นายกฯยังไม่ปรับครม.-รอศอฉ.สรุปฝึกอาวุธ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี รวมถึงการปรับคณะรัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ส่วนกระแสข่าวปรับ ครม. ช่วงเดือน พ.ย. นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่การปรับ ครม. จะต้องดูตามผลงานใช้หลักประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งขณะนี้ถือว่าผลงานเป็นที่น่าพอใจมาก ขณะที่กลุ่ม นปช. จะยื่นร้องต่อเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ที่จะเดินทางมาประเทศไทย ในวันที่ 26 ต.ค.นี้นั้น ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะที่ผ่านมา UN ได้ติดตามสถานการณ์ในประเทศไทยมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า จะรอดูความชัดเจนของแนวทางการกำหนดทิศทางของ ศอฉ. เกี่ยวกับกรณีคนฝึกอาวุธ ในประเทศกัมพูชาในช่วงเย็นวันนี้ เพื่อเป็นข้อมูล ก่อนที่จะมีโอกาสพบกับสมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม. ว่า ที่ประชุม ครม. ได้มีการพิจารณาปัญหาเรื่องค่าเงินบาทและมีมาตรการ ซึ่งเป็นเรื่องของการที่จำกัดการไหลเข้าเงินทุน อำนวยความสะดวกการไหลออก และมีมาตรการในการช่วยเหลือสภาพคล่อง และการประกันความเสี่ยง จากอัตราแลกเปลี่ยน สำหรับธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม ซึ่งก็ถือเป็นแนวทางของรัฐบาล ที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการ จากการที่ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลไม่มีแนวคิดที่จะใช้ระบบการกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน แต่เป็นการพิจารณา เพื่อบรรเทาป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม ที่เป็นผู้ส่งออก

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า แต่เป็นแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการ
แข็งค่าของเงินบาท ทั้งนี้ คิดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจค่าเงินบาท คงจะไม่อ่อนตัวลงไปกว่านี้ ในระยะเวลาอันสั้น เพราะฉะนั้นการส่งสัญญานที่ถูกต้อง คือ การที่ให้ทั้งภาครัฐและเอกชน เล็งเห็นว่า เมื่อบาทแข็ง จะต้องปรับแนวทางการบริหารของอย่างไร ซึ่งในส่วนของภาครัฐ ก็ได้ดำเนิการในการบริหารหนี้ รวมถึงจะต้องมีการส่งเสริมหรือส่งสัญญานให้มีการเร่ง ในเรื่องของการปรับตัว ถ้าหากจะมีการนำเข้าเครื่องจักร หรือ เทคโนโลยีใหม่ ส่วนมาตรการที่ออกไป อาจจะมีผลให้เงินทุนซึ่งไหลเข้ามา ในปริมาณมาก มีการชะลอตัวลงบ้าง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการทางด้านภาษี เพื่อช่วยเหลือผลกระทบจากค่าเงินบาทนั้น ทางกระทรวงการคลัง จะเป็นผู้เสนอเรื่องของการนำเข้ามาอีกครั้งว่า จะใช้มาตรการใด เท่าที่คุยกับ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดว่า ประมาณ 2 สัปดาห์ จะเสนอเข้ามา