สาวใจสลาย ผัวขอหย่าหลังคลอดลูกแฝดตายคู่ ครึ่งปีต่อมาช็อกซ้ำ ที่แท้ผัวมีชู้ ลูกยังไม่ตาย!

ทำกันได้ลงคอ สาวใจสลายคลอดลูกแฝดตายคู่ 3 วันต่อมาผัวขอหย่า อยู่กับความทุกข์ครึ่งปีถึงรู้ความจริง ที่แท้ผัวมีชู้มานาน แถมลูกสาวยังไม่ตาย!

ผู้หญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในมณฑลซานตง ประเทศจีน ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธออย่างต่อเนื่อง หลังจากคลอดลูกฝาแฝดก่อนกำหนด จากนั้นได้รับแจ้งว่าเด็กทั้งสองเสียชีวิต ยังไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกได้ ก็ต้องรู้สึกช็อกเมื่อสามีขอหย่าในอีก 3 วันต่อมา อย่างไรก็ดี ไม่ถึงครึ่งปีต่อมาเธอกลับค้นพบความลับที่ไม่อาจยกโทษให้อดีตสามีได้

ตามรายงานพบว่า นางชาน (นามสมมุติ) และนายมิน (นามสมมุติ) รู้จักกันผ่านการแนะนำของคนรู้จัก ทั้งสองตกหลุมรักกันและแต่งงานกัน ชีวิตคู่เป็นไปอย่างดีและมีความสุขตลอด 8 ปี พ่อแม่ของภรรยารักลูกเขยมากๆ และปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นลูกชายของตัวเอง คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา ในบางครั้งนายมินถึงกับพูดติดตลกกับพ่อแม่ของภรรยาว่า "ไม่รู้ว่าลูกแท้ๆ ของพ่อแม่คือใครกันแน่"

ในช่วงแรกที่แต่งงานกันทั้งคู่ไม่รีบร้อนที่จะมีลูก เพราะต้องการสร้างความมั่นคงในอาชีพการงานก่อน อย่างไรก็ดี เมื่อเวลาผ่านไปพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายก็เริ่มรบเร้า หลังจากพิจารณาหลายๆ ด้าน รวมทั้งปัญหาด้านสุขภาพของภรรยา ทั้งคู่จึงตัดสินใจมีลูกโดยวิธีปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF) ด้วยเหตุนี้นางชานจึงตั้งครรภ์ลูกแฝดได้สำเร็จ เป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน

ในช่วงเวลาที่ภรรยาตั้งครรภ์ นายมินคอยดูแลอย่างทุ่มเทและเอาใจใส่มากๆ จนกระทั่งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2562 นางชานปวดท้องคลอดขึ้นมาอย่างกระทันหัน ครอบครัวรีบพาเธอไปโรงพยาบาลและรออยู่นอกห้องฉุกเฉินอย่างใจจดใจจ่อ

เมื่อนางชานฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอถามถึงคือลูกแฝดแรกคลอด แต่สามีกลับบ่ายเบี่ยงและบอกให้ภรรยาของเขาพักผ่อนให้สบาย กระทั่งสามวันต่อมาเธอยังยืนกรานที่จะถามเรื่องลูกซ้ำๆ สามีก็จำต้องแจ้งข่าวที่น่าสะเทือนใจว่าลูกทั้งสองเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากการคลอดก่อนกำหนด เมื่อได้ยินดังนั้นนางชานก็เป็นทุกข์มากจนแทบหมดสติ และเอาแต่โทษตัวเอง

โดยไม่คาดคิดหลังจากนั้นเธอต้องเผชิญกับเรื่องใหม่ที่น่าตกใจอีกครั้ง นั่นคือสามีของเธอที่คบกันมา 8 ปี จู่ๆ กลับมาขอหย่าอย่างกระทันหัน ด้วยความสิ้นหวังเมื่อทุกอย่างพังทลายลงในเวลาเดียวกัน นางชานจึงตกลงที่จะลงนามในเอกสารการหย่าร้างโดยไม่เรียกร้องสิ่งใด หลังจากนั้นนายมินก็ย้ายออกจากบ้านไป

ส่วนนางชานที่ยังไม่สามารถฟื้นฟูสภาพจิตใจได้ตามปกติ ทุกวันเธอขังตัวเองอยู่ในบ้าน จมอยู่ในความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกและเลิกกับสามี ไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงเกิดขึ้นกับเธอ จนกระทั่งเวลาผ่านมาประมาณครั้งปี วันหนึ่ง จู่ๆ เธอก็ได้รับข้อความจากพี่สาวของตัวเอง แจ้งว่าลูกของเธอคนหนึ่งอาจจะยังมีชีวิตอยู่ เธอและแม่รีบไปที่โรงพยาบาลเพื่อค้นหาความจริง พยาบาลผดุงครรภ์แจ้งข้อมูลว่า ลูกชายของเธอเสียชีวิตทันทีหลังคลอด แต่ลูกสาวรอดชีวิตมาได้

นางชานรู้สึกตกใจมากเมื่อได้รู้ความจริงนี้ ไม่นึกว่าลูกของเธอจะยังมีชีวิตอยู่ และยิ่งโกรธและสับสนกับการกระทำของอดีตสามี เพราะเขาเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ดีมาตั้งแต่แรก แต่จงใจโกหกทุกคนว่าเด็กทั้งสองตายแล้ว โดยใช้โอกาสที่พ่อแม่ของนางชานกำลังเป็นห่วงลูกสาว พาทารกตัวน้อยกลับบ้านไปโดยไม่ได้บอกใคร

เธอรีบไปที่บ้านของอดีตสามีเพราะต้องการพบลูกสาวที่เธอไม่เคยเห็นหน้า แต่ก็ไม่สามารถพบลูกสาวได้อย่างใจหวัง ทำได้เพียงยืนร้องไห้อย่างขมขื่นอยู่หน้าประตูบ้าน ดังนั้นเธอจึงต้องขอความช่วยเหลือจากนักข่าวเพื่อกดดันให้นายมินออกมาชี้แจง ซึ่งทันทีที่พบหน้ากันเธอก็ถึงกับวิ่งไปตบหน้าอดีตสามีทันที เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงปฏิบัติกับเธออย่างร้านกาจแบบนั้น

ในเวลานี้ แม่ของนายมินก็ปรากฏตัวขึ้น ตะโกนไล่นางอดีตลูกสะใภ้ออกไปจากบ้าน โดยอ้างว่าทั้งสองหย่าร้างกันแล้ว จึงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตของกันและกันอีก ถึงกับโพล่งออกมาว่าตอนนี้นายมินมีภรรยาและลูกอีกคนแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นนางชานก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก หันไปมองอดีตสามีที่เพิ่งหย่าได้ครึ่งปี แต่กลับแต่งงานใหม่และมีลูกแล้ว

กระทั่้งผู้หญิงอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับหน้าท้องโตที่แสดงหลักฐานว่ากำลังตั้งครรภ์ เมื่อเห็นภาพนี้นางชานก็ได้คำตอบของทุกเรื่องทันที่ เพราะผู้หญิงคนนี้คือพนักงานในร้านของเธอและอดีตสามี ดังนั้น จึงคาดเดาได้ว่าทั้งคู่แอบมีความสัมพันธ์กันมานาน และนั่นคงเป็นเหตุผลที่จู่ๆ เธอก็ถูกขอหย่าโดยไม่ทราบเหตุผล

จนกระทั่งถึงตอนนั้น ภายใต้แรงกดดันจากคนรอบข้าง นายมินจึงยอมให้อดีตภรรยาพบกับลูกสาว นางชานรีบรับลูกมาอุ้มไว้แนบอกแน่น และยังคงถามอดีตสามีของเธอว่า "คุณกับเธออยู่ด้วยกันก่อนที่เราจะหย่าร้างกันใช่หรือเปล่า?" แต่อีกฝ่ายไม่กล้าปริปากยอมรับมัน สุดท้ายนางชานจึงตัดสินใจฟ้อง โดยใช้กระบวนการทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในการดูแลลูก และให้อดีตสามีจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร