"ปารมี" ร้องสอบครูแนะแนวโรงเรียนดังตบเด็ก ชี้โทษหนักถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต

"ปารมี" ร้องสอบครูแนะแนวโรงเรียนดังตบเด็ก ชี้โทษหนักถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต

"ปารมี" ร้องสอบครูแนะแนวโรงเรียนดังตบเด็ก ชี้โทษหนักถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ปารมี-ก้าวไกล” เรียกร้องตรวจสอบครูตบนักเรียน ชี้ก่อเหตุซ้ำซากหลายครั้ง ป้องกันไม่ให้เกิดการผลิตซ้ำอำนาจนิยมและความรุนแรง

นายปารมี ไวจงเจริญ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ครูแนะแนวในโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านถนนรามคำแหงได้ตบหน้านักเรียน 2 ครั้ง รวมถึงหลายวันก่อนที่มีนักศึกษาของสถาบันระดับอุดมศึกษาย่านปทุมวันเสียชีวิตจากกิจกรรมรับน้องภายในสถาบันถึง 2 รายว่า เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนอำนาจนิยมและความรุนแรงในสังคมไทยฝังรากหยั่งลึกมานานมาก ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผลิตซ้ำอำนาจนิยมและความรุนแรงขึ้นอีก ต้องกำจัดความเชื่อและการกระทำ 2 ประเภทนี้ออกไปจากสังคมไทยให้จงได้ คือ

1.ความรุนแรงระดับความคิด (Psychological Violence) ที่เห็นได้ชัด คือ บุคคลบางกลุ่มในสถานศึกษา เช่น ครูหรือรุ่นพี่ มักมีแนวคิดว่าตัวเองเป็นผู้มีความเหนือกว่า มีอำนาจเหนือกว่านักเรียนหรือรุ่นน้อง เช่น มีอายุมากกว่า, มีสถานะ ตำแหน่งหน้าที่เหนือกว่า หรือมีอำนาจให้คุณให้โทษ ให้คะแนนให้เกรด เป็นต้น บุคคลกลุ่มนี้จึงใช้อำนาจชี้นำ สั่งสอน ควบคุม และใช้ความรุนแรงกับนักเรียน รุ่นน้องให้เป็นไปในแบบที่ตนเองต้องการ หรือทำให้กลัว โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องตามหลักเหตุผลและหลักสิทธิมนุษยชน

 2.ความรุนแรงเชิงกายภาพ (Physical Violence) คือ การลงมือกระทำการทางกายที่ครู รุ่นพี่ ทำโทษนักเรียน รุ่นน้องเกินกว่าเหตุ โดยอ้างเหตุผลที่ผิด อ้างค่านิยมที่ผิด เป็นเหตุผลที่เข้าข้างตัวเอง เป็นค่านิยมยุคเก่าโบร่ำโบราณ เพื่อให้ตัวเองมีอำนาจเข้าไปควบคุมและละเมิดอีกฝ่ายโดยปราศจากการโต้แย้ง ปรากฏให้เห็นในหลายพฤติกรรมซึ่งล้วนเป็นพฤติกรรมที่ผิดทั้งหลักสิทธิมนุษยชนและผิดกฎหมาย เช่น การสั่งให้นักเรียนเรียกครูว่าแม่, การตี, การกร้อนผม, การใช้กรรไกรตัดขากางเกงหรือชายกระโปรงนักเรียน, การบังคับให้กราบ, การประจานหน้าเสาธง, การที่รุ่นพี่บังคับให้รุ่นน้องวิ่งรอบสนามโดยไม่ประเมินศักยภาพทางกายของรุ่นน้อง, การบังคับให้รุ่นน้องกลิ้งตัวบนพื้นถนน, การลงมือทำร้ายร่างกายรุ่นน้องทั้งการต่อย ตี กระทืบ เป็นต้น] นายปารมี ยังเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (เนื่องจากเหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นในโรงเรียนสาธิตซึ่งสังกัดคณะศึกษาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง) ว่า รัฐมนตรีทั้ง 2 คน ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังและอย่างเป็นระบบ โดยเร่งกระบวนการสืบสวนสอบสวนครูที่กระทำผิดคนนี้ให้ได้รับโทษทั้งทางวินัยและทางกฎหมาย รวมถึงเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู โดยไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวก หรือเห็นว่าเป็นครูอาวุโส หรือเป็นครูที่เส้นใหญ่รู้จักคนใหญ่คนโต

นายปารมี ยืนยันว่า เท่าที่ได้ข้อมูลเบื้องต้นมา ครูคนนี้กระทำความรุนแรงต่อนักเรียนหลายครั้ง ทำไมผู้บริหารโรงเรียนจึงปล่อยปละละเลยให้เกิดการกระทำความรุนแรงได้อย่างซ้ำซาก จึงขอถามไปยังผู้บริหารโรงเรียนว่าทำไมถึงไม่ยุติการทำงานของครูคนนี้ตั้งแต่กระทำความรุนแรงครั้งแรก หากครูคนนี้มีปัญหาสุขภาพจิต ทางโรงเรียนก็ควรส่งไปรักษาเสียแต่เนิ่น ๆ ทำไมจึงปล่อยผ่านมาได้ขนาดนี้

 

นอกจากนี้ ยังต้องเร่งเยียวยานักเรียนผู้ถูกกระทำพร้อมทั้งครอบครัวของนักเรียนว่าได้รับผลกระทบร้ายแรงทางร่างกายและทางจิตใจอย่างไรบ้าง เพราะนักเรียนถูกตบจนหน้าหันถึง 2 ครั้งไปขนาดนี้ ร่างกายก็ต้องบาดเจ็บ แต่จิตใจก็ยิ่งบาดเจ็บกว่า ทางโรงเรียนและกระทรวงต้องมีระบบติดตาม ฟื้นฟู และเยียวยาอย่างเร่งด่วน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook