ผบ.ตร.ดูความพร้อมซ้อมแผนรับเหตุระเบิด

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ได้เดินทางออกตรวจพื้นที่ในส่วนของ กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีการเผชิญเหตุ ซึ่งเป็นการจำลองเหตุการณ์ระเบิด ในพื้นที่ บก.น.1-9 โดยได้เดินทางไปตรวจสอบการจำลองเหตุการณ์ 2 แห่ง คือ บริเวณด้านหน้า กระทรวงกลาโหมและบริเวณวงเวียนใหญ่ พล.ต.อ.วิเชียร เปิดเผยว่า วันนี้ได้ออกตรวจพื้นที่เผชิญเหตุเพื่อจำลองว่า หากเกิดเหตุระเบิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในแต่ละพื้นที่มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน โดยไปดูการได้จำลองเหตุการณ์ ใน 2 จุด ซึ่งแต่ละจุดเป็นการซักซ้อมความเข้าใจ และหากเกิดเหตุจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมีความพร้อมในการคลี่คลายสถานการณ์ได้ดีเพียงใด และจะทำการออกตรวจพื้นที่ในลักษณะนี้ไปอีกสักระยะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตื่นตัว ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่ผ่านมานั้น เป็นการสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองวุ่นวาย
สำหรับ วันนี้ได้มีการจำลองเหตุการณ์ระเบิดในหลายพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล อาทิ สะพานควาย กระทรวงกลาโหม ห้างซีคอนสแควร์ ปั๊มน้ำมันเชลล์ ย่านคลองเตย โรงแรมแกรนไชน่า แยกราชวงศ์ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 55 วงเวียนใหญ่ และหมู่บ้านกฤษดานครอินทร์ 5 ถนนประชาร่วมใจ
ด้าน พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง กรณีเกิดเหตุการณ์ระเบิดบ่อยครั้งในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุหลายเรื่อง ไม่ใช่เรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว ซึ่งหน่วยงานข่าวได้แจ้งเตือนมาตลอด ส่วนกรณีที่ระบุว่า มีกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง เรื่องดังกล่าวนั้น เป็นกลุ่มที่ไม่ต้องการเห็นการปรองดอง 5-6 คน ขณะนี้ เจ้าหน้าที่มีข้อมูลบางส่วน แต่ยังไม่ชัดเจน ถึงขั้นที่จะนำหลักฐานมาเอาผิดได้ และได้เฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด
ส่วนการที่ อธิบดี ดีเอสไอ ออกมาระบุว่า จะเกิดเหตุระเบิดดังกล่าวถึงสิ้นปีนั้น ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าว อาจมีขึ้นจริง แต่คงไม่นานถึงสิ้นปี เพราะจากการข่าว และมาตรการการป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้มงวดขึ้น จึงเชื่อว่า จะไม่นานถึงสิ้นปีส่วนมาตรการปล่อยม้า ของ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จะตรวจการปฏิบัติงานดูแลแต่ละพื้นที่นั้น เชื่อว่าจะได้ผล ไม่เพียงแต่เรื่องระเบิดป่วนเมืองต่างๆ แต่จะช่วยลดคดีอาชญกรรมต่างๆ ได้ด้วย และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เอง ก็ไม่หนักใจ หรือ ท้อแท้ เพราะถือว่าเป็นงานที่ตำรวจต้องเร่งแก้ไข เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ประวุฒิ ยังกล่าวว่า หาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดใดแล้ว เกิดมีการปฏิบัติงานยังไม่เต็มที่ ก็จะมีการตักเตือน และมาตรการดังกล่าว ไม่ใช่การจับผิด ตำรวจด้วยกันเอง แต่เป็นการกวดขัน ซึ่งหากพบว่า พื้นที่ใด ปล่อยปละละเลยและเมื่อตักเตือนแล้ว ยังไม่มีการปรับปรุง ก็ต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลัง ที่ได้ลงตรวจพื้นที่ ในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา พบว่าทุกหน่วยงานมีความพร้อมกันมากขึ้น จึงได้สั่งกำชับให้หน่วยงาน ต่างๆ ร่วมถึงเจ้าหน้าที่กองเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เข้าตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุอย่างทันท่วงที หากพบวัตถุต้องสงสัย หรือภายหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้น ก็จะต้องลงตรวจสอบต่อไปอีกระยะ เพราะทำให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และสถานีตำรวจนครบาล แต่ละท้องที่มีความรู้ความเข้าใจ พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้วย ต่อข้อถามของสื่อมวลชนที่ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่างเฝ้าประกบกลุ่มคนต้องสงสัยจำนวน 5-6 คน นั้น เป็นกลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศ หรือภายในประเทศ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหวโดยทั่วไป ก่อนเดินจากไปทันที
สำหรับ วันนี้ได้มีการจำลองเหตุการณ์ระเบิดในหลายพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล อาทิ สะพานควาย กระทรวงกลาโหม ห้างซีคอนสแควร์ ปั๊มน้ำมันเชลล์ ย่านคลองเตย โรงแรมแกรนไชน่า แยกราชวงศ์ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 55 วงเวียนใหญ่ และหมู่บ้านกฤษดานครอินทร์ 5 ถนนประชาร่วมใจ
ด้าน พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง กรณีเกิดเหตุการณ์ระเบิดบ่อยครั้งในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุหลายเรื่อง ไม่ใช่เรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว ซึ่งหน่วยงานข่าวได้แจ้งเตือนมาตลอด ส่วนกรณีที่ระบุว่า มีกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง เรื่องดังกล่าวนั้น เป็นกลุ่มที่ไม่ต้องการเห็นการปรองดอง 5-6 คน ขณะนี้ เจ้าหน้าที่มีข้อมูลบางส่วน แต่ยังไม่ชัดเจน ถึงขั้นที่จะนำหลักฐานมาเอาผิดได้ และได้เฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด
ส่วนการที่ อธิบดี ดีเอสไอ ออกมาระบุว่า จะเกิดเหตุระเบิดดังกล่าวถึงสิ้นปีนั้น ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าว อาจมีขึ้นจริง แต่คงไม่นานถึงสิ้นปี เพราะจากการข่าว และมาตรการการป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้มงวดขึ้น จึงเชื่อว่า จะไม่นานถึงสิ้นปีส่วนมาตรการปล่อยม้า ของ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จะตรวจการปฏิบัติงานดูแลแต่ละพื้นที่นั้น เชื่อว่าจะได้ผล ไม่เพียงแต่เรื่องระเบิดป่วนเมืองต่างๆ แต่จะช่วยลดคดีอาชญกรรมต่างๆ ได้ด้วย และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เอง ก็ไม่หนักใจ หรือ ท้อแท้ เพราะถือว่าเป็นงานที่ตำรวจต้องเร่งแก้ไข เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ประวุฒิ ยังกล่าวว่า หาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดใดแล้ว เกิดมีการปฏิบัติงานยังไม่เต็มที่ ก็จะมีการตักเตือน และมาตรการดังกล่าว ไม่ใช่การจับผิด ตำรวจด้วยกันเอง แต่เป็นการกวดขัน ซึ่งหากพบว่า พื้นที่ใด ปล่อยปละละเลยและเมื่อตักเตือนแล้ว ยังไม่มีการปรับปรุง ก็ต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลัง ที่ได้ลงตรวจพื้นที่ ในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา พบว่าทุกหน่วยงานมีความพร้อมกันมากขึ้น จึงได้สั่งกำชับให้หน่วยงาน ต่างๆ ร่วมถึงเจ้าหน้าที่กองเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เข้าตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุอย่างทันท่วงที หากพบวัตถุต้องสงสัย หรือภายหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้น ก็จะต้องลงตรวจสอบต่อไปอีกระยะ เพราะทำให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และสถานีตำรวจนครบาล แต่ละท้องที่มีความรู้ความเข้าใจ พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้วย ต่อข้อถามของสื่อมวลชนที่ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่างเฝ้าประกบกลุ่มคนต้องสงสัยจำนวน 5-6 คน นั้น เป็นกลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศ หรือภายในประเทศ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหวโดยทั่วไป ก่อนเดินจากไปทันที