ดร.สุวดี ตอบดราม่า Human Zoo เมื่อสังคมตั้งคำถาม ใช้ "ชีวิตคนทำงาน" เป็นพร๊อบถ่ายรูป

ดร.สุวดี พรรคไทยสร้างไทย ชี้แจงดราม่า Human Zoo สังคมตั้งคำถามจริยธรรมและอำนาจ เล่าย้อนอดีต ปัดย่ำยีหัวใจคนทำงาน

จากกรณีดราม่าที่เกิดขึ้นจากคาเฟ่ดังในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้แบ่งพื้นที่ภายในโรงงานสร้างเป็นห้องกระจกให้ลูกค้าเข้าไปชมวิถีชีวิตของคนงานที่นั่งคัดใบชาอยู่นอกห้องกระจก ทำให้หลายคนมองว่าการกระทำนี้ไม่เหมาะสม เนื่องจากอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีของคนงาน ขณะที่บางคนมองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้สังคมได้เห็นวิถีชีวิตที่แท้จริงของชุมชน โดยเฉพาะการทำงานในอุตสาหกรรมท้องถิ่นที่ยังคงดำรงอยู่ในปัจจุบัน

เหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อ ดร.สุวดี พันธุ์พานิช รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์ภาพหลังจากไปเยี่ยมชมคาเฟ่แห่งนี้ลงในโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้โพสต์ดังกล่าวได้รับการแชร์ไปแล้วกว่า 10,000 ครั้ง พร้อมด้วยการกดไลค์ถึง 25,000 ครั้ง และคอมเมนต์อีก 6,000 ข้อความ โดยบางส่วนแสดงความคิดเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเปิดเผยวิถีชีวิตของคนงานในลักษณะนี้

ล่าสุด ดร.สุวดี ได้ออกมาตอบกลับประเด็นดราม่าผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่า "เพิ่งได้เห็นคอมเมนต์ที่หลากหลาย ก่อนอื่นขอ respect วิถีชุมชนที่ทำให้เกิด วัฒนธรรมและอาชีพที่หลากหลาย และต้องขอบคุณร้านค้า คาเฟ่ต่างๆ ที่ทำให้คนทั่วไปได้มีโอกาสเห็นวิถีชีวิตจริง ซึ่งยังดำรงอยู่เหมือนกับคาเฟ่ไร่ชา ร้านคาเฟ่เถียงนา หรือร้านคาเฟ่ศูนย์ทอผ้า หลายแห่งเปิดโอกาสให้คนเข้าไปเรียนรู้และมีส่วนร่วมในกิจกรรม"

ทั้งนี้ ดร.สุวดี ยังได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำวิจารณ์ที่ใช้คำว่า "Human zoo" ซึ่งบางคนมองว่าเป็นการนำเสนอคนงานในลักษณะเหมือนสัตว์ในสวนสัตว์ โดยระบุว่า "เรามองว่าคำว่า Human zoo เป็นคำที่แสดงถึงความคิดตื้นเขินและมองทุกอย่างเหมารวม ซึ่งเป็นการย่ำยีหัวใจของคนที่ทำงานอยู่ในสถานที่นั้นๆ พวกเขามีเกียรติและศักดิ์ศรี ต้องได้รับการเคารพในวิถีชีวิตของพวกเขา" ดร.สุวดี กล่าว

นอกจากนี้ ดร.สุวดี ยังได้ยกตัวอย่างส่วนตัวว่า "คุณยายของเราก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานยาสูบ ทั้งคัดและแยกใบยา ซึ่งทำให้เรานึกถึงความทรงจำในวัยเด็กที่เคยไปวิ่งเล่นในโรงงานยาสูบ"

ดราม่าดังกล่าวยังคงเป็นที่ถกเถียงในสังคมไทย ว่าการเปิดเผยวิถีชีวิตของคนงานในลักษณะนี้ควรได้รับการเคารพและเข้าใจอย่างไร เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถเห็นคุณค่าและความหมายที่แท้จริงจากการเปิดพื้นที่ให้เรียนรู้วิถีชีวิตในชุมชน