เศรษฐาฟ้องชูวิทย์ ฐานหมิ่นประมาท ทนายชี้ ถึงป่วยใกล้ตาย ก็ไม่ได้แปลว่าพูดความจริง

เศรษฐาฟ้องชูวิทย์ ฐานหมิ่นประมาท ทนายชี้ ถึงป่วยใกล้ตาย ก็ไม่ได้แปลว่าพูดความจริง

เศรษฐาฟ้องชูวิทย์ ฐานหมิ่นประมาท ทนายชี้ ถึงป่วยใกล้ตาย ก็ไม่ได้แปลว่าพูดความจริง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เศรษฐา ฟ้อง ชูวิทย์ หลังแถลงข่าวหมิ่นประมาทปมเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดิน "แสนสิริ" ทนายชี้ ไม่ได้รังแกคนป่วย ถึงจะบอกว่าตัวเองป่วยใกล้ตาย ก็ไม่ได้แปลว่าทุกเรื่องที่พูดจะเป็นความจริง

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หลังนายชูวิทย์กล่าวหาว่า บริษัทแสนสิริ โดย นายเศรษฐา หลบเลี่ยงภาษีจากการซื้อที่ดิน โดยทานายเผยว่า นายเศรษฐา ได้มอบอำนาจให้ตนฟ้องและดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ โดยมีสาระสำคัญว่า

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ทราบอยู่แล้วว่า ในวันที่ 4 สิงหาคม จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา และในวันประชุมรัฐสภาดังกล่าว คาดหมายว่าจะมีการเสนอชื่อ นายเศรษฐา ในฐานะเป็นบุคคลที่สมควรจะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ต่อที่ประชุมรัฐสภาทั้งนี้ นายชูวิทย์ได้จัดแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนและสาธารณชน ที่ โรงแรมเดอะเดวิส สุขุมวิท 24 โดยใช้ชื่อว่า "แฉเพื่อชาติ EP 1" ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ

โดยการป่าวประกาศ ใส่ความนายเศรษฐาต่อหน้าสื่อมวลชวนที่ไปทำข่าว และมีการถ่ายทอดสดเผยแพร่ต่อสื่อออนไลน์ ทั้งสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆ ในลักษณะใส่ความนายเศรษฐาต่อบุคคลที่สาม เพื่อให้ประชาชนบุคคลทั่วไป รวมทั้งสมาชิกรัฐสภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ที่จะต้องลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งบุคคลทั่วไป ที่ได้รับฟังรับชมการแถลงข่าวของนายชูวิทย์ หลงเชื่อและเข้าใจว่า นายเศรษฐาเป็นบุคคลไม่ดี เป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่สมควรที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี

โดยก่อนการแถลงข่าว บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่แถลงการณ์ต่อสาธารณะ หัวข้อ "แสนสิริ ชี้แจงซื้อที่ดินถูกต้องตามหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล" ยืนยันว่าบริษัทยืนยันได้ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล ถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใสและตรอจสอบได้ นายชูวิทย์สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงตามความจริงที่ถูกต้องได้

"ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า นายชูวิทย์มีเจตนา พูดไม่ครบถ้วน ให้ข้อเท็จจริงในลักษณะให้เกิดความเข้าใจผิด และมีวาระซ่อนเร้นที่จะกลั่นแกล้งนายเศรษฐาหรือไม่ การใส่ความนายเศรษฐาให้ประชาชน และสมาชิกรัฐสภาเชื่อว่า นายเศรษฐากระทำผิดกฎหมาย และขัดธรรมาภิบาล เพื่อหวังผลทางการเมือง และไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนอย่างที่นายชูวิทย์กล่าว ซึ่งทางนายเศรษฐาได้ยื่นฟ้องพร้อมเรียกค่าเสียหายจากนายชูวิทย์จากการกระทำละเมิดต่อนายเศรษฐาดังกล่าวเป็นเงินจำนวนห้าร้อยล้านบาทถ้วน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าตำเลยจะชำระเสร็จสิ้นแก่นายเศรษฐา" นายวิญญัติ กล่าว

นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ตนทราบว่านายชูวิทย์กำลังป่วย ตนจึงให้กำลังใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ แต่ที่ต้องฟ้องไม่ใช่การรังแกคนป่วย เป็นคนละเรื่อง เพราะการกระทำของคุณชูวิทย์ เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดกฎหมาย จะใช้สิทธิละเมิดผู้อื่นมิได้ เราทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน หากโดนละเมิดสิทธิ คุณเศรษฐาก็ต้องปกป้องสิทธิของตัวเอง ไม่เช่นนั้น คนทั่วไปและสมาชิกรัฐสภาหรือวิญญูชนย่อมเข้าใจในทางไม่ดีต่อคุณเศรษฐา และยังมีการกล่าวหรือกระทำการให้ร้ายอยู่ต่อไป แม้คุณชูวิทย์จะบอกว่าตัวเองป่วย ใกล้ตาย มีเวลาไม่นาน แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่พูดจะต้องจริง

ทางกฎหมายคือเจตนาใส่ความ เมื่อตนยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาแล้ว อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าคดีอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรนำไปขยายประเด็นหรือใส่ความอีก เพราะจำเป็นต้องมีการฟ้องดำเนินคดีตามสิทธิ์ กล่าวโดยสรุป คุณเศรษฐา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ย่อมอาจถูกตรวจสอบได้ แต่ประชาชนที่รับข้อมูลข่าวสารต้องพึงระวังว่าในข้อมูลนั้น และต้องรอบด้าน ไม่ใช่รีบตัดสินเพื่อเชื่อเลยทีเดียว เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องภาษีและเป็นการดำเนินการตามมาตรการการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรไม่ใช่เรื่องเลี่ยงภาษีหรือทำให้รัฐเสียหาย

ขณะที่ นายชูวิทย์ วันนี้ก็เดินทางมาที่ศาล เพื่อฟังการไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีฟ้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเศรษฐาส่งทนายมาฟ้องตนเอง ระบุว่า

นายเศรษฐา จะยื่นฟ้องดำเนินคดีหมิ่นประมาทตนในวันนี้ รู้สึกขนลุก เพราะตอนนี้ตนมี 21 คดีแล้ว และคดีนี้เป็นคดีที่ตนทำเพื่อชาติบ้านเมือง การที่นายเศรษฐาเสนอตัวเองเป็นนายก ซึ่งเป็นนายทุน ใช้รถไฟความเร็วสูงสาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังจะขึ้นมาเป็นนายก คุณสมบัติของ นายเศรษฐา เป็นสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถตรวจสอบได้ โดยนายกรัฐมนตรีต้องมีความสื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ตามรัฐธรรมนูญ ปี 60 เมื่อมีพฤติการณ์ซ่อนเร้น พฤติกรรมของ นายเศรษฐา เป็นคู่ซื้อ-ขาย เป็นคู่สัญญากันในการซื้อขาย ซึ่งตนเองก็เตรียมปรึกษาทนายความว่าจะฟ้องกลับ นายเศรษฐา ดีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเดียวของนายเศรษฐา ภายในสัปดานี้ตนจะเปิดEP.2 นายเศรษฐา สามารถชี้แจงและออกมาตอบได้ แต่กลับเงียบ ใช้การฟ้องปิดปากแทน วันนี้ช่วงบ่ายตนจะเดินทางไป ปปช. จะเปิดหลักฐานให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ และยื่นกล่าวโทษเจ้าพนักงานที่ดินเขตพระนคร ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยการสนับสนุนจาก บมจ.แสนสิริ และผู้ขายที่ดิน

ทั้งนี้ เรื่องจริยธรรม เอาแค่เป็น สส. ไม่เป็นนายก เสียบบัตรแทนกันก็ติดคุกแล้ว ทั้งที่เป็นเรื่องจริยธรรม ดังนั้น คนเป็นนายกต้องมีจริยธรรม 100% ส่วนที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ออกมาบอกว่า กฎหมายสามารถเลี่ยงได้ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจคำว่าวางแผนภาษี กับการโกงภาษี การวางแผนจะไม่จ่ายภาษี 500 ล้าน โดยมาตกลงกัน ไม่ต้องจ่าย และมีอะไรมาตอบแทนกัน ใช้วิธีโอนทีละวัน วันละคน เรื่องนี้ทำนิติกรรมคนเดียวไม่ได้ ต้องทำหลายคน ยืนยันแบบนี้ผิดกฎหมาย "ถ้ามีสมองหลบเลี่ยงภาษีแบบนี้ แล้วจะเป็นนายกรัฐมนตรีเหรอ ผมกลัวตายเลย" นายชูวิทย์กล่าว

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ ของ เศรษฐาฟ้องชูวิทย์ ฐานหมิ่นประมาท ทนายชี้ ถึงป่วยใกล้ตาย ก็ไม่ได้แปลว่าพูดความจริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook