สาวพนักงาน รพ.ดัง ข้ามทางม้าลายรถชนดับ พ่อโต้อาถรรพ์อายุ 23 แค่เรื่องบังเอิญในครอบครัว

สาวพนักงาน รพ.ดัง ข้ามทางม้าลายรถชนดับ พ่อโต้อาถรรพ์อายุ 23 แค่เรื่องบังเอิญในครอบครัว

สาวพนักงาน รพ.ดัง ข้ามทางม้าลายรถชนดับ พ่อโต้อาถรรพ์อายุ 23 แค่เรื่องบังเอิญในครอบครัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สาวพนักงาน รพ.ดัง ข้ามทางม้าลายรถชนดับ พ่อโต้อาถรรพ์คนในครอบครัวเสียชีวิตตอนอายุ 23 ติดต่อกันเป็นรายที่ 3 เป็นแค่เรื่องบังเอิญ
จากกรณีเมื่อเวลา 09.20 น.วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ได้รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชนคนเดินเท้าข้ามถนนบริเวณถนนบางกรวย-ไทรน้อย ขาเข้า ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุ ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้ายาริส ทะเบียน 9620 กทม. มีร่องรอยการเฉี่ยวชนหน้าฝั่งขวาของตัวรถ ได้รับความเสียหาย โดยมี น.ส.กัลยา อายุ 46 ปี เป็นผู้ขับขี่ และพบ น.ส.ณัฐพัชร์ อายุ 23 ปี ได้รับบาดเจ็บอยู่เกาะกลางถนน ก่อนเจ้าหน่าที่กู้ภัยนำตัวส่ง รพ.กรุงไทยเวสเทิร์น  หลังจากนั้น น.ส.ณัฐพัชร์ ก็ได้เสียชีวิตลง
 
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นางสาวณัฐภัชร์ ผู้เสียชีวิต อายุ 23 ปี เจ้าหน้าที่การเงินของ รพ.กรุงไทยเวสเทิร์น สอบถาม นางสุกฤตา  อายุ 53 แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า วันนั้นน้องไปทำงานเข้ากะกลางคืนออกกะตอน 08.00 น.ออกจากที่ทำงาน 09.00 น. เพื่อจะมาขึ้นรถเมล์เลยเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายมาถูกรถชน
หลังเกิดเหตุคู่กรณีไปที่สถานีตำรวจแต่ตนไม่ได้ไปด้วย ตนไปดูลูกที่โรงพยาบาล ทางคู่กรณีได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนลูกจะเสีย ซึ่งก่อนลูกสาวเดินทางออกจากบ้านแล้วไปเสียชีวิต ตนกับลูกได้กินข้าวด้วยกันทุกวัน เวลาออกจากบ้านก็มีการร่ำลากันธรรมดา แต่ลูกสาวได้เดินไปกอดกับพี่สาวก่อนออกจากบ้าน โดยนิสัยของน้องเป็นคนเรียบร้อยไม่ค่อยพูด ขยันทำงานและตั้งใจมาก แม่มีลูก 2 คนน้องที่เสียเป็นคนเล็ก ตอนที่เห็นคลิปตนรับไม่ได้ ตอนนี้ยังคงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะลูกสาวเพิ่งเรียนจบกำลังเริ่มต้นชีวิตในวัยทำงาน เก็บเงิน ดูแลเลี้ยงดูครอบครัว

นายไพโรจน์ อายุ 73 ปี พ่อเลี้ยง กล่าวว่า จะรับผิดชอบค่าเสียหายยังไง ลูกของตนทำงานดี เป็นเจ้าหน้าที่การเงินของ รพ.กรุงไทยเวสเทิร์น พูดตรงๆ 10 ล้านบาท ยังไม่คุ้ม แต่ตนไม่ได้เรียกค่าเสียหายขนาดนั้น วันนี้จะเป็นการพูดคุยกันกับทางคู่กรณีที่ สภ.บางบัวทอง ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ส่วนคู่กรณีเมื่อคืนก็มาฟังสวดที่วัดแต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยเจรจากัน มีการมาขอขมาให้อโหสิกรรม ตนยอมอโหสิกรรมให้ แต่เรื่องเยียวยาหรือเรื่องคดีต้องดำเนินไปตามกฎหมาย ตนหวังจะพึ่งพาลูกหลังจากเรียนจบแต่มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เป็นใครก็เสียใจ อนาคตของลูกยังไปอีกไกล

ส่วนประเด็นเลข 23 เป็นอาถรรพ์ตนว่าไม่เกี่ยวเพราะหลานเขาที่เสียมีโรคประจำตัวอยู่แล้วเป็นโรคหัวใจ เพียงแต่มันบังเอิญประจวบเหมาะแค่นั้นแค่อายุ 23 เท่ากัน ตนว่าไม่ต้องไปพูดหรอกเรื่องอาถรรพ์ ถ้าเป็นโรคเดียวกันแล้วอายุ 23 เหมือนกัน มันน่าคิด แต่เคสนี้ลูกสาวเกิดอุบัติเหตุ 100% จึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับอาถรรพ์อะไรเลย ในเรื่องนี้ตนมองว่าถ้าเกิดตรงนี้ไม่ได้ทางม้าลายเป็นคนขับรถปกติคุณเห็นรถเมล์จอดปิคอัพจอด ทางคนชนก็น่าจะคิดว่ามีอะไรสักอย่างเขาถึงชะลอรถ นี่วิ่งมาความเร็วเกินร้อย ที่รับไม่ได้กรณีนี้เหมือนน้องกระต่าย รับไม่ได้จริงๆ ตรงที่น้องข้ามเป็นทางโล่งไม่ได้มีต้นไม้บัง ทำไมคุณถึงชนได้แรงขนาดนี้ 

ส่วนทางด้านนางสมนึก อายุ 63 ปี ป้าของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนอยู่ต่างจังหวัด หลังจากทราบว่าหลานสาวเสียชีวิตจึงเดินทางมาร่วมงานศพที่วัดไผ่เหลือง จ.นนทบุรี ซึ่งหลานสาวคนนี้เป็นน่ารัก เรียบร้อย พูดน้อย ถึงแม้ตนจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตามแต่ก็รักหลานคนนี้มาก ซึ่งหากให้เล่าย้อนไปเมื่อหลายปีที่แล้วตนมีน้องสาวอยู่คนหนึ่งได้เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวเป็นโรครูมาตอยด์ และโรค SLE ในวัย 23 ปี หลังจากนั้นลูกชายตนก็ได้เสียชีวิตในวัย 23 ปี เช่นกัน โดยป่วยเป็นโรคประจำตัวลิ้นหัวใจรั่วตั้งแต่กำเนิด เรียนจบรับปริญญาเรียบร้อย ส่วนหลานสาวคนนี้ก็เสียชีวิตในวัย 23 ปี ซึ่งเป็นอุบัติเหตุต่างจากน้องสาวตนกับลูกชายตน ตอนแรกก็คิดว่าเป็นอาถรรพ์เลข 23 แต่ตนกลับมาคิดทบทวนดูก็คิดว่าไม่น่าเกี่ยวเพราะหลานสาวคนนี้ประสบอุบัติเหตุซึ่งแตกต่างกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่บังเอิญจริงๆ ที่ทั้ง 3 คน มาเสียชีวิตในวัยเดียวกัน ตอนนี้ก็เสียใจมากๆ ก็อยากจะให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กับผู้ที่ขับรถบนถนนวอนอย่าขับรถเร็วประมาทในจุดที่เป็นทางม้าลาย ไม่อยากให้ใครต้องมาสูญเสียบนทางม้าหลายอีกแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook