พรีเมียร์ลีกกับเอเชีย
คารม คมคิด
โมฮาเหม็ด บิน ฮัมมัม ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เพิ่งได้รับการโหวตให้นั่งในตำแหน่งกรรมการบริหารของฟีฟ่าต่อไป
และจะยังคงเป็นผู้มีบทบาทอย่างสูงต่อการพัฒนาการวงการลูกหนังของเอเชีย
ล่าสุด บิน ฮัมมัม ก็เดินเกมรุกด้วยการแสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ทีมยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก มักจะชอบเดินทางมาทัวร์เอเชียในช่วงปิดฤดูกาล
ซึ่งแน่นอนว่า รวมถึงการเดินทางมาโชว์ฝีเท้าของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล กับทีมชาติไทยในเดือนก.ค.นี้ด้วย
ถามว่าดีหรือไม่
ย่อมดีแน่
แต่สำหรับประธานเอเอฟซี ยังมองว่ายังดีไม่พอ
เพราะผลประโยชน์ที่วงการฟุตบอลเอเชียได้รับน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
บิน ฮัมมัม ระบุว่า การเดินทางมาของทีมจากพรีเมียร์ชิพ หรือยักษ์ใหญ่ในยุโรปทีมอื่นๆ หวังผลทางด้านการตลาดเป็นหลัก
จริงอยู่ที่การมาโชว์ฝีเท้าของทีมเหล่านี้ช่วยให้เกิดความตื่นตัว มีส่วนช่วยให้เยาวชนตัวน้อยๆ ของเอเชียสนใจกีฬามากยิ่งขึ้น
แต่ถ้ามองลึกลงไปแล้วไม่ได้ช่วยยกระดับพัฒนาการของวงการฟุตบอลของเอเชียแต่อย่างใดเลย
มันไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องเอาเงินมาให้กับพวกเรา แต่เป็นความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค การแลกเปลี่ยนโค้ช หรือว่าการให้ทีมเยาวชนจากเอเชียไปฝึกซ้อมในอังกฤษ ประธานเอเอฟซี แสดงความเห็นไว้เช่นนั้น
นับเป็นการเปิดบทบาทของประธานเอเอฟซีที่น่าสนใจทีเดียว
เพราะถ้าวัดจากพัฒนาของวงการลูกหนังเอเชีย อยู่ในระดับไม่น่าพอใจนัก
ผลงานในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แสดงให้เห็นว่าทีมจากเอเชียจำเป็นต้องเพิ่ม กระดูก ของตัวเองให้แข็งแกร่งกว่านี้
คงต้องดูปฏิกิริยาตอบรับของทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปว่าจะสนองตอบต่อคำร้องขอของประธานเอเอฟซีมากเพียงไร
แน่นอนว่า หากมีความจริงใจต่อกัน การให้ความช่วยเหลือเพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลเอเชียก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง โดยเฉพาะจากทีมในพรีเมียร์ชิพที่ล้วนแล้วแต่มั่งคั่ง แถมยังกอบโกยรายได้ไปมากมายจากแฟนบอลในเอเชีย
แต่ขณะเดียวกัน บิน ฮัมมัมก็ต้องเข้าใจว่า การผลักดันวงการฟุตบอลเอเชียให้รุดหน้าจะต้องมีการทำงานที่หลากหลายกว่านี้
ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแล้ว ก็ต้องช่วยตัวเองด้วย
และเอเอฟซีก็จะต้องเป็นหัวหอกในการผลักดันโครงการ อนาคตลูกหนังเอเชีย ให้รุดหน้ายิ่งขึ้น
ถ้าหัวไม่ส่าย หางคงไม่กระดิก ไม่ใช่หรือ