ใครเป็น "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย" หลัง "แพทองธาร" ลาออกแล้ว?

ใครเป็น "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย" หลัง "แพทองธาร" ลาออกแล้ว?

ใครเป็น "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย" หลัง "แพทองธาร" ลาออกแล้ว?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิเคราะห์โค้งสุดท้าย ชิงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย 31 ต.ค. นี้ "จาตุรนต์ ฉายแสง" หรือ "จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์" ใครคือตัวเต็ง?

การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทยในวันที่ 31 ตุลาคม นี้ กำลังเป็นที่จับตามองอย่างยิ่ง เมื่อวาระสำคัญคือการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หลังจากที่ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ได้ประกาศยุติบทบาทหัวหน้าพรรคไปก่อนหน้านี้ สถานการณ์นี้ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องเฟ้นหาผู้นำคนใหม่ที่จะมากำหนดทิศทางและกอบกู้ความเชื่อมั่นของพรรค

ในบรรดาแคนดิเดตที่มีการพูดถึงในสื่อขณะนี้ มีสองชื่อที่โดดเด่นขึ้นมาเป็นตัวเต็งหลัก คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส. บัญชีรายชื่อ และ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งทั้งสองคนสะท้อนถึงทางเลือกที่แตกต่างกันของพรรคอย่างชัดเจน

จาตุรนต์ ฉายแสง: ตัวแทนสายอุดมการณ์ หวัง "กอบกู้ภาพลักษณ์"

นายจาตุรนต์ ฉายแสง ถือเป็นนักการเมืองอาวุโสที่มีประสบการณ์สูง และเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรคไทยรักไทยมาก่อน จุดแข็งที่สำคัญของนายจาตุรนต์คือ "จุดยืน" ที่ชัดเจนในฐานะนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การที่ สส. บางส่วนในพรรคสนับสนุนนายจาตุรนต์ สะท้อนความต้องการที่จะเห็นพรรคกลับไปยึดมั่นในอุดมการณ์ดั้งเดิม

ในสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการสูญเสียจุดยืน การเลือกนายจาตุรนต์ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค อาจเป็นสัญญาณที่ชัดเจนในการ "กอบกู้ภาพลักษณ์" และเรียกความเชื่อมั่นจากฐานเสียงเดิมที่อาจจะหายไป การมีจุดยืนที่แน่วแน่ของเขาถูกมองว่าอาจเป็นสิ่งที่พรรคต้องการในเวลานี้ เพื่อสร้างความชัดเจนท่ามกลางวิกฤตศรัทธา

จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์: ตัวแทน "รุ่นกลาง" เชื่อมคนรุ่นใหม่-เก่า

ในขณะที่ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นกลาง หรืออาจจะค่อนไปทางคนรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถในการบริหารและกำลังมีบทบาทสำคัญในรัฐบาล ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เขามีผลงานและประสบการณ์ด้านการบริหารเศรษฐกิจที่จับต้องได้

จุดเด่นของนายจุลพันธุ์คือการเป็น "สะพาน" เชื่อมระหว่าง สส. หรือนักการเมืองรุ่นใหม่ กับกลุ่มคนรุ่นใหญ่ในพรรค การเลือกนายจุลพันธุ์อาจสะท้อนว่าพรรคต้องการการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพ การผสมผสานระหว่างประสบการณ์ของคนรุ่นเก่าและความคิดใหม่ของคนรุ่นใหม่ เพื่อขับเคลื่อนพรรคในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม

ยังมี "ม้ามืด" และตัวแปรอื่น

แม้ว่าการแข่งขันหลักจะดูเหมือนเป็นการขับเคี่ยวระหว่างนายจาตุรนต์และนายจุลพันธุ์ แต่ตามรายงานข่าวล่าสุดจากพรรคเพื่อไทย ระบุว่ามีแคนดิเดตที่อยู่ในข่ายพิจารณาประมาณ 4-5 รายชื่อ โดยยืนยันว่าจะไม่มีการเสนอชื่อคนจากตระกูลชินวัตรในครั้งนี้

นอกจากนี้ยังมีชื่อของ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ถูกจับตาในฐานะ "ม้ามืด" หรือตัวสอดแทรก ด้วยบารมีและประสบการณ์ในสภา อาจเป็นตัวเลือกประนีประนอมหากทั้งสองสายหลักไม่สามารถตกลงกันได้ รวมถึง นายชูศักดิ์ ศิรินิล ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค ก็มีความอาวุโสและบทบาทในพรรคมาอย่างยาวนาน

บทสรุปที่ต้องจับตา

การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ จึงเป็นมากกว่าการเลือกตัวบุคคล แต่คือการเลือก "ทิศทาง" ของพรรค พรรคจะเลือกย้อนกลับไปหาอุดมการณ์ที่ชัดเจนเพื่อกอบกู้ศรัทธา หรือจะเลือกการบริหารแบบคนรุ่นใหม่ที่เน้นการประนีประนอมและการทำงานในฝ่ายบริหาร ผลลัพธ์ที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของพรรคเพื่อไทยในอีกหลายปีข้างหน้า

แหล่งอ้างอิง

  1. Spacebar
  2. NBT2HD
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล