นปช.ยืนยันไม่ถอยร่นจนถึงแยกสารสินตามที่ รพ.จุฬาฯ เรียกร้อง
แกนนำ นปช.ยืนยนไม่ถอยร่นจนถึงแยกสารสินตามที่ผู้ริหารโรงพยาบาลจุฬาฯเรียกร้อง เพราะแนวกั้นที่ขยับร่นถอยออกมา เป็นไปตามข้อเรียกร้องของฝ่ายตำรวจที่นำโดยผู้บัญชารตำรวจนครบาล ซึ่งผู้ชุมนุมไม่ได้ต่อรองใดๆ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงชี้แจงถึงการเจรจากับตำรวจและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อีกครั้ง หลังโรงพยาบาลจุฬาฯ ต้องการให้เปิดการจราจรจากแยกศาลาแดงไปจนถึงแยกสารสินว่า กลุ่ม นปช.ไม่สามารถขยับแนวกั้นเลื่อนออกมาจนถึงแยกสารสินตามที่ผู้บริหารโรงพยาบาลฯเรียกร้อง เพราะแนวกั้นที่ขยับร่นถอยออกมา เป็นไปตามข้อเรียกร้องของฝ่ายตำรวจที่นำโดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งผู้ชุมนุมไม่ได้ต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งรถยนต์ก็สามารถวิ่งผ่านเข้าออกโรงพยาบาลได้ตามปกติ ดังนั้น คงไม่มีการเจรจาในเรื่องนี้อีก
ส่วนที่ทางแพทย์และพยาบาลเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตำรวจยืนยันจะดูแลความปลอดภัยให้กับบุคลากรของโรงพยาบาล โดยจะนำกำลังตำรวจ 2 กองร้อยเข้ามาดูแล พร้อมตั้งจุดตรวจบริเวณทางเข้าโรงพยาบาล และกลุ่ม นปช.ก็พยายามทำให้เกิดความปลอดภัยต่อทุกฝ่าย รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมเองที่อาจถูกเข้าสลายจากเจ้าหน้าที่ จึงขอให้โรงพยาลบาลเข้าใจในข้อจำกัดของกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า รัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ และ ศอฉ. พยายามนำประเด็นการย้ายผู้ป่วยของโรงพยาบาลจุฬาฯ มาเป็นข้ออ้างในการสร้างความชอบธรรม เพื่อหวังสลายการชุมนุม และกลบข่าวการเสียชีวิตของประชาชนและทหารจากการปะทะกันทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้บริหารโรงพยาบาลอย่านำเรื่องของการปิดเส้นทางจราจรมาเป็นข้ออ้างหรือหวังผลทางการเมือง ทางโรงพยาบาลจุฬาฯ ควรเป็นสถาบันที่มีเกียรติและไม่ควรให้ใครนำไปใช้เป็นข้ออ้างทางการเมือง
นายจตุพร ยังกล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำที่เป็นภัยต่อสถาบันว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยินดี หากรัฐบาลจะนำคดีโอนไปเป็นคดีพิเศษ เพราะข้อกล่าวหาที่ตั้งไว้ หากไม่เป็นไปตามที่กล่าวหา ผู้ที่เกี่ยวข้องจะกลับเป็นจำเลยเสียเอง