่ยอดเยี่ยมในเร็วๆนี้แล้ว"

"ความหวังสูงสุดคืออยากเห็นลูกชายก้าวหน้าและยิ่งใหญ่กว่าตัวเองให้ได้ แม้มันจะยาก แต่ก็มีโอกาสทำสำเร็จเช่นกัน"

อย่างไรก็ตาม เส้นทางค้าแข้งอันสุดแสนมหัศจรรย์ของ ยานิส ฮาจี เพิ่งจะเริ่มถูกจุดประกายขึ้นมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ฉะนั้น ยังอีกยาวไกลนักกว่าจะตัดสินได้ว่าเขาประสบความสำเร็จจริงตามที่ทุกคนหวังไว้หรือไม่

พวกเราในฐานะผู้ชม จึงอยากชวนมาร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงใจช่วยสนับสนุนลูกชายของ จอร์จี ฮาจี ให้ก้าวขึ้นเป็นผู้สืบทอดตำนานผีดิบคนใหม่ด้วยกัน!