อภิปรายยังเอื่อย ผ่านไปกว่า 7 ชั่วโมง ยังวนมาตรา 3 ขณะที่เพื่อไทยจวกรัฐตั้งงบรีดภาษีเพื่อหาเสียง ประธานในที่ประชุมกำชับให้กระชับเวลาในการอภิปราย
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ช่วงบ่าย ยังคงอภิปราย มาตรา 3 ภาพรวมของงบประมาณ จำนวน 2.07 ล้านล้านบาท ซึ่งฝ่ายค้าน ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสในการจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงที่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ดูแล
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอปรับลดงบประมาณลงร้อยละ 5 เนื่องจากเห็นว่าการจัดสรรงบประมาณ 2.07 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลไม่เหมาะสม มีลักษณะ "งบรีดภาษีเพื่อหาเสียง" คือการรีดภาษีจากประชาชน เช่นภาษีน้ำมัน มาใช้จ่ายในเรื่องที่ไม่จำเป็น มีงบประมาณฟุ่มเฟือยจำนวนมาก และมีความไม่ชอบมาพากลในการจัดสรร หรืออาจมีการโกงอย่างมโหฬารเกิดขึ้น นอกจากนี้ งบประมาณในส่วนของกองทัพบก 7 หมื่นล้านบาท มีการส่งเอกสารเข้ามาในกรรมาธิการงบฯ จำนวนมาก และผ่านการพิจารณาของกรรมาธิการอย่างรวดเร็ว หลังเปิดประชุมกรรมาธิการเพียง 5 นาที ซึ่งตนเองเข้าร่วมประชุมไม่ทัน และยังไม่ได้อ่านหรือตรวจสอบข้อมูลเอกสารเลย
นายสุวโรช พะลัง ส.ส. สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณฯ ชี้แจงต่อที่ประชุมโดยยืนยันว่าไม่มีการซื้อขายงบประมาณ และงบปี 2554 ยังไม่มีผลทางกฎหมาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการลงทุนซื้อขาย อย่างไรก็ตาม หากใครมีหลักฐานก็สามารถฟ้องร้องได้ ยืนยันการดำเนินการทุกอย่างมีความโปร่งใส และพร้อมรับการตรวจสอบ
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าขอปรับลดงบประมาณลงร้อยละ 1 หรือประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท เพราะเห็นว่างบประมาณที่ตั้งขึ้นไม่เหมาะสม กระจุกตัวในบางโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน แต่เป็นประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาลเอง จึงไม่ขอสนับสนุนการจัดงบประมาณครั้งนี้
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณบางส่วนไม่เป็นธรรม เป็น 2 มาตรฐานมีการตั้งและกระจายงบประมาณไม่เหมาะสม บางโครงการงบประมาณในส่วนที่จำเป็นบางอย่างถูกตัดลดลงเช่น งบประมาณท้องถิ่น ถือเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ซึ่งปัญหาขณะนี้คือเรื่องจัดเก็บภาษีไม่เป็นธรรม สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม ดังนั้น รัฐบาลต้องทำระบบให้มั่นคง ต้องไปจัดการเรื่องการจัดเก็บภาษีใหม่ เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นมีส่วนทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในสังคม เพราะประชาชนไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณฯ ในส่วนของมาตรา 3 ซึ่งเป็นภาพรวมของการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ได้ใช้เวลามากกว่า 7 ชั่วโมง ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลา 16.30 น. แต่ยังไม่สามารถลงมติได้ ทำให้นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวเรียกร้องให้ประธานในที่ประชุมควบคุมเวลา และเรียกร้องไปยังพรรคฝ่ายค้าน ให้อภิปรายอยู่ในกรอบ ทำให้นายสามารถ แก้วมีชัย และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งสลับกันทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้กำชับให้ ส.ส.อภิปรายอยู่ในกรอบโดยเฉพาะเรื่องงบประมาณเท่านั้น