สงครามไม่เคยให้คุณใคร : ภัยร้ายสู่วงการกีฬาจากเปลวเพลิงการประท้วงฮ่องกง 2019
ปี 2019 ไม่ใช่ศักราชที่ดีนักในวงการเมืองโลก ความขัดแย้งแพร่กระจายไปทั่วทุกทวีป ก่อให้เกิดวิกฤติการณ์มากมาย ตั้งแต่เวเนซูเอลา สู่ ซูดาน ลามมาถึง อิหร่าน หรือแม้กระทั่งประเทศไทย
แต่ที่ยกตัวอย่างมา ไม่มีที่ไหนที่จะได้รับความสนใจไปมากกว่า การประท้วงฮ่องกง 2019 วิกฤตการณ์ที่ทำลายหนึ่งในรัฐที่น่าหลงใหลที่สุดในโลกสู่ทุ่งทะเลเพลิง และเป็นเป้าหมายการเดินทางสุดท้ายที่คนทั่วโลกอยากสัมผัสในเวลานี้
Main Stand พาคุณไปดูผลกระทบของวงการกีฬา ที่ได้รับจากการประท้วงฮ่องกง 2019 ความรุนแรงและความโกรธแค้นทางการเมือง แทรกตัวเข้าไปในวงการกีฬาได้มากแค่ไหน ติดตามไปพร้อมกัน
ย้อนรอยความรุนแรง
ก่อนจะกล่าวถึงผลกระทบของการประท้วงฮ่องกง เราขอพาทุกท่านย้อนไปชมที่มาและการปะทะที่เกิดขึ้นระหว่างฮ่องกงและจีนเสียก่อน
การประท้วงฮ่องกง 2019 (2019 Hong Kong protests) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อ การเคลื่อนไหวต่อต้านกฎหมาย ELAB (Anti-ELAB movement) เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2562 จากการเดินประท้วงของประชาชนชาวฮ่องกง 12,000 ราย (รัฐบาลฮ่องกงกล่าวว่า 5,200 ราย) ที่คัดค้านการร่างรัฐบัญญัติกฎหมายผู้หนีคดีและความช่วยเหลือร่วมกันทางกฎหมายในคดีอาญา (แก้ไขเพิ่มเติม) ค.ศ. 2019 (Fugitive Offenders and Mutual Legal Assistance in Criminal Matters Legislation (Amendment) Bill 2019)
รัฐบัญญัติกฎหมายดังกล่าว คือ ร่างกฎหมายที่มีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติเกี่ยวกับผู้ร้ายข้ามแดนของฮ่องกง โดยกลุ่มผู้เคลื่อนไหวผู้นิยมประชาธิปไตยในฮ่องกง มองเห็นว่าร่างกฎหมายนี้ เปิดช่องให้จีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาแทรกแซงกฎหมายภายในฮ่องกง และทำให้กฎหมายฮ่องกง ไม่เป็นเอกเทศอีกต่อไป
การปะทะกันอย่างรุนแรงครั้งแรกระหว่างผู้เดินขบวนและตำรวจฮ่องกง เกิดขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน เมื่อตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายผู้ประท้วงกว่า 2 แสนราย การกระทำดังกล่าสร้างความไม่พอใจแก่ชาวฮ่องกงทั่วไป จนเพิ่มจำนวนผู้เดินขบวนจาก 2 แสนรายเป็น 2 ล้านราย ภายในเดือนเดียว
การประท้วงทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม มีการปะทะระหว่างตำรวจกับผู้เดินขบวนตามท้องถนน, ในห้างสรรพสินค้า, สถานีรถไฟใต้ดิน นอกจากนี้ ผู้ชุมนุมยังได้บุกสถานที่ราชการ และนั่งประท้วงในสนามบินจนสร้างความวุ่นวาย ก่อเกิดให้ไฟล์ทบินมากกว่า 100 ไฟล์ท ต้องยกเลิกการเดินทางแบบกะทันหัน
ตำรวจตอบโต้การประท้วงของกลุ่มผู้เคลื่อนไหวด้วยการใช้แก๊สน้ำตา ก่อนยกระดับเป็นระเบิดเพลิง ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ตำรวจเริ่มใช้กระสุนจริงในการปราบปราม ด้วยการสาดกระสุนขึ้นฟ้าเพื่อขู่ให้ผู้เดินขบวนสลายตัวจากการชุมนุม
การปะทะของทั้งสองฝ่ายทวีความรุนแรงถึงขีดสุด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เมื่อมีคลิปวิดีโอแสดงภาพตำรวจใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่ผู้ประท้วงวัย 18 ปี ก่อนที่จะมีรายงานว่าวัยรุ่นวัย 14 ปี ถูกยิงที่ต้นขาในอีก 3 วันถัดมา
รัฐบาลฮ่องกงออกกฎหมายฉุกเฉินห้ามประชาชนใส่หน้ากาก แต่นั้นกลับทำให้ผู้ประท้วงไม่พอใจมากขึ้น มีกลุ่มชายใส่หน้ากากจำนวนมาก บุกทำลายอาคารของธุรกิจที่สนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงวางเพลิงภายในสถานีรถไฟใต้ดิน
ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน จากการเดินขบวนอย่างสงบของชาวฮ่องกงผู้สนับสนุนประชาธิปไตย กลับกลายเป็นความรุนแรงระหว่างตำรวจกับกลุ่มคนสวมหน้ากากที่ไม่สามารถระบุตัวตน จนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย
ปัจจุบัน ความรุนแรงแพร่ไปแทบทุกพื้นที่ในฮ่องกง การปะทะกันของทั้งสองฝ่าย ส่งผลกระทบต่อทุกแวดวงในเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ รวมถึงวงการกีฬาด้วยเช่นกัน
ไม่ปลอดภัย ไม่มีกีฬา
ผลกระทบที่วงการกีฬาได้รับมากที่สุด จากการการประท้วงฮ่องกง 2019 คงหนีไม่พ้นเรื่องของความปลอดภัย ในช่วงเวลาที่ถนนเต็มไปด้วยความรุนแรงและเปลวเพลิง การจะเอาชีวิตของนักกีฬาผู้มีชื่อเสียงและมูลค่ามาเสี่ยงในพื้นที่อันตราย ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้
รายการกีฬาที่ได้รับผลกระทบไปแบบเต็มๆ คือการแข่งขันกอล์ฟรายการ Clearwater Bay Open การแข่งขันสนามสุดท้ายในโปรแกรม PGA Tour China การแข่งขันกอล์ฟอาชีพระดับภูมิภาคของ PGA Tour ซึ่งได้รับการยืนยันว่าการแข่งขันสนามนี้ที่ฮ่องกงได้ถูกยกเลิกเป็นที่เรียบร้อย
การแข่งขันกีฬาระดับโลกอีกหนึ่งรายการที่ถูกยกเลิกคือ WTA Hong Kong Open การแข่งขันเทนนิสหญิงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี 1980 และมีเงิน 5 แสนเหรียญสหรัฐเป็นเดิมพัน ได้ถูกยืนยันว่าการแข่งขันถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกกีฬาที่จัดในฮ่องกงแล้วจะถูกยกเลิกไปเสียหมด สำหรับกีฬาอันดับหนึ่งของโลก แต่ไม่ได้รับความนิยมในเขตปกครองพิเศษแห่งนี้อย่างฟุตบอล พวกเขายังสามารถจัดการแข่งขัน Hong Kong Premier League ฤดูกาล 2019–20 ได้โดยปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหตุผลหลักที่การแข่งขันฟุตบอลในฮ่องกงยังคงเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่ได้รับผลการะทบอะไรมากนัก (มีเพียงการเลื่อนตารางแข่งขันหนึ่งครั้ง) เนื่องจากจำนวนประชาชนที่สนใจกีฬารายการนี้มีน้อยมาก Hong Kong Premier League ฤดูกาลปัจจุบัน มีค่าเฉลี่ยผู้ชมเพียง 825 ราย ลดลงจากฤดูกาลที่แล้วเสียด้วยซ้ำ
ในทางกลับกัน หากเป็นกิจกรรมกีฬาที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ย่อมได้รับผลกระทบมากเป็นธรรมดา เช่น งานวิ่งมาราธอน 10 กิโลเมตรในเขต Tin Shui Wai ที่จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2003 และมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 6,000 รายทุกปี ได้ถูกตำรวจฮ่องกงสั่งยกเลิกงานอย่างไม่มีเหตุผลแน่ชัด
ภายในสัปดาห์ต่อมา ตำรวจฮ่องกงได้ออกประกาศเตือนว่า หากมีกิจกรรมวิ่งที่มีผู้เข้าร่วมเกิน 30 คนในที่สาธารณะ จะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยไม่ได้จำกัดแค่การวิ่งแบบมาราธอนเท่านั้น แม้จะเป็นการวิ่งออกกำลังกายธรรมดา แต่หากมีจำนวนคนเกินกว่าที่กำหนดไว้ จะถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทันที
ทั้งนี้ กลุ่มคนรักสุขภาพกว่า 200 ราย ที่รวมตัวกันวิ่งทุกคืนวันจันทร์ในสนามกีฬา Tseung Kwan O Sports Ground ได้ยื่นจดหมายเพื่อชี้แจงจุดประสงค์ในการออกกำลังกายแก่ตำรวจ
ก่อนได้รับคำอธิบายว่ากิจกรรมกีฬาของประชาชน จะไม่ถูกยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ และพร้อมจะจับกุมหากมีการวิ่งเกินจำนวนที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมลดจากกว่า 200 ราย เหลือเพียงราว 20 ราย ในคืนวันจันทร์ถัดมา
กีฬาสะท้อนปัญหาการเมือง
ผลกระทบที่เกิดขึ้นในวงการกีฬา ยังคงเป็นกระจกสะท้อนถึงความบาดหมางระหว่างรัฐและประชาชนในฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความปลอดภัยของกลุ่มคนที่เป็นเป้าหมายในการโจมตีของกลุ่มผู้ประท้วงที่อาวุธครบมือในขณะนี้
การแข่งขันขี่ม้าของชมรม Hong Kong Jockey Club ที่ชื่อว่า Wednesday’s Happy Valley race คือรายการกีฬาที่ได้รับผลกระทบอย่างจังจากเหตุผลดังกล่าว เมื่อม้าแข่งฝีมือดีผู้มีค่าตัวเกินหนึ่งล้านเหรียญที่มีชื่อว่า HONG KONG BET ต้องลงแข่งขันในรายการดังกล่าว
ม้าตัวเดียวมีค่ามากถึงขนาดที่ต้องยกเลิกการแข่งขันทั้งรายการเลยหรือไม่? คำตอบคือไม่ เพราะความสำคัญที่แท้จริงอยู่ที่เจ้าของม้าตัวนี้ เขาคือนักกฎหมายชาวฮ่องกง ผู้มีชื่อว่า Junius Ho ที่ต้องเดินทางมาชมม้าตัวเก่งของเขาลงชิงชัยในการแข่งขันดังกล่าว
เรื่องราวที่เกิดขึ้นคงไม่บานปลายเลย หาก Junius Ho ไม่ไปจับมือกับตำรวจที่เพิ่งสลายการประท้วงของผู้ชุมนุม พร้อมกับปรบมือให้ด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจ แถมยังประกาศตัวว่าสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่อย่างโจ่งแจ้ง
หนึ่งวันถัดมาหลังจากที่คลิปจับมือระหว่างตำรวจกับ Junius Ho แพร่สู่โลกออนไลน์ ออฟฟิศของนักกฎหมายรายนี้ ถูกทำลายโดยกลุ่มคนสวมหน้ากากราวสิบกว่าคน ความโกรธแค้นของผู้ชุมนุมพุ่งเป้าไปที่ Junius Ho จนมีความกังวลถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น หากเขาปรากฏตัวในที่สาธารณะ ส่งผลให้การแข่งขันขี่ม้า Wednesday’s Happy Valley race ต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
ท่ามกลางช่วงเวลาที่ความบาดหมางทางการเมือง แทรกเข้าไปในทุกเหตุการณ์อย่างแยกไม่ออก บางครั้งกีฬาอาจต้องยืนหยัดต่อสู้กับความรุนแรง และทำหน้าที่ในแบบที่ควรจะเป็น นั่นคือเหตุผลที่การแข่งขัน Badminton's Hong Kong Open ยังคงจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่ปลอดภัยของผู้เข้าแข่งขันชาวจีน
อย่างไรก็ดี ไม่มีนักกีฬารายใดที่ได้รับบาดเจ็บในการแข่งขันครั้งนี้ และการปะทะกันระหว่างนักตบจากจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกง ไม่มีอะไรมากกว่าเรื่องในสนาม และมิตรภาพของเกมกีฬา
สถานการณ์การเมืองในฮ่องกง ยังคงดำเนินต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร เราได้แต่หวังว่าวงการกีฬาที่ไม่เคยสร้างอันตรายให้กับใคร จะไม่ได้รับกระทบมากไปกว่านี้ และขอให้การกีฬาในฮ่องกงกลับมาปกติเหมือนอย่างวันวานให้เร็วที่สุด
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ