นายธนาคารคาด ธปท.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ส.ค.นี้

นายธนาคารคาด ธปท.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ส.ค.นี้

นายธนาคารคาด ธปท.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ส.ค.นี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในเดือน ก.ค.นี้ คงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เชื่อว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือน ก.ค.นี้ คงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากต้องการติดตามดูตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ให้มีความมั่นใจก่อน แต่มีความเป็นไปได้ที่ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ส.ค.นี้ จากการที่เศรษฐกิจไทยยังโตอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วตลอดทั้งปีคาดว่า กนง.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% จาก 1.25% ในปัจจุบัน เป็น 2% โดยเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์อัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับสภาพคล่อง และการแข่งขันในตลาดเป็นหลัก โดยหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก็เชื่อว่าจะปรับขึ้นไม่มากนักในปีนี้

ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการส่งออกของประเทศที่ยังขยายตัวได้ดีอยู่เป็นสำคัญ โดยในไตรมาส 1 ปีนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เศรษฐกิจโต 12% ถือว่าสูงมากในรอบ 15 ปี ซึ่งมาจากฐานที่ต่ำและเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี ส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของไทยในปีนี้อยู่ที่ 4-4.5% จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสจะขยายตัวได้สูงสุดถึง 6% มาจากผลกระทบของวิกฤตหนี้ในยุโรป และปัจจัยทางการเมือง ทั้งนี้ผลกระทบของวิกฤติการณ์ในยุโรปอาจมีผลกระทบทางอ้อมต่อการค้าขายของประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งมีผลกระทบต่อสหรัฐ ซึ่งจะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกเป็นไปอย่างไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลง เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและการลงทุน ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง และกรณีการระงับโครงการมาบตาพุด ทำให้คาดว่าปีหน้าจีดีพีจะขยายตัวประมาณ 3-4%

"เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 น่าจะหดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ แต่หากเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อนเศรษฐกิจจะยังขยายตัวได้ในระดับไม่สูงนักขณะที่ในครึ่งปีหลัง มองว่าเศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากครึ่งปีแรก และ ณ จุดนี้จนถึงสิ้นปี โดยภาพรวมไม่น่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเหมือนในเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนปัญหาหนี้สินที่ลุกลามในสหภาพยุโรปน่าจะมีผลกระทบบ้าง ซึ่งผลกระทบทางตรงไม่น่ามากนัก เพราะไทยส่งออกไปยุโรปประมาณ 10% กว่า" นายประสาร กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook