เด็กไทยเจ๋ง! กวาดแชมป์หุ่นกู้ภัยโลกสมัยที่ 5 คว่ำญี่ปุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานจากการแข่งขันเวิลด์โรโบคัพ 2010 ณ ซันเทค สิงคโปร์ อินเตอร์เนชั่นแนล คอนเวนชั่น แอนด์ เอ็กซ์ซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นรอบชิงชนะเลิศในทุกประเภทการแข่งขัน ว่า ทีมจากประเทศไทยทั้ง 3 ทีม ประกอบด้วย ทีมไอราป_โปร จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทีมบาธแล็ป จากมหาวิทยาลัยมหิดล และ ทีมซักเซส จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา ทำคะแนนได้ดีจนผ่านเข้ารอบไปชิงชนะเลิศกันเอง ทำให้หลายชาติชื่นชมในความสำเร็จของเยาวชนไทย

นางวีนัส อัศวสิทธิถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานสื่อสารองค์กร เอสซีจี ในฐานะผู้สนับสนุนการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัย ร่วมกับสมาคมวิชาการหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทีมเยาวชนไทย iRAP_PRO มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สามารถคว้าแชมป์โลกหุ่นยนต์กู้ภัยได้อย่างสมศักดิ์ศรีเป็นปีที่ 2 นับเป็นการรักษาแชมป์โลกให้ประเทศไทยได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 5 ในเวทีหุ่นยนต์กู้ภัยระดับโลก โดย ทีมไอราป_โปร จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำคะแนนนำตลอดทุกรอบการแข่งขัน รวม 740 คะแนน ส่วนทีมบาธแล็ป จากมหาวิทยาลัยมหิดล  และทีม ทีมซักเซส จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา  มีคะแนนรวมเท่ากัน 530 คะแนน ครองอันดับ 2 ร่วมกัน ทีม CASualty จากประเทศออสเตรเลีย ตามมาเป็นอันดับ 4 พร้อมคว้ารางวัลพิเศษหุ่นยนต์อัตโนมัติยอดเยี่ยม และหุ่นยนต์บังคับมือยอดเยี่ยม สำหรับทีม PELICAN UNITED จากประเทศญี่ปุ่น ครองอันดับ 5 พร้อมคว้ารางวัลเทคนิคยอดเยี่ยม เอสซีจีรู้สึกยินดีและชื่นชมในความสามารถของเด็กไทยอย่างยิ่ง ความสำเร็จในครั้งนี้ ทำให้ต่างชาติทึ่งและยอมรับในความสามารถของเยาวชนไทยมากขึ้น

 รศ.ดร.อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา กล่าวว่า การสนับสนุนทีมเยาวชนของมหาวิทยาลัยเข้าแข่งขันในระดับโลก เป็นปีแรก และสามารถนำทีมผ่านมาถึงรอบรองชนะเลิศได้ถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง จุดประสงค์ของมหาวิทยาลัยที่ผลักดันเยาชนเพื่อเปิดโอกาสให้รับรู้ประสบการณ์จริงและได้เรียนรู้จากการแข่งขัน ซึ่งยอมรับว่าโอกาสของเยาวชนไทยยังมีน้อย เพราะยังขาดการสนับสนุนอย่างจริงจัง จึงเรียกร้องให้ภาครัฐและเอกชนเข้ามาช่วยสนับสนุนเพื่อผลักดันเยาวชนไทยหันมาประดิษฐ์หุ่นยนต์ที่มีคุณภาพมาใช้งานได้จริง

ด้าน รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทีมหุ่นยนต์เยาวชนไทยยังทำคะแนนได้ดี สามารถค้นหาผู้ประสบภัยได้เกือบครบในแต่ละรอบ ซึ่งคาดว่าในรอบรองชนะเลิศจากทุกทีมน่าจะมีการนำเทคนิคพิเศษมาใช้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ยอมรับว่าทีมจากประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอิหร่าน เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว โดยมีข้อได้เปรียบที่มีแผนที่ 3 มิติ และหุ่นยนต์อัตโนมัติ แม้หุ่นยนต์ของเยาวชนไทยจะไม่สามารถสู้ได้ แต่ก็มีข้อดีที่หุ่นยนต์มีสมรรถนะที่ดี สำหรับกติกามีการปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งทีมเยาวชนไทยก็ได้ปรับปรุงซอฟต์แวร์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน จึงมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ