พลังร้ายจากมุมมืด : จิตใจใต้ลิ้นชักของ "โรเบิร์ต เอ็งเค่" ที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม

พลังร้ายจากมุมมืด : จิตใจใต้ลิ้นชักของ "โรเบิร์ต เอ็งเค่" ที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม

พลังร้ายจากมุมมืด : จิตใจใต้ลิ้นชักของ "โรเบิร์ต เอ็งเค่" ที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จะเรื่องเลวร้ายแค่ไหน แต่ถ้ามันเป็นเรื่องของคนอื่น ที่สุดเเล้วเราก็แทบจะไม่รู้ว่ามันมีอิทธิพลต่อชีวิตของเรามากมายนัก ... แค่ฟัง รู้สึก และอาจจะลืมมันไปในเวลาอันรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามเรื่องบางเรื่องของคนบางคน มันก็ชัดเจนจนไม่อาจจะปฎิเสธได้ว่ามันเรียล จนอดที่จะรู้สึกเห็นใจ และหดหู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นไม่ได้

นี่คือเรื่องราวความดาร์กของนักฟุตบอลทีมชาติเยอรมันคนหนึ่ง นอกจากเขา คือ คนเก่งที่ลุยแหลก เพื่อคว้าความสำเร็จ และมีชีวิตที่น่าอิจฉา ทว่าเรื่องที่ซ่อนอยู่ข้างในของเขา มันร้ายแรงจนไม่อาจจะพูดอธิบายออกมาได้

และมันเป็นระเบิดเวลาที่ทำให้เขามาถึงทางตันของชีวิต ... จนตัดสินใจที่จะยุติลมหายใจของตัวเอง  

ติดตามเรื่องราวของ โรเบิร์ต เอ็งเค่ ได้ที่นี่

ไขว่คว้าล่าความสำเร็จ 

โรเบิร์ต เอ็งเค่ เป็นชาวเยอรมัน ทว่าเขาเติบโตในฝั่งตะวันออกที่ไม่ได้มีความเจริญมากมายอะไรนัก เพราะเป็น "พื้นที่สีเเดง" อยู่ภายใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นผู้นำโลกคอมมิวนิสต์  ขณะที่ฝั่งเยอรมันตะวันตกนั้นเจริญกว่า ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยทั้งสองฝั่ง มีเพียงกำเเพงเบอร์ลินขวางกั้นอยู่เท่านั้น


Photo : www.abc.net.au

ในปี 1990 รัฐบาลคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมันตะวันออกประกาศยุติบทบาทของตนเอง ภายหลังจากกำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงเมื่อ 1 ปีก่อนหน้า ... เวลานั้น เอ็งเค่ อายุ 12 ปี มันเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่เด็กน้อยได้เปิดโลกทัศน์ และรู้ว่าฟุตบอลของฝั่งตะวันตกนั้นไปไกลแค่ไหน และเจ้าตัวก็เริ่มเข้าสู่ทีมเยาวชนของ คาร์ล ไซสส์ เยน่า ซึ่งเป็นทีมบ้านเกิดของเขา

ช่วงการเริ่มต้นอาชีพฟุตบอลของ เอ็งเค่ ไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้รักษาประตูนั้น มักเป็นตำแหน่งที่จะใช้คนที่มีอายุเยอะ มีประสบการณ์ และความนิ่งเป็นตัวเลือกอันดับแรก ทว่ากับเอ็งเค่ พออายุได้ 17 ปี เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงกับ เยน่า เเล้ว และชื่อเสียงของโกลเด็กเทพจากเยอรมันตะวันออกก็ดังไปไกล สุดท้ายเขาถูกทีมดังจากฝั่งตะวันตกอย่าง โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ดึงตัวไปร่วมทีม

และจากนั้นมันก็เป็นการเดินทางที่เหนือความคาดหมายของเด็กหลังกำแพงเบอร์ลิน เพราะ เอ็งเค่ ได้ออกไปค้าแข้งยังต่างเเดนกับ เบนฟิก้า และภายใต้การผลักดันของกุนซือคนบ้านเดียวกันอย่าง จุ๊ปป์ ไฮย์เกส … เอ็งเค่ กลายเป็นประตูดาวรุ่งที่ดังที่สุดแห่งยุคคนหนึ่งจนถึงขั้นที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คิดจะดึงตัวมาร่วมทีมเลยทีเดียว 


Photo : www.playmakerstats.com

หนุ่มวัย 22 ปี ดูจะมีชีวิตที่เพียบพร้อมจะเป็นหัวหน้าครอบครัว ก่อนจะไปโปรตุเกสเพื่อค้าแข้งกับเหยี่ยวลิสบอน เขาขอ เทเรซ่า แฟนสาวของเขาแต่งงาน และสัญญาว่าจะดูแลเธอไปตลอดชีวิต และหวังอย่างยิ่งว่า เธอจะไปกับเขาในทุกที่ ตลอดอาชีพนักฟุตบอล ...

ชีวิตของ เอ็งเค่ ควรจะเป็นขาขึ้นหลังจากนั้น ทว่าความจริงเเล้วอาชีพนักฟุตบอลอะไรมันก็ไม่แน่นอน สถานการณ์ที่เหมือนเดินเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ อาจจะเปลี่ยนเป็นเดินลงเหวได้ในระยะเวลาอันสั้นหากไม่ระวังแต่ละก้าวของตัวเองให้ดีๆ ซึ่งเอ็งเค่ ก้าวพลาดและร่วงลงไปในเหวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอล และเหวแห่งนั้นชื่อว่า "บาร์เซโลน่า"

 

บาร์เซโลน่า

บาร์เซโลน่า มีนักเตะที่ยิ่งใหญ่ และย้ายเข้ามาประสบความสำเร็จในถิ่น คัมป์ นู มากมาย แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่ผู้รักษาประตู ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ เอ็งเค่ ได้เข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวเองมาเเล้ว


Photo : www.dailymail.co.uk

บาร์ซ่า ในยุคนั้นคุมทีมโดย หลุยส์ ฟาน กัล ขณะที่ เอ็งเค่ ย้ายเข้าไปได้ไม่นาน เขารู้สึกทันทีว่า นี่อาจจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ถูกต้องนัก เพราะปรัชญาของ บาร์เซโลน่า ทุกคนต้องออกบอลด้วยเท้าได้ดี มีทักษะด้านฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมไม่เว้นแม้แต่ผู้รักษาประตู

ตัวของ เอ็งเค่ เองนั้นเป็นประตูสไตล์โบราณ มีอารมณ์ร่วมกับเกมสูง ใช้ความดุดันและเน้นไปที่ลูกเซฟมากกว่า ดังนั้นในช่วงเวลากับบาร์เซโลน่า จึงถือเป็นช่วงที่ชีวิตนักฟุตบอลสะดุด เขาตกเป็นมือ 3 ของทีม รองจาก โรแบร์โต้ โบนาโญ่ ที่เป็นมือ 1 ขณะที่มือ 2 ในเวลานั้นคือเด็กถิ่นอย่าง บิคตอร์ บัลเดส 

เล่นยังไงก็ไม่ไหว ปรับอย่างไรมันก็ไม่ใช่ตัวเอง ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่าเกิดมาทั้งชีวิตก็เพิ่งจะรู้ว่าการเป็นผู้รักษาประตูนั้นมันยากขนาดนี้ โดยเฉพาะที่ บาร์เซโลน่า นั้นถือว่าเป็นทีมที่ยากที่สุดในโลกสำหรับผู้รักษาประตูเลยทีเดียว ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เขาว่าเพราะเขาได้เล่นให้บาร์ซ่า กับเกมเล็กๆในฟุตบอลถ้วย ส่วนเกมลาลีกา เจ้าตัวได้เล่นเพียง 20 นาทีเท่านั้น ก่อนถูกปล่อยยืมให้ เฟเนร์บาห์เช่ ในตุรกี รวมถึง เตเนริเฟ่ ทีมในลีกรองของสเปน  


Photo : 96freunde.de

การเป็นคนทะเยอทะยาน และโดนเบรกกะทันหันจากเป้าหมายที่เล็งไว้ถึงทีมชาติเยอรมัน กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ เอ็งเค่ เริ่มพบกับอาการจิตตก สภาพจิตใจของเขาเหม่อลอย คิดเสมอว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ แต่ก็ยังหลอกตัวเองว่าเขายังสามารถประสบความสำเร็จที่ บาร์เซโลน่า ได้ มันคือความมั่นใจของคนหนุ่มวัย 25 ปี ที่มีหัวใจที่พร้อมจะเอาชนะทุกอย่างได้ จนลืมสำรวจเข้าไปในความคิดของตัวเองว่า "อะไรคือความจริงที่เกิดขึ้น"

"ดูเหมือน เอ็งเค่ จะกลายเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาเกิดเรื่องแย่ๆ ขณะที่เขาเฝ้าเสา" บิคตอร์ บัลเดส หนึ่งในคนที่แจ้งเกิดเหนือเอ็งเค่ อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายทวารชาวเยอรมันในช่วงเวลาที่บาร์เซโลน่า

พ่อ และ ลูกชาย...

ในยุคสิบกว่าปีก่อน เรื่องของโรคซึมเศร้ายังไม่ได้พูดถึงเป็นวงกว้างและยังไม่มีความเข้าใจผู้ป่วยมากนัก ตัวของ เอ็งเค่ เองก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร แต่ทุกคืนที่หลับตาลงที่ประเทศสเปน เขาจะผวาตื่นขึ้นกลางดึก และฝันถึงสิ่งแปลกๆ ที่สำหรับคนทั่วไปถือว่าไม่ได้ร้ายเเรงอะไรนั่นคือการฝันว่า "เขาซ้อมอยู่ และโดนเพื่อนร่วมทีมยิงเข้าประตูไป" ... ธรรมดามากสำหรับตำแหน่งประตูที่ต้องโดนยิง แต่ เอ็งเค่ นั้นไม่ใช่ และคนที่รู้เรื่องนี้คนแรกคือพ่อของเขาเอง


Photo : www.zimbio.com

เดิร์ก เอ็งเค่ มีอาชีพนักจิตวิทยาทางด้านกีฬาโดยเฉพาะ ดังนั้นเเว่บแรกที่เขาเห็นลูกชายเขาก็รู้เเล้วว่า โรเบิร์ต ต้องการคำแนะนำและการช่วยเหลือ มากกว่าการแค่ตบบ่าและให้กำลังใจจากเพื่อนร่วมทีม

"โรเบิร์ต กลัวว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ไม่ได้เรื่อง เขาไม่เชื่อมั่นในตัวเองเลย (ในช่วงกับ บาร์ซ่า) ความคิดของเขาถูกขังไว้ในกรงแห่งความทะเยอทะยาน" เดิร์ก ผู้เป็นพ่อเล่า

"ในช่วงเวลาที่สำคัญกับเขามากที่สุด โรเบิร์ต กลายเป็นคนกลัวลูกฟุตบอล เขากลัวว่าจะมีใครมายิงมันผ่านเขาไป ทุกๆ เช้าเขาจะเจอสิ่งรบกวนใจและผวาทุกครั้งที่บอลเข้าประตู เขาไม่กล้าแม้จะจินตนาการเลยด้วยซ้ำไป เขาถามผมว่าพ่อจะโกรธผมไหม ถ้าผมอยากจะเลิกเล่นฟุตบอล ผมก็บอกว่า ‘มันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยไอ้ลูกชาย แม้แต่พระเจ้าก็ไม่ว่าลูกหรอก’" 


Photo : elpais.com

เอ็งเค่ เริ่มขาดซ้อม ไม่ใช่เพราะไร้วินัยแต่ เพราะกลัวจนเกินไปอย่างที่พ่อของเขาว่า และด้วยความที่พ่อของเขาเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ เขารู้ทันทีว่าสภาพจิตใจแบบนี้ต้องได้รับการเยียวยาอย่างเร่งด่วน

เดิร์ก พยายามจะช่วยลูกชายอย่างเต็มที่ด้วยการให้เขาเลิกเล่นเสียและออกมารักษาตัวอย่างจริงจัง แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ เอ็งเค่ บอกว่าเขาจะยังไม่เลิกเล่น และไม่ต้องการที่จะเข้าพบจิตเเพทย์แบบเปิดเผย เพราะหากสโมสรต่างๆ รู้ว่า ผู้รักษาประตูคนนี้เป็นผู้ป่วยจิตเวช ไม่แคล้วเขาคงจะไม่มีโอกาสได้เล่นฟุตบอลอีกต่อไป 

"เขาเฉียดคลินิกจิตเวชบ่อยมาก แต่พอเข้าใกล้เขาก็บอกว่า ‘อาชีพของเขาจบเห่แน่ถ้าเดินเข้าไปที่นั่น ฟุตบอลเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ดีและมีอารมณ์ร่วมกับมัน’" แม้จะอยากช่วยแค่ไหนแต่ เดิร์ก ก็ทำได้แค่แนะนำ โรเบิร์ต ไม่ต้องการหาหมอและเชื่อว่าการเป็นนักฟุตบอลต่อไปมันยังดีกว่าแน่…”

กลับบ้านที่ เยอรมัน

เมื่อเลิกเล่นไม่ได้ก็ต้องออกจากสถานที่ที่ทำให้จิตใจขุ่นมัว ในปี 2004 เอ็งเค่ ย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า มาอยู่กับ ฮันโนเวอร์ ที่เยอรมันอีกครั้ง ทุกคนเชื่อว่าการเปลี่ยนบรรยากาศ จะทำให้ทุกอย่างค่อยๆ กลับมาดีขึ้น และสุดท้ายความผิดปกติที่เกิดขึ้น มันจะค่อยๆ ทุเลาเเละหายไป


Photo : www.haz.de

สิ่งดีสิ่งแรกเริ่มปรากฎ เทเรซ่า ภรรยาของเขาตั้งครรภ์ลูกสาวคนแรกในปีนั้นพอดี การมีลูกเหมือนเข็มทิศชี้ให้ชีวิตเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น เอ็งเค่ จึงกลับมาอยู่ในสภาพที่เรียกว่าดีขึ้นมากจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งในชีวิตประจำวัน และฟอร์มการเล่นในสนามกับฮันโนเวอร์ 

การนับวันรอที่จะพบกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองเป็นไปอย่างตื่นเต้น แต่หลังจากเข้าสู่ช่วงปลายปี 2004 เทเรซ่า ไปตรวจพบแพทย์ตามปกติ ทว่าหนนี้หมอบอกว่าเด็กจะเกิดมาพร้อมกับปัญหาสุขภาพ และแนะนำให้เธอทำแท้งเสีย ...

เอ็งเค่ ไม่ยอม เขาอยากให้ลูกเขามีชีวิตต่อไป เขาเอาใจใส่ดูแลภรรยาอย่างดี จนลูกสาวที่ขื่อ “ลอร่า” ลืมตาดูโลกออกมา แม้จะเป็นการคลอดก่อนกำหนด 3 เดือน ... แต่ฟ้าก็ถล่มใส่ เอ็งเค่ อีกครั้ง


Photo : www.dailymail.co.uk

ลอร่า มีอาการลิ้นหัวใจรั่ว ต้องได้รับการผ่าตัดตั้งแต่แรกเกิด ทว่าการผ่าตัดส่งผลร้ายเเรงกว่าที่คาด นอกจากจะทำให้เธอต้องอยู่ในโรงพยาบาลหลายเดือนแล้ว มันยังมีผลข้างเคียงที่ทำให้หัวใจของเธออ่อนแอและที่สำคัญ คือ เธอกลายเป็นคนหูหนวก แม้หมอบอกว่าอาการหูหนวกนี้สามารถแก้ไขได้ในอนาคต แต่ต้องรอให้เธอโต และพร้อมกว่านี้ นั่นจึงทำให้ เอ็งเค่ มีกำลังใจสู้ขึ้นมาอีกเฮือก ... แต่มันเป็นเพียงเฮือกสั้นๆ เท่านั้น 

ลอร่า เป็นเด็กไม่แข็งแรง มีปัญหาสุขภาพมากมาย และสุดท้ายเธอก็จากพ่อของเธอไปด้วยวัยเพียงแค่ 2 ขวบเท่านั้น ...

ความเจ็บปวดที่พูดไม่ได้...

หัวใจที่พังทลายของ เอ็งเค่ ทำให้ เทเรซ่า ภรรยาของเขาพาย้ายที่อยู่ใหม่อีกครั้ง ด้วยการไปอาศัยอยู่ในบ้านทุ่ง พร้อมทำฟาร์มเป็นอาชีพเสริม ชีวิตครอบครัวเหมือนจะกลับมามีความสุข สามีและภรรยาคู่นี้ต่างก็รักสัตว์ด้วยกันทั้งคู่ พวกเขาจึงร่วมรณรงค์กับ "พีต้า" ต่อต้านอุตสาหกรรมขนสัตว์


Photo : www.t-online.de

เขากลับมาโฟกัสกับฟุตบอลใหม่ ในฤดูกาล 2007-08 ฮันโนเวอร์ ในยุคกุนซือ ดีเตอร์ เฮ็คกิ้ง มอบหมายให้เขาเป็นกัปตันทีม ขณะที่ เอ็งเค่ ก็เซฟกระจายจนกลายเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในบุนเดสลีก้าฤดูกาลดังกล่าว และดีถึงขนาดที่ว่าก้าวไปติดทีมชาติเยอรมันในปี 2009 เลยทีเดียว

เหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าความเจ็บช้ำนั้นทุเลาลงเมื่อครอบครัวของ เอ็งเค่ รับตัว ไลล่า เด็กหญิงคนหนึ่งเข้ามาเป็นลูกบุญธรรม ไม่มีใครรู้ว่า โรเบิร์ต เอ็งเค่ คิดอย่างไรที่รับตัว ไลล่า มาเลี้ยงดู เพราะเขาไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้เองสักครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนยิ่งกว่า คือ โรควิตกกังวลกลัวฟุตบอลที่เคยเป็นที่ บาร์เซโลน่า กลับมาก่อตัวอีกครั้งในช่วงที่เสียลอร่าไป 

"ฉันพยายามอยู่กับเขาเสมอและบอกเขาว่าฟุตบอลไม่ใช่ทุกอย่าง ชีวิตนี้มีความสวยงามอีกมากมาย ฉันอยากจะช่วยดันให้เขาไปข้างหน้าหลุดพ้นความกลัวไป ตอนนี้เขากลัวที่จะสูญเสียไลล่าไปอีกคน" เทเรซ่ากล่าว 

แม้คนที่บ้านจะรู้ว่า เอ็งเค่ กำลังป่วยโดยเฉพาะ เทเรซ่า ที่เคยช่วย โรเบิร์ต จากการฆ่าตัวตายมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่การเก็บมันเอาไว้ ทำให้ไม่เคยมีใครในสโมสรเลยที่รับรู้เรื่อง เขายังทำตัวเหมือนปกติด้วยการไปซ้อมและลงสนามเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เเม้ เทเรซ่า จะพยายามขอร้องให้เขาเปิดเผยความจริงกับสาธารณะเหมือนที่ เซบาสเตียน ไดส์เลอร์ อดีตอัจฉริยะลูกหนังชาวเยอรมันเคยทำ และได้รับความช่วยเหลือจากหลายฝ่ายจนหายดี แต่ เอ็งเค่ ก็ปฎิเสธตลอด ราวกับว่าเขาอยากเอาชนะอะไรบางอย่างด้วยตัวของเขาเอง หรือไม่อย่างนั้น เขาก็กลัวว่าตัวเองจะมีชีวิตที่ด้อยค่าหากไม่มีฟุตบอล

ทว่าการเก็บไว้นานก็กลายเป็นระเบิดเวลา จากปัญหาจิตใจลามมาเป็นปัญหาสภาพร่างกาย เขาล้มป่วยด้วยอาการติดเชื้อในช่องท้องอย่างรุนแรง จนส่งผลให้ต้องรักษาตัวอยู่ระยะหนึ่ง และหลุดโผจากทีมชาติในที่สุด ทั้งๆ ที่ในตอนนั้น หลายฝ่ายมองว่า เอ็งเค่นี่แหละ คือมือ 1 ของทีมอินทรีเหล็กในฟุตบอลโลก 2010 ที่ใกล้จะมาถึง


Photo : sport.interia.pl

การพักรักษาตัวในช่วง 3 เดือนผ่านพ้นไป เขากลับมาซ้อมทีมแบบปกติอีกครั้งและลงสนามในเกมที่ ฮันโนเวอร์ เสมอกับ ฮัมบูร์ก 2-2 ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2009 ... ทุกอย่างดูเหมือนจะดี และไม่มีสัญญาณเตือนอันตราย ทว่าสุดท้ายมันก็กลับตาลปัตร เพราะในการซ้อมทีม ช่วงบ่ายของวันที่ 10 พฤศจิกายน หรืออีก 2 วันต่อมาก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจนได้ ... วันนั้นเอ็งเค่ขับรถมาซ้อมเอง ซึ่งปกติเเล้ว เทเรซ่า จะเป็นคนคอยมาส่งเสมอ

"ช่วงที่เขาซึมเศร้าอย่างรุนแรง เขาคิดว่าตัวเองหมดหวังที่จะกลับมาหายเป็นปกติดังเดิม ซึ่งหลังจากที่ ลอร่า เสียชีวิตแล้ว เราต่างก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ฉันได้แต่บอกกับเขาทุกวันว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออก ช่วงที่ไปซ้อมกับทีมฉันก็จะขับรถไปพร้อมกับเขา อย่างน้อยก็เพื่อช่วยเขาให้ผ่านพ้นช่วงลำบากไปให้ได้ แต่เขากลับปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครๆ เลยแม้แต่น้อย" เทเรซ่า กล่าว

หลังจากซ้อมเสร็จ เอ็งเค่ ขับรถไปที่สถานีรถไฟ Neustadt am Rübenberge ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง บรรยากาศยามเย็นในฤดูหนาวทำให้ฟ้ามืดไวกว่าปกติ สีของฟ้าบอกถึงอารมณ์ของ เอ็งเค่ ในเวลานั้น เขาลงจากรถและเดินขึ้นมาที่สถานี เพื่อหวังจะทำในสิ่งที่คิดไว้

เวลา 1 ทุ่ม เป็นเวลาที่รถไฟความเร็วสูงจะเทียบชานชาลา ทันใดนั้น เอ็งเค่ ก็กระโดดให้รถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วมากกว่า 100 ไมล์ชนเขา แน่นอนว่าเขาเสียชีวิตในทันที ซึ่งจากการชันสูตรพลิกศพภายหลังพบว่าเป็นการ "ฆ่าตัวตาย" ... เอ็งเค่ทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง โดยเฉพาะ เทเรซ่า ภรรยาของเขาที่จะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร เพราะเสียทั้งลูกและสามีไปในเวลาไล่เลี่ยกัน

การตายของ เอ็งเค่ เป็นความสูญเสียของวงการฟุตบอลเยอรมันอย่างแท้จริง ในงานศพของเขามีคนมาร่วมงานกว่า 35,000 คน ทุกคนในวันนั้นได้เห็นสภาพของ เทเรซ่า ที่ร้องไห้แบบไม่อายสายตาของใครก่อนจะฝังโลงของเอ็งเค่ คืนสู่ดิน

ทุกคนเสียใจ แต่ไม่มีใครเท่าเธออีกเเล้ว เทราซ่า พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยแต่มันก็ช่วยไม่ได้ สภาพจิตใจของผู้ป่วยซึมเศร้านั้นยากแท้หยั่งถึง ... และบางครั้งเรื่องบางเรื่อง ก็ไม่อาจจะพูดกับคนใกล้ตัวได้ 


Photo : www.zimbio.com

วงการฟุตบอลตื่นตัวกับเรื่องสภาพจิตใจของนักกีฬามากขึ้น และตัวนักกีฬาเองก็รู้ว่าปัญหามันจะใหญ่มาก หากไม่ได้รับการแบ่งปันและรักษาอย่างจริงจัง โรนัลด์ เรง คือนักเขียนที่ได้พูดคุยกับ เอ็งเค่ แบบไม่มีใครรู้ และเขาก็ได้ถ่ายทอดสิ่งที่ เอ็งเค่ รู้สึกในเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดออกมาภายใต้ชีวประวัติของเอ็งเค่เอง

"เดิมทีผมเชื่อว่า ในวันที่อาชีพผู้รักษาประตูของเอ็งเค่สิ้นสุดลง เขาคงสามารถที่จะออกมาพูดคุยเรื่องราวของความเจ็บป่วยในจิตใจของเขาได้ เพราะในโลกฟุตบอลยุคนี้ที่ความสำเร็จคือทุกสิ่ง ผู้รักษาประตูที่เป็นด่านสุดท้ายไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนได้ เขาจึงต้องสร้างความแข็งแกร่งเพื่อปกปิดความลับของโรคซึมเศร้า ปกปิดตัวเองจากความเจ็บป่วยไว้  แต่เนื่องจากเขาจากไปแล้ว ผมจึงจำเป็นต้องออกมาเล่าเรื่องนี้แทนเขาเอง"

นี่คือส่วนหนึ่งที่ โรนัลด์ เรง ได้บันทึกไว้ในหนังสือ A Life Too Short – The Tragedy of Robert Enke

"ผู้รักษาประตูถูกฝึกฝนมาทั้งชีวิตเพื่อไม่ให้แสดงออกถึงความสิ้นหวัง, ความคับข้องใจ และความกลัว ความสามารถในการควบคุมสิ่งต่างๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ช่วยให้โรเบิร์ตสามารถใช้ชีวิตในขณะที่โรคซึมเศร้าค่อยๆ กัดกินได้ แต่ของขวัญชิ้นนี้ ที่สุดแล้วก็ได้กลายเป็นชะตากรรมสู่การแสวงหาความตายของเขาเอง มันน่าเศร้าที่เขาปกปิดความตั้งใจนั้นได้เป็นอย่างดี จนที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่จะเข้ามาช่วยเขาได้ทันการณ์"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook