ไปต่อหรือเปลี่ยน! ส่องสถานการณ์ 6 ทีมดังยุโรปในช่วงวิกฤตจากผลงานต้นซีซั่น
ไปต่อหรือเปลี่ยนแปลง! นี่คือคำถามที่แฟนบอลถามถึงสโมสรต้นสังกัดของตัวเอง หลังทำผลงานในช่วงต้นซีซั่น 2019-20 ได้ไม่สู้ดีนัก เราลองไปดูกันกับ 6 ทีมดังยุโรปที่กำลังตกอยู่ในช่วงวิกฤตกัน
8. เอซี มิลาน
นับตั้งแต่ที่ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี นำทัพ ปีศาจแดงดำ คว้าแชมป์ กัลโช เซเรีย อา ในฤดูกาล 2010/11 และถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาล 2013/14 ทัพ รอสโซเนรี ก็กลายเป็นเพียงยักษ์หลับที่ไม่สามารถขยับไปเป็นหนึ่งในทีมท็อปโฟร์ของลีกได้เลยแต่นั้นเป็นต้นมา
มาร์โก้ จามเปาโล นายใหญ่ชาว อิตาลี ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อซัมเมอร์ 2019 กลายเป็นเพียงอดีตขงเบ้งทีมดังจากเมือง มิลาน ต่อจาก คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, ฟิลิปโป้ อินซากี้, ซินิซา มิไฮโลวิช, คริสเตียน บร็อคคี, วินเชนโซ มอนเตลลา และ เจนนาโร กัตตูโซ ภายใต้การนำทัพที่ข้างสนามเพียง 7 เกมลีกเท่านั้น (ชนะ 3 แพ้ 4 มี 9 คะแนนรั้งอันดับที่ 13)
7. โอลิมปิค ลียง
จากทีมที่จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 3 ของตารางคะแนน ลีกเอิง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาสู่การรั้งอันดับที่ 14 ในซีซันนี้ที่ 9 แต้มหลังผ่านการแข่งขัน 9 นัดและมีคะแนนเหนือโซนตกชั้นแค่เพียงแต้มเดียวเท่านั้น
ล่าสุดทัพ โอแอล เพิ่งประกาศสังเวย ซิลวินโญ อดีตแข้ง อาร์เซนอล ชาว บราซิล วัย 45 ปีออกจากตำแหน่งกุนซือหลังจากเก็บชัยชนะได้เพียง 1 เกมจาก 9 นัดหลังสุดเมื่อรวมทุกรายการแม้ว่าเพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเท่านั้น
6. เอฟเวอร์ตัน
เอฟเวอร์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ มาร์โก้ ซิลวา ออกสตาร์ทได้อย่างย่ำใน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาลนี้และการบุกไปพ่ายต่อ เบิร์นลีย์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้พวกเขาร่วงลงไปอยู่ในโซนตกชั้นกับอันดับที่ 18 จากผลงาน ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 5 ประตูได้เสีย -7 รวมทั้งยังซัลโวได้เพียง 6 ประตูซึ่งมีเพียง นิวคาสเซิล (5 ประตู อันดับที่ 16) และ วัตฟอร์ด (4 ประตู อันดับที่ 20) ที่ยิงในลีกได้น้อยกว่าพวกเขาจนถึงเวลานี้
ท็อฟฟีสีน้ำเงิน ภายใต้การบริหารของ ฟาร์ฮัด โมชิรี ตั้งแต่ปี 2016 กลายเป็นทีมที่ตั้งเป้าว่าท้าชิงอันดับท็อปซิกซ์เมื่อ ตลาดซื้อขายนักเตะ ซัมเมอร์ในทุกซีซันหลังจากนั้นสิ้นสุดลงซึ่งซัมเมอร์ 2019 ก็ไม่ต่างไปจากเดิมแต่ผลงานกลับสวนทางจากความฝันของพวกเขาสุดกู่หลังผ่านเกมลีกไป 8 นัด และมีความเป็นไปได้สูงที่นายใหญ่ชาว โปรตุเกส จะกระเด็นออกจากเก้าอี้กุนซือ ท็อฟฟีเมน ตามรอยโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ, โรนัลด์ คูมัน และ แซม อัลลาร์ไดซ์ หากไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ของทีมหลังพ้นเบรคทีมชาติได้
5. บาเลนเซีย
ความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนักของ มาร์เซลิโน อดีตกุนซือของทัพ ไอ้ค้างคาว กับ ปีเตอร์ ลิม เจ้าของสโมสรชาว สิงคโปร์ ทำให้นายใหญ่ชาว สเปน วัย 54 ปีต้องกระเด็นพ้นจากเก้าอี้กุนซือแม้ว่าจะนำทีมคว้าแชมป์ โคปา เดล เรย์ และซิวโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จากการจบอันดับที่ 4 บนตารางคะแนน ลา ลีกา ก็ตามที
แม้ผลงานล่าสุดในลีกซีซันนี้พวกเขาจะยังรั้งอันดับที่ 8 ของตารางแต่ผลงานแบบลูกผีลูกคนภายใต้ขงเบ้งคนใหม่อย่าง อัลเบิร์ต เซลาเดส โดยเฉพาะกับการเพิ่งปราชัยคารังต่อ อาแจ็กซ์ ในถ้วยบิ๊กเอียร์ก็ทำให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในทีมที่เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ได้อย่างน่าผิดหวังในลิสต์นี้ของเรา
4. ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
ให้หลังเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ทัพ ไก่เดือยทอง กรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2018/19 ตำแหน่งเก้าอี้กุนซือของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน กลับลุกเป็นไฟเมื่อผลงานในช่วงหลังทีมนั้นน่าผิดหวังอย่างยิ่งยวด
ความพ่ายแพ้ต่อ โคลเชสเตอร์ ตัวแทนจาก ลีกทู บนเวที คาราบาว คัพ อาจเป็นเพียงอุบัติเหตุลูกหนังที่เกิดขึ้นได้แต่หลังจากนั้นพลพรรค ลิลลีไวทส์ ยังบู่ต่อเนื่องเมื่อพังพาบต่อ บาเยิร์น มิวนิค บนถ้วยบิ๊กเอียร์ด้วยสกอร์มโหฬารถึง 2-7 คารัง ต่อด้วยการออกไปศิโรราบต่อ ไบรท์ตัน เละเทะ 3-0
แต่ยังนับว่าเป็นโชคดีสุดๆ ของ พอช และสาวก สเปอร์ส ที่มีเบรคทีมชาติมาคั่นกลางให้พวกเขาได้จัดการกับโมเมนตัมของทีมหลังจากนี้
3. นิวคาสเซิ่ล
บรรยากาศโดยรวมของ สาลิกาดง ไม่สู้ดีนักมาเนิ่นนานภายใต้การบริหารงานของ ไมค์ แอชลีย์ ที่กลายเป็นปฎิปักษ์ต่อบรรดาสาวก เดอะแม็กพายส์ ที่มองว่าการเดินหมากของ แอชลีย์ ในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค เต็มไปด้วยความผิดพลาดมากมาย หนึ่งในนั้นคือการไม่สนับสนุน ราฟา เบนิเตซ กุนซือระดับมันสมองชาว สเปน ที่บอกลาทีมหลังสิ้นสุดฤดูกาลที่ผ่านมาแม้ว่าจะนำทัพ นิวคาสเซิล รอดพ้นจากการตกชั้นได้สำเร็จจากงบประมาณเสริมทัพที่จำกัดก็ตาม
ยอดทีมจาก ไทน์ไซด์ ดึงเอา สตีฟ บรูซ เข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่คนใหม่พร้อมเทงบราว 60 ล้านปอนด์เสริมทัพด้วยแข้งอย่าง โจลินตอน กับ อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง เป็นตัวชูโรงเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความตึงเครียดของแฟนบอลลดดีกรีลงไปเลยเมื่อพวกขาเก็บชัยชนะบน พรีเมียร์ลีก ได้เพียง 2 จาก 8 นัดที่ผ่านมาเท่านั้น
2. สโต๊ค ซิตี้
ทัพ ช่างปั้นหม้อ ที่เคยขึ้นชื่อเรื่องฟุตบอลแบบไดเร็กต์ตลอดการลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก เมื่อทศวรรษที่ผ่านมากำลังอยู่ในช่วงวิกฤตสุดขีดหลังพวกเขาดวงแตกตกชั้นลงไปเล่นในศึก แชมเปี้ยนชิพ ตั้งแต่จบฤดูกาล 2017/18 กราฟผลงานของพวกเขาก็ดิ่งลงหลังจากนั้นเมื่อเข้าป้ายด้วยอันดับที่ 16 ในลีกรองซีซันถัดมาต่อด้วยการจมบ๊วยในฤดูกาลนี้หลังผ่านพ้นการแข่งขันไป 11 นัดจนถึงเวลานี้
ดูท่าอนาคตใน ลีกวัน ของพลพรรค เดอะพ็อตเตอร์ส อาจอยู่ห่างจากพวกเขาอีกไม่ไกลนักเมื่อพิจาณาจากผลงานของทีมในตอนนี้
1. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พลพรรค ปีศาจแดง อยู่ในช่วงวิกฤตตั้งแต่การบอกลาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในปี 2013 นับแต่นั้นเป็นต้นมาทั้ง เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล กระทั่ง โชเซ มูรินโญ ก็ไม่สามารถนำ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาเกรียงไกรได้เทียบเท่ายุคของตำนานชาว สกอตแลนด์ ได้เลย
โอเล กุนนาร์ โซลชา กลายเป็นความหวังใหม่เมื่อเข้ารับตำแหน่งกุนซือ เร้ดเดวิลส์ ด้วยสัญญาระยะสั้นเมื่อช่วงท้ายของซีซันที่ผ่านมาก่อนที่สถานการณ์จะกลับตาลปัตรเมื่ออดีตแข้งซูเปอร์ซับไม่สามารถรักษาโมเมนตัมของทีมเอาไว้ได้หลังจากที่ได้รับสัญญาระยะยาวจากบอร์ดบริหาร
แผนการดำเนินงานของพวกเขาในตลาดซื้อขายนักเตะหลายรอบที่ผ่านมายิ่งทำให้พวกเขาไม่ได้มีแข้งแกนหลักที่จะสามารถเค้นฟอร์มการเล่นช่วยทีมได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อนักเตะที่กลายเป็นหัวใจในแนวรุกของ เร้ดเดวิลส์ ตอนนี้กลายเป็น แดเนียล เจมส์ เจ้าหนูวัยเพียง 21 ปีที่ยกระดับจากลีก แชมเปี้ยนชิพ มาเดบิวท์ในลีกสูงสุดของ อังกฤษ เป็นซีซันแรก
การตามหาความสำเร็จในระดับที่ เฟอร์กี้ สร้างไว้ให้กับทีมกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้เมื่อพิจารณาจากขุมกำลังและทัศนคติในการเล่นของบรรดาแข้ง ปีศาจแดง ในทีมชุดปัจจุบัน