การพลิกบทบาทของโฮเเกนและกำเนิด nWo กลุ่มนักมวยปล้ำที่ทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาล

การพลิกบทบาทของโฮเเกนและกำเนิด nWo กลุ่มนักมวยปล้ำที่ทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาล

การพลิกบทบาทของโฮเเกนและกำเนิด nWo กลุ่มนักมวยปล้ำที่ทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากมีคำถามว่า “นักมวยปล้ำคนใดยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” ชื่อของ ฮัลค์ โฮแกน (Hulk Hogan) คงดังขึ้นมาเป็นคำตอบอันดับต้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย

แล้วใครคือ “กลุ่มมวยปล้ำใดยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” ? แน่นอนว่าชื่อของ New World Order (นิว เวิล์ด ออเดอร์) หรือ nWo ก็ต้องพุ่งขึ้นมาเป็นคำตอบลำดับต้นๆเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นบทบาทนักมวยปล้ำฮีโร่หมายเลขหนึ่ง หรือ หัวหน้ากลุ่มมวยปล้ำตัวร้ายที่สุดในโลก ฮัลค์ โฮแกน ผ่านบทบาททั้งสองด้าน และก้าวไปถึงจุดสูงสุดของวงการ ทั้งในฐานะนักมวยปล้ำฝั่งธรรมะและอธรรม

แต่ทุกท่านเคยสงสัยหรือไม่ ว่าเหตุใดนักมวยปล้ำที่ทุกคนหลงรัก จึงต้องพลิกบทบาทจากพระเอกมาเป็นนักมวยปล้ำที่เลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ ก่อนที่วงการมวยปล้ำจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เราขอพาทุกท่านย้อนไปสัมผัสเบื้องหลังการพลิกบทบาทของ ฮัลค์ โฮแกน จนถือกำเนิด nWo กลุ่มนักมวยปล้ำที่ทรงอิทธิพลที่สุด และพลิกโฉมหน้าวงการมวยปล้ำไปตลอดกาล

นักมวยปล้ำกู้ชาติ

ย้อนกลับไปในช่วงเวลา 1980’s วงการมวยปล้ำก้าวเข้าสู่ยุคทอง (Golden Age) จากการเปลี่ยนแปลงภาพของกีฬาต่อสู้ที่จริงจังและน่าเบื่อ ให้กลายเป็นกีฬาที่สร้างความบันเทิงแก่ทุกคนในครอบครัว ภายใต้คำจำกัดความสั้นๆว่า “Sport Enterainment”


Photo : @80sWrestling_

หัวหอกในการปฏิวัติวงการมวยปล้ำในช่วงเวลานั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ วินซ์ แม็คมาน นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ก้าวขึ้นมาบริหารค่ายมวยปล้ำของครอบครัว WWF (ปัจจุบันคือ WWE) ในปี 1982 

วินซ์ เล็งเห็นโอกาสที่จะพามวยปล้ำ เข้าสู่การถ่ายทอดผ่านทางทีวีเคเบิล ธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างมากในสหรัฐอเมริกาขณะนั้น  ด้วยวิสัยทัศน์ที่ล้ำหน้ากว่าใคร วินซ์ แม็คมาน รู้ดีว่า การจะทำให้มวยปล้ำเป็นกีฬาเพื่อความบันเทิงดั่งที่หวังไว้ เขาต้องเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของนักกีฬาใหม่ทั้งหมด

นักมวยปล้ำไม่ได้รับการอนุญาตให้ใส่กางเกงตัวเดียว และเดินแข็งทื่อขึ้นเวทีเพื่อลงแข่งขันอีกต่อไป พวกเขาต้องมีเสน่ห์ที่ไม่ต่างกับดารา เพื่อดึงดูดแฟนทุกวัยให้ตีตั๋วเขามาชมการแข่งขัน แม้คุณภาพมวยปล้ำจะย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ นักมวยปล้ำใน WWF แต่ละราย จึงต้องมีบทบาทเป็นของตัวเอง ส่วนจะเป็นฝั่งพระเอกหรือผู้ร้ายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของวินซ์ แม็คมาน ว่าใครสมควรจะเป็นฮีโร่หมายเลขหนึ่งของ WWF และบทบาทพระเอก ได้ตกเป็นของนักมวยปล้ำหน้าใหม่ที่ชื่อว่า ฮัลค์ โฮแกน

บทบาทของ ฮัลค์ โฮแกน ได้รับ อ้างอิงมาจาก ร็อคกี้ บัลบัว นักชกขวัญใจชาวอเมริกัน ผู้เป็นตัวละครเอกในชุดภาพยนตร์ Rocky โดยมีจุดเริ่มต้นจากการที่ ฮัลค์ โฮแกน ได้มีโอกาสปรากฏตัวเป็นนักแสดงสมทบในหนังเรื่อง Rocky III วินซ์ แม็คมาน จึงฉวยโอกาส เอาบทบาทนักกีฬากู้ชาติเข้ามาใส่ในวงการมวยปล้ำ ผ่านตัวของ ฮัลค์ โฮแกน ทันที

“ผมคือชาวอเมริกันที่แท้จริง ต่อสู้เพื่อความถูกต้องของทุกคน ผมคือคนจริงชาวอเมริกา ต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ต่อสู้เพื่อชีวิตของคุณ”

ประโยคข้างต้นไม่ใช่ประโยคจากโฆษณาชวนเชื่อของสหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามเย็น แต่เป็นท่อนฮุคจากเพลง Real American เพลงเปิดตัวของฮัลค์ โฮแกน 

จากบทบาทนักสู้กู้ชาติ ทำให้ โฮแกน ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว หลังจากปราบนักมวยปล้ำผู้เป็นภัยร้ายแห่งอเมริกามากมายหลายราย ทั้ง ไอรอน ชีค จากอิหร่าน, นิโคไล วอลคอฟฟ์ จากสหภาพโซเวียต, ร็อดดี ไปเปอร์ จากสกอตแลนด์ หรือ จ่าสลอเตอร์ ผู้รับบาทนายทหารโกงชาติในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย


Photo : bleacherreport.com

ช่วงยุค 1980’s ฮัลค์ โฮแกนจึงไม่ต่างอะไรกับซูเปอร์แมนที่เดินได้และหายใจในชีวิตจริง เขาได้รับความนิยมจากแฟนมวยปล้ำทุกเพศและทุกวัย 

ความนิยมของเขาพุ่งสูงถึงขนาดที่ว่า มีชื่อเรียกกระแสความนิยมของตัวเอง “Hulkamania” เหมือนกับที่วงดนตรีหมายเลขหนึ่งของโลก เดอะ บีเทิลส์ เคยได้รับการกล่าวขานความโด่งดังในนาม “Beatlemania”

“ฮัลค์ โฮแกน ปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมนี้ใหม่ WWE โด่งดังไปทั่วโลกในช่วงกลางยุค 80s เขาคือคนที่เปลี่ยนกีฬามวยปล้ำ ให้กลายเป็นกีฬาเพื่อความบันเทิง” จอห์น ซีน่า แชมป์โลก 16 สมัย กล่าวยกย่องฮัลค์ โฮแกน ผู้พลิกหน้าประวัติศาสตร์วงการมวยปล้ำไปตลอดกาล

พระเอกที่ไร้คนรัก

ฮัลค์ โฮแกน ครองความยิ่งใหญ่ในวงการมวยปล้ำ จนกระทั่งกาลเวลาหมุนเปลี่ยนมาถึงช่วงปี 1990’s ยุคทองของวงการมวยปล้ำได้สิ้นสุดลง เมื่อผู้ชมต้องการมวยปล้ำที่ดิบเถื่อนมากขึ้น สมจริงมากขึ้น และพวกเขาไม่จ่ายเงินเพื่อซื้อตั๋วเข้าไปดูนักมวยปล้ำที่มีแค่คาแรกเตอร์แบบยุค 80s อีกต่อไป


Photo : www.sportskeeda.com

WWF จึงต้องการผลักดันนักมวยปล้ำรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นหน้าตาของสมาคม ขณะที่ ฮัลค์ โฮแกน ยังมองตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการมวยปล้ำ เขาจะไม่มีวันยอมตกเป็นหมายเลขสองของ WWF เป็นอันขาด ทั้งสองฝ่ายจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแยกทางกันในปี 1993

ทันทีที่หันหลังให้กับวงการมวยปล้ำ ฮัลค์ โฮแกน พิสูจน์ความหมายของคำว่าซูเปอร์สตาร์ที่เขากำหนดไว้ให้กับตัวเอง โฮแกนเดินทางเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ด้วยการเป็นพระเอกในภาพยนตร์และทีวีซีรีย์เรื่อง Thunder in Paradise ทางช่อง TNT ในช่วงปี 1994

ไม่ว่าจะเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจ ช่อง TNT ที่ซีรีย์ของโฮแกนออกฉาย มีเจ้าของเป็น เท็ด เทอเนอร์ มหาเศรษฐีพันล้านผู้ครอบครองค่ายมวยปล้ำ WCW แถมโรงถ่ายซีรีย์ของโฮแกนยังตั้งอยู่ข้างโรงถ่ายของ WCW การพูดคุยเจรจาเพื่อดึงตัว ฮัลค์ โฮแกน กลับสู่วงการมวยปล้ำจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

“ผมคิดว่ามันเป็นการเคลื่อนไหวที่ดีมากทางธุรกิจของ WCW สำหรับการเซ็นสัญญาโฮแกน” อาร์น แอนเดอร์สัน อดีตนักมวยปล้ำของ WCW กล่าวถึงอิมแพคของฮัลค์ โฮแกน

“ไม่ว่าจะอย่างไร โฮแกนคือนักมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษนี้ เพราะเมื่อใครสักคนพูดถึงมวยปล้ำ ต่อให้พวกเขาไม่รู้จักมวยปล้ำ พวกเขาก็รู้จัก ฮัลค์ โฮแกน”

ทันทีที่ ฮัลค์ โฮแกน เซ็นสัญญากับ WCW ในปี 1994 เขาถูกผลักดันขึ้นสู่ระดับสูงทันที ด้วยบทบาทนักรบกู้ชาติขวัญใจอเมริกา เขาคว้าแชมป์โลกทันทีในการเปิดตัวขึ้นปล้ำครั้งแรกบนเวทีของสมาคมใหม่ แต่แทนที่เสียงตอบรับจะเป็นไปในแง่บวก ทุกอย่างกลับดำเนินไปในทิศทางตรงกันข้าม

ในช่วงกลางยุค 90s มวยปล้ำเข้าใกล้ความสมจริงมากกว่าที่เคยเป็น ภายใต้การนำของ เอริค บิสชอฟ โปรดิวเซอร์สมองเพชรของ WCW พวกเขาแนะนำโลกให้ได้รู้จักกับ เควิน แนช และ สกอตต์ ฮอล นักมวยปล้ำที่ไม่ได้รับบทบาทอะไรไปมากกว่า คนธรรมดา


Photo : 411mania.com

สองคู่หูกลุ่ม The Outsider ไม่เคยพูดประโยครักชาติเลี่ยนๆแบบโฮแกน, ไม่เคยแต่งตัวสีสันฉูดฉาดแบบโฮแกน และไม่เคยเบ่งกล้ามหรือทำท่าทางเรียกเสียงเชียร์แบบโฮแกน 

พวกเขาแค่เดินออกมาหาเรื่องนักมวยปล้ำคนอื่น ด้วยภาพลักษณ์ที่ไม่แตกต่างจากผู้ชมในสนาม เควิน แนช และ สกอตต์ ฮอล จึงได้รับความนิยมแบบสุดขีดในช่วงปี 1996

สวนทางกัน โฮแกน ถูกคนโห่แบบไม่ยั้ง ทั้งที่รับบทบาทเป็นนักมวยปล้ำฝ่ายธรรมะ คนดูตะโกน “โฮแกนห่วย” ทุกครั้งที่เขาเปิดตัว สัญญาณชัดเจนขึ้นทุกว่าแฟนมวยปล้ำ ไม่ให้การต้อนรับนักรบกู้ชาติรายนี้อีกต่อไปแล้ว

“มันค่อนข้างจะเลี่ยนนะ คุณรู้ใช่ไหม มันขายไม่ได้อีกแล้ว การที่จะบอกให้แฟนมวยปล้ำ มานั่งสวดมนต์หรือกินวิตามินตามฮัลค์ โฮแกน” X-Pac อดีตนักมวยปล้ำ WCW กล่าวถึงแรงตอบรับที่เปลี่ยนไปจากแฟนมวยปล้ำ

สำหรับ เอริค บิสชอฟ วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะเรียกความนิยมกลับมาสู่ ฮัลค์ โฮแกน อีกครั้ง คือการพลิกนักมวยปล้ำรายนี้เป็นฝ่ายอธรรม หากแต่โฮแกนไม่ได้มีความคิดล้ำหน้าขนาดนั้น 

เขายังมองวงการมวยปล้ำแบบที่มันเคยเป็นในยุค 80s คือนักมวยปล้ำวายร้ายไม่สามารถเป็นที่นิยมได้ และเป็นเพียงบันไดให้นักมวยปล้ำพระเอกก้าวข้ามผ่านไปเท่านั้น


Photo : www.sportskeeda.com

โฮแกนยืนยันเจตนารมณ์ของตัวเองแน่ชัด จนเอริค บิสชอฟ ตัดสินใจยกธงขาวในการเปลี่ยน ฮัลค์ โฮแกน เป็นอธรรม และเตรียมหานักมวยปล้ำรายใหม่เข้ามารับบทบาทตรงนี้แทน 

แต่แล้ววันหนึ่ง เอริค บิสชอฟ ได้รับโทรศัพท์จากฮัลค์ โฮแกน ที่กำลังถ่ายภาพยนตร์อยู่ที่ฮอลลีวูด วันนั้นเองที่เป็นจุดกำเนิดของสิ่งยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนวงการมวยปล้ำไปตลอดกาล

“ฮัลค์กำลังถ่ายหนังอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย เขาโทรมาหาผมแล้วบอกว่า ใครจะเป็นสมาชิกใหม่ของ The Outsider ผมตอบเขาว่า ผมบอกคุณไม่ได้ เขาตอบกลับผมว่า คนนั้นคือผมเอง” เอริค บิสชอฟ ย้อนเล่าถึงวันที่โฮแกนตัดสินใจยอมรับบทบาทนักมวยปล้ำอธรรม

“ผมได้เห็นสกอตต์เข้ามา ผมได้เห็นเควินเข้ามา ผมได้เห็นสิ่งที่เขาทำในฐานะผู้ร้าย เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าถ้าผมเป็นฮัลค์ โฮแกน ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ ผมยังสามารถเป็นผู้ร้ายในฐานะ ฮอลลีวูด ฮัลค์ โฮแกน ได้” โฮแกนกล่าวถึงเหตุผลการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตนักมวยปล้ำของเขา

New World Order 

ศึก Bash at the Beach วันที่ 7 กรกฎาคม ปี 1996 ฮัลค์ โฮแกน พลิกบทบาทเป็นนักมวยปล้ำอธรรมอย่างเป็นทางการ ยุติช่วงเวลายาวนาน 15 ปี ด้วยการเปิดตัวเป็นสมาชิกคนที่ 3 ของกลุ่ม The Outsider หลังตัดสินใจหักหลังเล่นงาน “มาโช แมน” แรนดี ซาเวจ เพื่อนรักทั้งในและนอกสนามของเขาในคืนนั้น


Photo : www.24wrestling.com

“เสียงแฟนในคืนนั้นดังมาก เพราะทุกคนคิดว่า ฮัลค์ โฮแกน จะออกมาแล้วรับบทบาทเป็นพระเอกเหมือนอย่างเคย” เควิน แนช ย้อนเล่าถึงวินาทีที่โฮแกนปรากฏตัวออกมาแบบเซอร์ไพร์สในศึก Bash at the Beach

“ตอนที่ผมเดินออกไป คุณก็รู้ใช่ไหม มันเหมือนกับผมเดินออกมาเพื่อช่วยเหลือ มาโช แมน” ฮัลค์ โฮแกน ย้อนเล่าบรรยากาศในคืนนั้นในฟังอีกครั้ง

“ตอนทีผมเดินขึ้นไปยังเวที ผมคิดในใจว่า พระเจ้า ผมจะเดินออกจากสนามแบบมีชีวิตไหม พวกเขาจะโยนอะไรลงมาในเวทีบ้าง พวกเขาจะก่อการจลาจลหรือไม่”

ทันที่ ฮัลค์ โฮแกน ใส่ท่าไม่ตาย Atomic Leg Drop ใส่แรนดี ซาเวจ มันไม่ต่างอะไรจากที่คนดูได้เห็นการเข้าสู่ด้านมืดของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ 

พวกเขากำลังได้เห็นดาร์ธ เวเดอร์ ที่มีลมหายในโลกแห่งความเป็นจริง ชายคนนั้นคือฮัลค์ โฮแกน ผู้ให้กำเนิดกลุ่มมวยปล้ำ New World Order หรือ nWo

“ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้คืออนาคตของวงการมวยปล้ำ คุณสามารถเรียกพวกเราว่า New World Order และพวกเราจะไม่แค่ยึดครองวงการมวยปล้ำ แต่เราจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าเส้นทางของพวกเรา”

แฟนมวยปล้ำบ้าคลั่งไปกับคำประกาศก่อตั้งกลุ่ม nWo ของ ฮัลค์ โฮแกน พวกเขาเขวี้ยงทุกอย่าง ทั้ง แก้วน้ำ, เศษอาหาร, กระดาษชำระ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แฟนมวยปล้ำถือติดมือในขณะนั้น

เรื่องในคืนดังกล่าวบานปลายถึงกับว่า มีแฟนมวยปล้ำคนหนึ่งในสภาพมึนเมา เดินขึ้นไปบนเวที ขึ้นไปหาเรื่องกลุ่ม nWo จนโดนเควิน แนช ต่อยจริง และกระทืบจริง ต่อหน้าแฟนมวยปล้ำทั้งสนาม

“โฮแกน เป็นระยะเวลาที่เขาคือภาพแทนของความดีงาม เขาคือผู้ชายที่ไม่สามารถเป็นคนที่เลวร้ายได้ มันไม่มีความชั่วอยู่ในตัวของเขาเลย” แรนดี ออร์ตัน นักมวยปล้ำชื่อดังของ WWE กล่าวถึงผลกระทบหลังโฮแกนพลิกบทบาทเป็นฝ่ายอธรรม

“และเมื่อเขาก้าวสู่ด้านมืด มันเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของวงการมวยปล้ำในทันที”

ฮัลค์ โฮแกน เปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองใหม่ในการปรากฏตัวครั้งถัดมา เขาแต่งตัวในชุดสีดำล้วน แทนที่จะเป็นชุดเหลือง-แดงเหมือนอย่างเคย เขาสวมใส่แว่นสีดำพร้อมขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ออกมายังเวที เพื่อไล่กระทืบนักมวยปล้ำคนอื่น ก่อนพ่นสเปรย์เขียนคำว่า nWo ใส่หลังคู่ต่อสู้ เพื่อเรียกเสียงโห่แบบเต็มที่จากคนดู


Photo : www.cbssports.com

แต่แทนที่จะเป็นเสียงโห่ แฟนมวยปล้ำกลับให้การต้อนรับกลุ่ม nWo แบบสุดขีด เพราะนี่คือสิ่งที่วงการมวยปล้ำไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาทำสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นบนหน้าจอทีวีให้เกิดขึ้น เช่น การกระทืบนักมวยปล้ำตามถนน หรือ การบุกไปยังรถถ่ายทอดสดเพื่อควบคุมรายการของ WCW เสียเอง

“ทุกอย่างที่แฟนมวยปล้ำได้เห็นก่อนหน้านี้ คือเรื่องที่เกิดขึ้นบนเวที เกิดขึ้นในสนาม แต่ nWo พาคนดูเข้าไปถึงหลังฉาก ไปเห็นบรรยากาศที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาจะรู้สึกว่า เดี๋ยวก่อนนะ เราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน มันดูสมจริงมาก” เอริค บิสชอฟ กล่าวถึงเหตุผลที่ nWo ประสบความสำเร็จในวงการมวยปล้ำ


Photo : www.therichest.com

ไม่เพียงแค่ความสมจริง แต่ภาพมายาที่ nWo สร้างออกมา ยังแปลกใหม่ไปมากกว่าที่แฟนมวยปล้ำเคยรู้จัก พวกเขาสร้างโฆษณาของตัวเอง (โดยอ้างว่าจ่ายเงินเพื่อซื้อเวลาถ่ายทอดโดยกลุ่ม nWo) 

เพื่อพูดโจมตีนักมวยปล้ำฝ่ายตรงข้าม โดยไม่ต้องมีพิธีกรมาสัมภาษณ์ แถมตลอดทั้งโฆษณา ภาพที่นำเสนออกมาผ่านหน้าจอยังเป็นโทนสีขาวดำ ไม่เคยมีนักมวยปล้ำคนใดทำแบบนี้มาก่อน

มวยปล้ำที่ nWo นำเสนออกมา เปลี่ยนมวยปล้ำจากความบันเทิงบนหน้าจอโทรทัศน์ ให้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่เข้าไปถึงใจแฟนมวยปล้ำทุกคน คำว่า “nWo 4 Life” อันเป็นคติประจำใจแฟนกลุ่ม nWo ทุกคน 

บ่งบอกชัดเจนว่า nWo ไม่ใช่แค่กลุ่มนักกีฬาที่พวกเขาคลั่งไคล้ แต่เป็นดั่งแนวทางชีวิตที่ยึดเหนี่ยววัยรุ่นยุค 90s ของสหรัฐอเมริกา ที่กำลังหลงทางจากการเปลี่ยนไปของโลกในขณะนั้น

มรดกที่สูญหาย

ความสำเร็จของ nWo ทำให้ WCW เอาชนะ WWF ในสงครามคืนวันจันทร์เป็นยาวนานกว่า 2 ปี แต่ก็เป็นพวกเขาเองที่ทำลาย WCW ลงจนพินาศ จากความบ้าอำนาจหลังฉากของ ฮัลค์ โฮแกน และ เควิน แนช แฟนมวยปล้ำที่เคยคลั่งไคล้ nWo จึงหันหลังให้กับพวกเขา และย้ายไปดู WWF จนนำมาสู่จุดจบของ WCW ในปี 2001


Photo : www.sportskeeda.com

ถึงแม้ nWo จะได้คืนชีพอีกครั้งในปี 2002 แต่มันก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และไม่มีอะไรไปมากกว่าการกระทืบซ้ำของ WWE ที่นำมรดกอันล้ำค่าของ WCW มาย่ำยีจนแฟนมวยปล้ำมากมาเสียความรู้สึก และต้องยอมรับว่า nWo ไม่มีวันจะกลับมาโลดแล่นในวงการมวยปล้ำได้อีกต่อไป

สิ่งที่ nWo เหลือไว้จนถึงทุกวันนี้ คือจิต วิญญาณของกลุ่มมวยปล้ำฝ่ายอธรรม ที่ส่งอิทธิผลข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศญี่ปุ่น เมื่อกลุ่ม nWo Japan สามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ค่าย New Japan Pro Wrestling ในยุค 90s จนกลายเป็นต้นแบบการสร้างกลุ่มนักมวยปล้ำอธรรมในปัจจุบันของค่าย

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมวยปล้ำต่างชาติอย่าง BULLET CLUB ที่ถูกเสียดสีจากแฟนมวยปล้ำมาตลอดว่าเป็น “nWo ของปลอม” จากวลีประจำกลุ่ม “BULLET CLUB 4 LIFE” ที่ก็อปปี้ nWo มาทั้งดุ้น หรือท่า “Too Sweet” ที่เคยเป็นท่าทักท่ายประจำกลุ่ม nWo ก็ถูก BULLET CLUB ขโมยมาใช้เช่นเดียวกัน

อีกกลุ่มที่ได้รับอิทธิพลจาก nWo ในญี่ปุ่น คือ Los Ingobernables de Japon ที่เอาคาแรกเตอร์ของกลุ่มมวยปล้ำสาขาสองมาใช้ เหมือนกับที่ nWo Japan เคยทำ ด้วยการยืมคาแรกเตอร์ของกลุ่ม Los Ingobernables จากเม็กซิโก 

ก่อนพัฒนาต่อจนกลายเป็นกลุ่มของนักมวยปล้ำกึ่งธรรมะกึ่งอธรรม ที่มีแนวคิดหลักเป็นการต่อต้านวัฒนธรรมการทำงานหนักแบบญี่ปุ่น จนได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นขณะนี้

ทั้ง BULLET CLUB และ Los Ingobernables de Japon ถือเป็นกลุ่มมวยปล้ำที่ได้รับอิทธิพล และพลิกโฉมหน้าวงการมวยปล้ำญี่ปุ่น เหมือนดั่งที่ nWo เคยทำในสหรัฐอเมริกาก่อนหน้านี้ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย เมื่อมองไปยังความจริงที่ปัจจุบัน 

WWE ลดค่า nWo เป็นแค่ตำนานนักมวยปล้ำกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความหมายไปมากกว่าการเอาชื่อ nWo มาสร้างเป็นสินค้า เพื่อหลอกล่อเงินจากกระเป๋าของแฟนมวยปล้ำ ที่ยังคงคิดถึงช่วงเวลาอันหอมหวานของ nWo


Photo : www.wrestling-online.com

ไม่ต่างกันมากนัก บทบาทฮีโร่กู้ชาติของ ฮัลค์ โฮแกน ได้ถูกลดความหมายกลายเป็นแค่การปรากฏตัวเพื่อเรียกเรตติ้งทางหน้าจอโทรทัศน์ และขายของเพื่อหารายได้ไม่ต่างจาก nWo จึงเป็นเรื่องค่อนข้างน่าเสียดาย เมื่อเห็นมรดกอันล้ำค่าในวงการมวยปล้ำ ถูกลดค่าเป็นเพียงสินค้าในรูปแบบต่างๆ

แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ใดของ ฮัลค์ โฮแกน ทั้ง “Hulkamania” หรือ “nWo” ต่างมีจุดเริ่มต้นมาจากการสร้างมูลค่าให้นักมวยปล้ำ เพื่อทำธุรกิจทั้งสิ้น ก

การจบลงของกระแสนิยมที่เคยเปลี่ยนโลกมวยปล้ำทั้งใบ ในฐานะของสินค้าที่ไม่ได้มีความหมาย จึงอาจกลายเป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่สุด ในกีฬาเพื่อความบันเทิงชนิดนี้ก็เป็นได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook