ชำแหละ 5 ประเด็นร้อน หลังชัยชนะ หงส์แดง เหนือ เลสเตอร์ 4-0
5. ความเป็นไปของเกม เกมที่ คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ออกสตาร์ทอย่างหวือหวาเมื่อทั้ง เลสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล พยายามเร่งเกมเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบตั้งแต่ต้นเกมก่อนที่โมเมนตัมจะตกเป็นของ หงส์แดง เมื่อพวกเขาสามารถพลิกบอลในพื้นที่สุดท้ายและเก็บบอลในพื้นที่ว่างได้
เร้ดแมชีน อาศัยความได้เปรียบเมื่อมีบอลในครอบครองพังประตูเบิกร่องจากลูกครอสอันแม่นยำราวจับวางของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขึ้นโขกที่เสาสองเหน่งๆ ก่อนจบครึ่งแรกกับสถิติโอกาสยิงของเจ้าบ้านไม่มีเลยสักครั้งเดียว (ลิเวอร์พูล 8 ครั้ง)
เกมในช่วงเริ่มต้นครึ่งหลังยังคงเป็น ลิเวอร์พูล ที่ขโยกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องโดยที่ เดอะฟ็อกซ์ ไม่สามารถโงหัวขึ้นมาได้เลยก่อนท่ีลูกจุดโทษของ เจมส์ มิลเนอร์ ในประตู 2-0 จะทำให้สกอร์ไหลเป็น 3-0 จาก ฟิร์มิโน เจ้าเก่า และ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาปิดท้าย 4-0
4. อาการบาดเจ็บของ เฮนเดอร์สัน สัมผัสบอล 90 ครั้ง
ผ่านบอลสำเร็จคิดเป็นสัดส่วน 93 เปอร์เซ็นต์
เอาชนะในการเข้าปะทะ 3 ครั้ง
ข้างต้นเป็นตัวเลขสถิติของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เจ้าตัวโดดเด่นทั้งลูกบู๊และลูกบุ๋นเมื่อรับบทบาทเป็นห้องเครื่องขับเคลื่อนการเซ็ตเกมรุกที่แดนกลาง เข้าตากับวิสัยทัศน์ในการผ่านบอลทแยงมุมเปลี่ยนแกน และการเก็บกวาดหน้าแนวรับของทีม
นับเป็นข่าวร้ายไม่น้อยที่กัปตัน เฮนโด้ ต้องกระเผลกออกจากสนามเมื่อมีอาการบาดเจ็บในช่วงเวลาที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ หมดสิทธิ์ใช้งานทั้ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน กับ ฟาบินโญ ไปแล้วก่อนหน้า
3. ฟิร์มิโน กลายเป็นพระเอกที่แดนหน้า ในวันที่เพื่อนร่วม 3 ประสานทั้ง ซาดิโอ มาเน กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่ได้มีจังหวะที่เป็นใจนัก ลิเวอร์พูล ยังมี โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นคีย์แมนให้กับทีมอย่างที่เราได้เห็นในเกมนี้กับ เลสเตอร์
หัวหอก บราซิเลียน แปรเปลี่ยนโอกาสยิง 3 ครั้งเป็น 2 ประตูโดยที่ทั้งสองลูกของเจ้าตัวเกิดจากสัญชาตญาณในการหาพื้นที่ว่างอันยอดเยี่ยม ขณะที่ประตูที่สองยังแสดงให้เห็นความเยือกเย็นในการจบสกอร์อีกด้วย
2. หนึ่งในโมเมนตัมสำคัญของฤดูกาลที่ผ่านไปได้ด้วยดี แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2019/20 แต่บรรดา เดอะค็อป ก็แสดงอาการหวั่นใจไม่น้อยก่อนหน้านี้กับคิวเตะหฤโหดในช่วงคริสต์มาสตามแบบฉบับ พรีเมียร์ลีก พร้อมกับการต้องบินข้ามโลกไปยัง กาตาร์ เพื่อโม่แข้งทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์สโมสรโลกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่ท้ายที่สุด หงส์แดง ก็ก้าวข้ามบันไดสู่ความสำเร็จไปอีกขั้นโดยมีถ้วย ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ ติดไม้ติดมือกลับมา และทำแต้มทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในอันดับที่ 3 ไปไกลสุดกู่ถึง 14 แต้มเข้าไปแล้วหลังชัยชนะเหนือ เลสเตอร์ ซิตี้
ยิ่งเกมแต่ละเกมผ่านไป ลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยิ่งเล่นด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขารับมือกับความกดดันและสามารถงัดทีเด็ดออกมาให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า
จากนี้เหลืออีกเพียงแค่ครึ่งทางของซีซันเท่านั้นที่การรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดมาอย่างยาวนานถึง 30 ปีจะสิ้นสุดลง และทุกอย่างอยู่ในกำมือของพวกเขา
1. อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เข้าขั้นเวิลด์คลาส 2 แอสซิสต์กับอีก 1 ประตูเป็นตัวเลขยืนยันมาตรฐานของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็คขวา สเกาเซอร์ พันธ์แท้วัยเพียง 21 กะรัต ได้เป็นอย่างดี
ลูกครอสครั้งแล้วครั้งเล่าของเจ้าตัวไม่ว่าจะเป็นการเปิดโด่งไซด์โป้ง, เปิดฮาล์ฟวอลเลย์ระดับเข่า, เปิดไปที่จุดนับพบ รวมทั้งเปิดเลียดยัดเข้าไปยังพื้นที่อันตราย ทั้งหมดสามารถสร้างความกดดันให้กับแนวรับของ เลสเตอร์ ซิตี้ แทบตลอดทั้งเกม
เจ้าหนูเทรนท์ ยังโชว์ความฟิตระดับเต็มถังเมื่อทะยานจากหน้าปากประตูตัวเองไปจนถึงในกรอบเขตโทษเจ้าถิ่นในจังหวะสวนกลับช่วงท้ายเกมก่อนสังหารด้วยหลังเท้าราวกับกองหน้าอาชีพเป็นประตูปิดท้าย 4-0 ให้ เร้ดแมชีน
อัลบั้มภาพ 18 ภาพ