แม่ไม่สบายใจ ลูกชอบกรีดร้อง-ทำท่าแปลกๆ ตอนทำการบ้าน รู้ต้นเหตุยิ่งปวดใจ

 แม่เอะใจ ลูกสาวทำการบ้านอยู่ในห้อง ชอบกรีดร้องแปลกๆ เปิดประตูไปเห็นท่าทางยิ่งเครียด ถึงกับต้องปรึกษาครู ลูกฉันเป็นอะไร?!

คุณแม่ชาวจีนแบ่งปันเรื่องราวการเลี้ยงลูกสาวที่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก หลังจากมักได้ยินเสียงลูกกรีดร้องขณะทำการบเราในห้อง ซึ่งบทสรุปของเรื่องราวกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้คนในโลกออนไลน์

คุณแม่เล่าว่า เย็นวันหนึ่ง จู่ๆ เธอก็เกิดความคิดอยากแอบดูลูกสาวทำการบ้าน เพราะทุกครั้งที่มักได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาราวกับว่าทั้งห้องสั่นสะเทือน ปรากฏการณ์ประหลาดนี้ทำให้เธอวิตกกังวล ไม่รู้ว่าลูกสาวกำลังมีปัญหาอะไรอยู่หรือเปล่า สุดท้ายจึงตัดสินใจค้นหาความจริงอย่างเงียบๆ

และทันทีที่แอบย่องเข้าไปในห้องก็ต้องตกใจมากๆ เมื่อเห็นการกระทำของลูกสาว ซึ่งมีวิธีการใช้โต๊ะเขียนหนังสือที่เป็น "เอกลักษณ์เฉพาะตัว"  ท่าทางแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ ที่นั่งทำการบ้านตามปกติอย่างสิ้นเชิง เพราะใช้เท้าข้างหนึ่งยืนบนเก้าอี้ และวางเท้าอีกข้างลงบนโต๊ะ ในขณะนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังและเร่งรีบ

หลังจากเห็นภาพแปลกๆ นี้ คนเป็นแม่เริ่มสงสัยว่าลูกมีปัญหาที่โรงเรียนหรือไม่ ผลการเรียนแย่ลงหรือเปล่า และที่ร้ายแรงกว่านั้นเธอเริ่มกังวลว่าลูกสาวอาจถูกรังแกที่โรงเรียน ดังนั้น ในวันรุ่งขึ้นเธอจึงตัดสินใจเดินทางไปที่โรงเรียนเพื่อพูดคุยกับครูประจำชั้นเกี่ยวกับปัญหานี้

• ซักที่นอนลูก 3 ขวบ เอะใจไส้ในหาย ลูกเล่าซื่อๆ แต่แม่น้ำตาไหล วิธีแกล้งหลับหนีครูลงโทษ
• ลูก 5 ขวบตีกับเพื่อน พ่อจับปรับทัศนคติ ไม่เถียงแต่ยอมรับแบบ "คนโตๆ" แม่ขำไหล่สั่น

อย่างไรก็ตาม ครูประจำชั้นยืนยันว่าลูกสาวของเธอเรียนได้ดีมาก คะแนนอยู่ในอันดับต้นๆ ของชั้นเรียนเสมอ และเข้ากับเพื่อนๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา ในเวลานี้คนเป็นแม่รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขอให้ครูดูการบ้านซึ่งอาจพบต้นเหตุของท่าทางแปลกๆของลูกสาว แต่ก็พบเพียงความเป็นระเบียบเรียบร้อยของลายมือ และการเขียนคำตอบที่เฉลียวฉลาดของเด็กหญิง

สุดท้ายเมื่อไม่พบต้นตอปัญหา แม่จึงตัดสินใจเล่าให้ครูประจำชั้นฟังเกี่ยวกับการกระทำแปลกๆ ของลูกสาวที่บ้าน หลังจากได้ยินเรื่องราวนี้ ครูประจำชั้นก็รู้สึกสับสนมากตามไปด้วย จึงคอยช่วยสังเกตเด็กหญิงขณะอยู่ที่โรงเรียนอย่างรอบคอบ เพื่อเปรียบเทียบว่าได้ทำอะไรแปลกๆ หรือไม่?

กระทั่งผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ ครูประจำชั้นสังเกตเห็นเพียงแค่ว่า เด็กหญิงมีความเอาใจใส่ในชั้นเรียนมาก มีทัศนคติที่จริงจังและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในตอบคำถามบทเรียน เธอนัดผู้ปกครองเพื่อให้ทราบ ทั้งคู่ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กถึงมีท่าทางเช่นนั้นในตอนทำการบ้าน?

จากนั้นครูประจำชั้นยังคงลองคิดถึงสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นไปได้ ลองไปตรวจสอบที่นั่งของเด็กหญิงในชั้นเรียน  และสังเกตได้ว่าสิ่งที่เธอเห็นในคลิปวิดีโอที่แม่ของเด็กบันทึกไว้นั้น แตกต่างไปจากนิสัยการนั่งเขียนหนังสือที่โรงเรียนของเด็กอย่างสิ้นเชิงเธอยังคงค่อยๆ พิจารณาต่อไปกระทั่งได้คำตอบที่แน่ใจ…

ปรากฎว่าปัญหาอยู่ที่ “ท่านั่ง” ที่ไม่สบายตัว เหตุผลที่เด็กหญิงวางเท้าบนโต๊ะที่บ้าน ก็เพราะเก้าอี้ที่บ้านแตกต่างจากเก้าอี้ในชั้นเรียน ทั้งไม่แข็งแรงพอ อึดอัด และไม่มีที่วางแขน นั่นเป็นสาเหตุเด็กมีกระทำการแปลกๆ เพื่อรักษาสมดุลของร่างกายตนเอง

หลังจากรับทราบปัญหาแล้ว ผู้เป็นแม่รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่เข้าใจลูกสาวของตนผิด และไม่เอาใจใส่และเข้าใจความต้องการของเธออย่างรอบคอบ สุดท้ายเธอจึงพูดคุยกับลูกสาว แสดงความปรารถนาที่จะซื้อเก้าอี้ที่เหมาะสรีระของเด็กในวัยนี้ เพื่อที่ลูกจะได้มีสมาธิกับการทำการบ้านได้ดีขึ้น จากนั้นเป็นต้นมา ลูกสาวกผมได้เรียนรู้อย่างมีความสุขและสะดวกสบาย

เรื่องราวนี้เตือนผู้ปกครองให้ใช้เวลาใส่ใจความต้องการของลูกๆ ให้มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เด็กไม่ได้รับการตอบสนองอย่างทันท่วงทีและเหมาะสม ซึ่งจะส่งผลเสียต่อพัฒนาการที่ครอบคลุมของเด็ก เช่นกรณีนี้ การเลือกเก้าอี้และโต๊ะให้ลูกก็มีความสำคัญมาก เพราะหากนั่งไม่สบายจนทำให้เด็กนั่งผิดตำแหน่งอก็จะส่งผลเสียต่อระบบโครงกระดูก รูปลักษณ์ภายนอกของเด็ก เป็นต้น