แม่ตกใจ ค่าห่อปกหนังสือเรียน 600 บาท มากกว่าค่าแรงทั้งวัน คนแฉร้านดังในตำนาน

แม่ตกใจ ค่าห่อปกหนังสือเรียน 600 บาท มากกว่าค่าแรงทั้งวัน คนแฉร้านดังในตำนาน

แม่ตกใจ ค่าห่อปกหนังสือเรียน 600 บาท มากกว่าค่าแรงทั้งวัน คนแฉร้านดังในตำนาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่ตกใจ ค่าห่อปกหนังสือเรียนลูก 600 บาท มากกว่าค่าแรงทั้งวัน คนแฉร้านดังในตำนาน ถ่ายเอกสาร 2 แผ่น 100

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กใน กลุ่มประชานิเวศน์3 ได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังเพจกล้าที่จะก้าว ว่าร้านขายเครื่องเขียนห่อปกหนังสือเด็กนักเรียน ป.3 จำนวน 19 เล่ม ราคา 600 บาท และยังมีเรื่องการถ่ายเอกสารที่ราคาแพงมาก ซึ่งร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนแห่งนี้ตั้งอยู่ หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี 

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 16 พ.ค.67 นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว พร้อมด้วย น.ส.ไอยณัชกาญจน์ อายุ 38 ปี ผู้เป็นแม่ และ นางสุพรรษา ยายของนักเรียนหญิง ป.3 เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ นายจักรพันธ์ ระงับ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี และเจ้าหน้าที่ สคบ.จ.นนทบุรี โดยนำหลักฐานรูปภาพหนังสือที่ห่อปก สลิปการโอนเงิน และหลักฐานข้อความรูปภาพจากผู้ปกครองนักเรียน โดยให้ดำเนินการตรวจสอบร้านขายเครื่องเขียนดังกล่าว

น.ส.ไอยณัชกาญจน์ อายุ 38 ปี แม่นักเรียนหญิง ป.3 เปิดเผยว่า ตนได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปที่เพจ เป็นเรื่องที่ลูกสาวได้เอาหนังสือมาห่อปกพลาสติกที่ร้านแห่งนี้ แต่พบว่าราคาค่อนข้างสูง เพราะตนพอจะทราบราคาของร้านอื่นอยู่บ้างว่าราคาเท่าไหร่ พอได้ยินว่าราคา 600 บาทตกใจว่ามันแพงมาก ซึ่งลูกสาวนำหนังสือเรียนมาจำนวน 19 เล่ม มาห่อปกเมื่อ 2 วันก่อน ตนได้พยายามต่อรองราคาแต่เขาไม่สนใจ พอตนนำเรื่องราวไปโพสต์ในกลุ่มชุมชนพบว่ามีความคิดเป็นเข้ามาแสดงจำนวนมาก ว่าร้านนี้ขึ้นชื่อ เป็นร้านในตำนาน แต่ละคนโดนค่าถ่ายเอกสารแพง 2 แผ่น 100 บาท โดนค่าเปิดคอมพิวเตอร์ถ้าจะปรินต์งานเพิ่มอีก แต่ละครั้งราคาไม่ตายตัว ซึ่งเมื่อคนที่จะมาทำถามราคาก่อนทางร้านจะไม่บอกว่าราคาเท่าไหร่ เขาจะบอกราคาทีหลัง แต่เมื่อทำไปแล้วพอร้านบอกราคามาก็ต้องจ่ายเงิน ซึ่งเรื่องนี้มีคนโพสต์มาตลอด เคยร้องเรียนแล้ว เคยแจ้งตำรวจแล้ว ร้านนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม

หลังจากนี้ตนจะไปแจ้ง สคบ.เพื่อให้มีการตรวจสอบว่าราคาที่เก็บกับเด็กนักเรียนเหมาะสมหรือไม่ ไม่อยากให้คนอื่นๆ ต้องมาโดนแบบนี้ อยากให้หน่วยงานลงมาแก้ปัญหาตรงนี้ เพราะว่าตรงนี้เป็นโซนที่ขายเครื่องเขียนให้เด็กนักเรียน ถือว่าเป็นโซนใหญ่ในชุมชนนี้ มีคนมาใช้บริการจำนวนมาก เด็กนักเรียนมาใช้บริการเยอะเพราะใกล้โรงเรียน

นางสุพรรษา ยายของนักเรียนหญิง ป.3 กล่าวว่า เมื่อ 2 วันก่อนตนเป็นคนมาเอาหนังสือให้กลานเอง พอเห็นราคา 600 บาท ก็แจ้งแม่เขา ตอนแรกเขายกหนังสือมาให้เป็นสองตั้ง ตั้งเล่มใหญ่คิด 450 บาท และตั้งเล่มเล็กอีก ซึ่งตนบอกว่ารวมสองตั้งมันเกือบ 1,000 บาท มันแพงไปเพราะตนทำงานวันละ 400 บาทไม่มีเงินจ่าย ซึ่งคนขายที่ร้านบอกว่าจะคิดราคาเหมาให้รวมเป็นเงิน 600 บาท ซึ่งตนก็ยังคิดว่าแพงอยู่ดี ซึ่งทางร้านยืนยันว่า 600 บาท ตนจึงให้ร้านแกะพลาสติกที่ห่อปกออก ทางร้านไม่ยอมแกะและบอกว่านั่งทำใช้เวลา 2 วัน ตนยินดีจ่ายค่าแรงทำให้เขา แต่เขาเลือกที่จะยกหนังสือไปเก็บ ตนจึงบอกไปว่าจะแจ้งตำรวจถ้าตกลงกันไม่ได้ และก่อนทำกล่าวได้ถามราคาแล้วแต่ทางร้านไม่แจ้งราคา และคนในชุมชนหลายคนยืนยันว่าเจอแบบเดียวกัน ตนได้ไปถามร้านอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงแต่ลัร้านจะบอกว่า 19 เล่มราคาไม่เกิน 300 บาท ในที่สุดตนต้องโทรหาแม่น้องจนตกลงราคาอยู่ที่ 400 บาท เรื่องนี้ในชุมชนมีการโพสต์วีรกรรมร้านนี้มานานมาก แล้วทำแบบนี้มาตลอด

นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากชาวบ้านในชุมชนประชานิเวศน์ 3 ว่ามีร้านถ่ายเอกสารแห่งหนึ่งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนมัธยมชื่อดัง คิดค่าบริการราคาเกินจริง เช่นราคาถ่ายเอกสารสองแผ่น 100 บาท ห่อปกหนังสือ 19 เล่มราคา 600 บาท ซึ่งร้านที่ตั้งอยู่ติดกันห่อปกหนังสือราคาประมาณ 250 ถึง 300 บาท การคิดราคาเกินจริงแบบนี้เป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ปกครองในช่วงที่นักเรียนเปิดเทอม ไหนจะค่าเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียน ที่ต้องจ่ายต่อคนประมาณ 5,000 ถึง 6000 บาท

นอกจากนี้เด็กนักเรียนที่ต้องรีบทำงานส่งครู ต้องแบ่งเงินค่าขนมมาจ่ายเป็นค่าปรินต์งานเอกสาร สงสารเด็กที่จะต้องอดขนมและก็สงสารผู้ปกครองที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย ตนจึงอยากให้หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบโดยเฉพาะ สคบ. พาณิชย์จังหวัดนนทบุรี เพื่อหาข้อเท็จจริงและใช้ข้อกฎหมายบังคับ เบื้องต้นศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้แล้ว ซึ่งจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ รวมทั้งตรวจสอบประวัติร้านดังกล่าวที่เคยถูกร้องเรียนไว้ก่อนหน้า หากยังทำผิดแบบเดิมจะทำการปรับตามกฏหมายทันที ส่วนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวที่ให้ข้อมูลมาทางเพจ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ สคบ.รวบรวมผู้เสียหายและหลักฐานทั้งหมด โดยจะดำเนินคดีทางกฏหมายที่กระทำผิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook