เก็บตกประเด็นหลังเกมสุดระทึกที่แอนฟิลด์ : ลิเวอร์พูล 2-1 เลสเตอร์ ซิตี้
การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2019
เวลาแข่งขัน 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ลิเวอร์พูล 2-1 เลสเตอร์ ซิตี้
สนามแอนฟิลด์
5. หลักไมล์ของ มาเน
1 ประตูของ ซาดิโอ มาเน กับลิเวอร์พูลในเกมนี้ ทำให้เจ้าตัวซัลโวให้กับต้นสังกัดแตะหลัก 50 ประตูบนพรีเมียร์ลีก จากการลงสนามนัดที่ 100 พอดิบพอดี
นอกจากลูกยิงดังกล่าวแล้ว สตาร์ทีมชาติเซเนกัล ยังมีส่วนสำคัญกับเกมรุกของหงส์แดงอย่างต่อเนื่อง ในวันที่ทั้ง โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดูจะเงียบเหงาไปสักหน่อย ก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นคนเรียกจุดโทษให้กับทีมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้ เจมส์ มิลเนอร์ สังหารประตูชัย อีกทั้งแสดงให้เห็นถึงวินัยในเกมรับเมื่อขยับลงไปช่วยทีมตัดบอลสวยๆให้เห็นอีกด้วย
4. ขิงแก่ มิลเนอร์
1 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ คือตัวเลขชี้ชัดถึงความสำคัญของดาวเตะวัย 33 ปีของหงส์แดงในเกมนี้
เริ่มต้นจากการวางบอลให้มาเนได้หลุดไปยิงประตูเบิกร่องในช่วงท้ายครึ่งแรก ก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นคนรับหน้าที่สังหารลูกจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นอกเหนือจากนั้นเขายังทำหน้าที่ไล่บีบพื้นที่คู่แข่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งเกมเช่นเคย
3. เลสเตอร์ กับการท้าชิงท็อปซิกซ์
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส คัมแบ็คแอนฟิลด์อีกครั้ง หลังจากเคยรับบทบาทเป็นกุนซือหงส์แดงเมื่อในอดีต กับวันนี้ในฐานะนายใหญ่จิ้งจอกสีน้ำเงิน ที่ถูกจับตาว่าจะกลายเป็นม้ามืดเขย่าทีมบิ๊กซิกซ์เดิม
ร็อดเจอร์สแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะให้ลูกทีมตั้งรับเพื่อหวังเพียงแค่ผลเสมอเท่านั้น จากการดันสูงของไลน์แนวรับและการใช้ผู้เล่นเติมขึ้นไปเล่นเกมรุกหลายคน ทว่า เดอะ ฟ็อกซ์ กลับไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสได้เลยในครึ่งแรก กับสถิติการยิงประตูเท่ากับ 0 และความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็ทำให้พวกเขาถูกลงโทษด้วยประตูของมาเนในท้ายครึ่งแรก
แต่หลังพักครึ่ง พวกเขายังเล่นเกมรุกได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ก่อนที่ความพยายามของลูกทีมร็อดเจอร์สจะสัมฤทธิ์ผลในที่สุด เมื่อ เจมส์ แมดดิสัน สังหารประตูตีเสมอ และแม้ว่าพวกเขาจะจบเกมด้วยความพ่ายแพ้จากลูกจุดโทษ แต่ทัพจิ้งจอกได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการต่อกรกับทีมระดับลุ้นแชมป์ได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ อาจต้องเป็นกังวลกับตำแหน่งท็อปซิกซ์ที่ไม่การันตีสำหรับพวกเขาแล้วในเวลานี้
2. ชนะ ชนะ แล้วก็ชนะ!
17 นัด เป็นตัวเลขที่ลิเวอร์พูลเอาชนะคู่แข่งในศึกพรีเมียร์ลีกได้ติดต่อกัน
8 นัดในนั้นเกิดขึ้นในฤดูกาลนี้!
ตัวเลขชัยชนะติดต่อกันสูงสุดก่อนหน้านี้เป็นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ 18 นัด นอกจากนั้น 3 คะแนนในเกมนี้ยังทำให้พวกเขาทิ้งห่างเรือใบสีฟ้าไปแล้ว 8 แต้ม ก่อนที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะลงแข่งขันในวันอาทิตย์
หงส์แดงจะทำสถิติชนะ 18 เกมเท่ากับซิตี้ได้หรือไม่น่ะเหรอ? คำตอบอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะเป็นคู่แข่งเกมถัดไปของพวกเขาให้หลังจากเบรคทีมชาติในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
1. หัวจิตหัวใจนักสู้
ตราบใดที่ยังมีเวลา นั่นเท่ากับว่ายังมีโอกาสที่จะชนะ!
พลพรรคหงส์แดงแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณนักสู้ แม้ว่าพวกเขาจะถูกไล่ตีเสมอในช่วงท้ายเกมด้วยการพยายามขึงเกมรุกเข้าใส่ผู้มาเยือนอย่างต่อเนื่อง
การทำแต้มหล่นหายอย่างไม่จำเป็นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันคือตัวแปรสำคัญในการเบียดแย่งลุ้นแชมป์กับทีมที่แกร่งทั่วแผ่นอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งในท้ายที่สุด เร้ด แมชีน ต้องอกหักจากการตามหลังเรือใบสีฟ้าเพียงแค่ 1 คะแนน เข้าป้ายเป็นเพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น
ขณะที่ในซีซันนี้ ให้หลังจากเกมที่ฟอร์มกระท่อนกระแท่น - แต่ชนะ, เกมที่แนวรุกบางรายหลุดฟอร์ม - แต่ก็ยังชนะ และมาแมตช์นี้ที่พวกเขาเกือบจะเก็บได้เพียง 1 คะแนนจากประตูตีเสมอในช่วงท้าย - แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังสามารถเอาชนะคู่แข่งเก็บ 3 แต้มเต็มได้สำเร็จ
แม้จะเพิ่งผ่านการแข่งขันฤดูกาลนี้ไปเพียง 8 นัด แต่สิ่งที่ลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แสดงออกมาให้เห็นคือคุณสมบัติสำคัญในการเป็นแชมป์ลีก และการรอคอยยาวนาน 3 ทศวรรษของเหล่า เดอะ ค็อป มีสิทธิ์ที่จะสิ้นสุดลงในซีซันนี้เสียที