อนุพงษ์พร้อมผ่าพิสูจน์จีที 200 ยันใช้งานได้จริง

อนุพงษ์พร้อมผ่าพิสูจน์จีที 200 ยันใช้งานได้จริง

อนุพงษ์พร้อมผ่าพิสูจน์จีที 200 ยันใช้งานได้จริง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ส.นิติวิทยาศาสตร์ ยอมรับเครื่องจีที 200 ไม่รับรองผลตรวจร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ช่วยให้หาหลักฐานได้แคบลงก่อนพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ขยายผลทางคดี หมอพรทิพย์ท้าเอ็นจีโอลงพื้นที่ใต้ตรวจสอบ กมธ.มั่นคงฯสภาเตรียมเชิญก.วิทย์ฯ เป็นเจ้าภาพตรวจสอบคุณภาพจีที200

(28 ม.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาเครื่องตรวจวัตถุระเบิด หรือ จีที 200 ว่า เรื่องนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือผู้ที่ใช้ และผู้ที่ต้องการพิสูจน์ทางหลักวิทยาศาสร์ เท่าที่ตนประเมินได้ตอนนี้ซึ่งตนได้มีโอกาสคุยกับ พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ยืนยันว่า จีที 200 ใช้ได้ผล แต่ถ้าหากไม่มีก็จะลำบากในการที่จะทำงาน และเมื่อเช้าได้เรียนกับประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ เพราะท่านเคยเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ถึงตอนที่ทำงานอยู่ว่าเป็นอย่างไร โดยท่านได้อธิบายให้ฟังว่ามันทำงานได้ผล และมีความจำเป็น สรุปว่าผู้ใช้ยืนยันว่าใช้ได้ผล แต่จะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ยังไม่มีใครออกมาวิเคราะห์ แต่มีสถิติว่าไปตรวจแล้วสามารถตรวจค้นเจอวัตถุระเบิด และอีกส่วนหนึ่งคือผู้ที่ทดสอบแบ่งออกเป็น 2 ข้อ คือส่วนหนึ่งได้ทำแล้ว และเมื่อวานที่ไปทดสอบที่คลังสรรพาวุธ คลังแสง 5 จ.ราชบุรี แต่ก็ยังไม่ทราบผลว่าเป็นอย่างไร แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการบอกว่าใช้เครื่องดังกล่าวก็ตรวจเจอ แต่จำนวนเท่าไหร่ไม่ทราบ

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ ข้อ 2. คือบุคคลที่ต้องการไปพิสูจน์ในเชิงวิทยาหรือในแล็ป ถ้าจะทำให้สมบูรณ์จะต้องทำทั้งสองทางว่าทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ไปว่าใช้ได้หรือไม่อย่างไร ถ้าใช้ได้แล้วได้กี่เปอร์เซ็นต์ก็ดีเพราะจะได้ตัดสินใจ ขณะนี้ที่กองทัพทำอยู่ ผู้ใช้มีความต้องการไม่ใช่เพียงกองทัพบก ปปส.ตำรวจ ก็ใช้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกส่วนเขาต้องการหมด ซึ่งตนก็ต้องการทราบเหมือนกันว่าใช้ดีหรือไม่ดี ตนก็มักจะไปถามผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ ซึ่งเขาก็ยืนยันว่าใช้ได้ ทั้งนี้ตนคิดว่าจะต้องพิสูจน์ให้ได้ไม่ว่าจะเป็นในทางปฏิบัติหรือทางวิทยาศาตร์ และมาดูกันว่าจะได้ประโยชน์กับการแก้ไขปัญหาหรือไม่ ถ้าใช้ประโยชน์ได้ก็ได้ ถ้าใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็จะต้องไม่ใช้

เมื่อถามว่า ได้มีการระงับการจัดหาเพิ่มเติม หรือระงับการใช้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ถ้ามีเรื่องเข้ามาคงต้องชะลอไว้ก่อน เพื่อให้มีความแน่ชัดกว่านี้ แต่ขั้นตอนการจัดซื้อก็มีเหมือนกันไม่ใช่คำสั่งของตนจะไปลบทุกอย่างได้จะต้องมีวิธีการ ถ้ามีงบประมาณตั้งไว้แล้ว และประกวดราคาไว้แล้ว ดังนั้นจะต้องไปดูกฎหมายอีก เดี๋ยวจะโดนฟ้องได้ เพราะตนไม่รู้ในรายละเอียด ทั้งนี้หากชะลอได้จะชะลอก่อน อย่างไรก็ตาม การชะลอเพื่อต้องการให้เกิดความแจ่มชัดก่อนจะได้ไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่า กองทัพบกจะมีการฟ้องร้องกับบุคคลที่ออกมากล่าวโจมตีจนทำให้กองทัพเกิดภาพลักษณ์เสียหายหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบในรายละเอียด โดยเฉพาะในแง่ของกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่าจะเชิญนักวิชาการมาทำความเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่ เพราะขณะนี้สังคมเกิดความสับสนมาก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่อยากตอบเดี๋ยวเป็นประเด็น แต่ถ้าทุกคนมาช่วยเหลือชาติ และนักวิชาการมาทวงตามหลักของเขาว่าไม่น่าจะใช้ได้ แต่ขณะนี้ผู้ใช้บอกว่าใช้ได้ ดังนั้นก็จะต้องหาหนทางพูดคุยกัน ส่วนจะเชิญนักวิชาการหรือไม่เชิญไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะมันเป็นประเด็น เอาเป็นว่าจะต้องมีวิธีทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้

เมื่อถามว่า หากมีการร้องขอให้ผ่าเครื่องมือดังกล่าวกองทัพยินดีที่จะดำเนินการหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าพูดโดยภาพรวมก็จะต้องยอม และเจ้าหน้าที่ที่ยืนยันก็จะต้องโอเค ตนไม่ได้เป็นคนมายืนยันว่ามันใช้ได้ แต่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ภาคเหนือ ภาคใต้ ทั้งหมดเขายืนยันว่าใช้ได้ ไม่ใช่ พล.อ.อนุพงษ์ หรือ กองทัพบก เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเขายืนยันว่าใช้ได้ โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 4 ทั้งในอดีตและปัจจุบันต่างยืนยันว่าใช้ได้ ทั้งนี้หากมีการขอมาตนคิดว่าเหมาะสมที่จะต้องไปทำให้เห็น ถ้าไม่ได้ หรือได้จำนวนกี่ครั้งออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ตัดสินใจได้ ไม่ใช่มาดันทุรังว่าใช้ได้หรือไม่ได้ ส่วนตนไม่มีอะไรอยู่แล้วยังไงก็ได้ เพราะซื้อมาแล้วต้องใช้ประโยชน์ให้ได้ ถ้าใช้ประโยชน์ได้ก็จบ ตนเข้าใจว่า ถ้าใช้ประโยชน์ได้นักวิชาการคงต้องรับ แต่ขณะเดียวกันใช้ประโยชน์ไม่ได้ฝ่ายผู้ใช้ก็ต้องยอมรับว่าเปอร์เซ็นต์น้อยใช้ไม่ได้ก็จะต้องมาคุยกัน

นิติวิทยาศาสตรฯรับจีที200ไม่แม่นร้อยเปอร์เซ็นต์

พ.ต.ท.สมชาย เฉลิมสุขสันต์ หน.กลุ่มงานตรวจสบสถานที่เกิดเหตุ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยว่า สถาบันสั่งซื้อเครื่องจีที 200 ทั้งหมด 6 เครื่องโดยเป็นการทยอยซื้อ ปีละ 1-2 เครื่องตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปี 2552 ในราคาเครื่องละประมาณ 1.1 ล้านบาท โดยเครื่องจีที 200 นำมาใช้งานด้านการรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะใช้ทั้งวิทยาศาสตร์และวิธีการไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งเครื่องจะกำหนดให้พื้นที่กว้างแคบลง เมื่อเก็บวัตถุพยานได้จากที่เกิดเหตุจึงจะนำเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ล้วน ๆ ก่อนขยายผลในทางคดี

จีทีทั้หงมด 6 เครื่องได้ส่งไปใช้ปฏิบัติภาระกิจในภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่อันตราย โดยใช้เพื่อป้องกันบุคคลากร หากมีคดีสำคัญในพื้นที่อื่นเจ้าหน้าที่จึงจะนำเครื่องออกจากพื้นที่ไปตรวจพิสูจน์ ที่ผ่านมา เครื่องจีที 200สามารถใช้ค้นหาพื้นที่ต้องสงสัยที่ใช้ประกอบวัตถุระเบิด โดยสามารถค้นหาสารระเบิดตกค้าง และค้นหาสารเสพติดได้ แต่สถาบันก็ไม่เคยยืนยันว่าจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นเพราะเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้นในการรวบรวมพยานหลักฐาน ลักษณะการทำงานก็ต่างจาก เครื่องดีโอดีของทหารที่ใช้ในภาระกิจเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด

"เครื่องจีที 200 สถาบันได้ใช้ตรวจคดีสำคัญหลายคดีอาทิ ซานติก้าผับ กรณีการยิงแก๊สน้ำตาใส่พันธมิตรจนกระทั่งมีผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนกระดูกของทนายสมชายที่ราชบุรี เป็นต้น"

หมอพรทิพย์ท้าเอ็นจีโอลงพื้นที่ใต้ตรวจจีที200

เมื่อเวลา 10.00 น.แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ร่วมสนธิกำลังกับ พ.ต.อ.จำลอง งามเนตร ผกก.สภ.รือเสาะ น.ท.นฤมิต ศุขสมิติ ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 และฝ่ายปกครอง จำนวน 80 นาย ใช้กฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 492 ม.5 บ้านดูกู ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านพักของน้องสาวนายรอย๊ะ กลามอ ซึ่งเป็นสมาชิกแกนนำกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่ถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับก่อเหตุคดีความมั่นคงในพื้นที่จำนวนหลายคดี

ทั้งวางระเบิด ดักซุ่มยิงเจ้าหน้าที่กองกำลังและประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าพิสูจน์ทราบสืบว่านายรอย๊ะ ได้เข้าแฝงตัวกบดานและอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวหรือไม่ หลังถูกเจ้าหน้าที่ส่งกำลังออกติดตามไล่ล่า

เมื่อถึงเป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันโอบล้อมพื้นที่ พร้อมใช้เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จี.ที.200 เดินสำรวจเพื่อตรวจสอบเป้าหมาย และเครื่องได้ชี้ไปยังบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่และแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ จึงได้ร่วมกับบุกจู่โจมตรวจค้น และพบว่านายรอย๊ะ ไม่ได้อยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าว มีเพียงน้องสาวอาศัยอยู่เพียงคนเดียว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ

โดยได้เชิญตัวผู้ใหญ่บ้านดูกู มาเป็นสักขีพยานทำการเข้าตรวจค้นบ้านทุกซอกทุกมุม เพื่อเก็บคราบลายนิ้วมือแฝงและคราบเหงื่อตามเสื้อผ้าและของใช้ภายในบ้าน เพื่อนำไปทำการตรวจสอบตามกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์

และเมื่อตรวจค้นบ้านนายรอย๊ะ แล้วเสร็จทีมคณะของแพทย์คุณหญิงพรทิพย์ พร้อมด้วยกำลัง 3 ฝ่ายได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านพักของนายมะอูเซ็ง ยูกะ ซึ่งปลูกติดกับบ้านของนายรอย๊ะ ซึ่งเครื่อง จี.ที.200 ชี้ชัดระบุว่าบ้านนายมะอูเซ็ง มีสารปนเปื้อนวัตถุระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นเพื่อเก็บคราบลายนิ้วมือแฝงและคราบเหงื่อ เพื่อนำไปตรวจสอบตามกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์เช่นกัน ว่านายมุอูเซ็ง มีส่วนพัวพันกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบหรือไม่อย่างไร โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการควบคุมตัวไปสอบสวนหรือขยายผลทางคดีแต่อย่างใด

โดยการบุกจู่โจมตรวจค้นของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์และกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายในครั้งนี้ เนื่องมาจากการสอบสวนขยายผลการให้การซักทอดของสมาชิกแนวร่วมกลุ่มผู้ไม่หวังดีรายหนึ่ง ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ ได้ให้การถึงเครือข่ายของขบวนการ ที่มีนายมะลาแฮ สาหม๊ะ เป็นหัวหน้ากลุ่มอาเยาะห์และมีนายอาแว เจ๊ะเย็ง เป็นฝ่ายการเมือง มีนายมะตอเฮ ตาเยะ นายอาดัม มามะและนายซุลกิฟลี แมเร๊าะ เป็นฝ่ายให้การสนับสนุน

และควบคุมกำลังสมาชิกระดับแกนนำและปฏิบัติการณ์ในพื้นที่ จำนวนทั้งสิ้น 15 คน ซึ่ง 1 ในนั้นคือนายรอย๊ะ กลามอ ที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไล่ล่าเพื่อจับกุมตัวมาลงโทษ เนื่องจากเป็นบุคคลระดับแนวหน้าของกลุ่มขบวนการที่นำกำลังตระเวนก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.บาเจาะมาอย่างโชกโชนในช่วงที่ผ่านมา แต่สามารถไหวตัวหลบหนีการติดตามจับกุมตัวของเจ้าหน้าที่ไปได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง

ด้านแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาสาสตร์ กล่าวว่า ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งตนถือว่าเป็นทีมงานหนึ่งในการคลี่คลายคดีความมั่นคงทุกฝ่ายเข้าใจดีว่ากระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่มีความผิด การแก้ไขปัญหาด้วยกระบวนการยุติธรรมบางครั้งไม่อาจสำเร็จได้ การทำงานจึงต้องแม่นยำของหลักฐาน ไม่ใช่ไปกล่าวหาใครลอยๆ

ยกตัวอย่างการมาในครั้งนี้ เป็นเพราะเมื่อ 2 ปีก่อน ตำรวจถูกยิงเมื่อทหารเข้าไปช่วยกลับถูกระเบิดซ้ำ คือทั้ง 2 ฝ่ายเจ็บและตาย มีการขยายผลจนกระทั่งไปตรวจพบสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีเสื้อเกราะของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิง ทีมนิตวิทยาศาสตร์ถูกขอเข้าไปเก็บหลักฐาน จนทราบว่าคนร้ายเป็นใคร

ดังนั้นจึงนำกำลังมายังบ้านเป้าหมายที่เป็นเจ้าของ DNA โดยที่ให้เจ้าของบ้านแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าเจ้าตัวไม่ได้มาอยู่บ้านนี้เลย ซึ่งเป็นการทำงานการบูรณาการของทุกฝ่าย อย่างน้อยทำให้ชาวบ้านค่อยข้างวางใจเรา

นอกจากนี้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ผอ.สถาบันนิตวิทยาศาสตร์ ยังได้เปิดเผยอีกด้วยว่า เครื่องมือในการเข้าที่เกิดเหตุ นอกเหนือจากเครื่อง จี.ที.200 แล้ว ยังมีไฟร์โด่จริงๆเรามีเอ็กแพดอีกหลายตัว เนื่องจากแหล่งทำระเบิดนั้นมันเป็นภัยอันตรายต่อสังคมมาก รวมทั้งการจับกุมคนเยอะๆนั้นมันไม่อาจทำให้ความจริงปรากฏ เครื่องมือต่างๆเหล่านี้จะนำมาใช้ในที่เกิดเหตุมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ยังได้เปิดเผยถึงเครื่อง จี.ที.200 เป็นการทิ้งท้าย ว่า การที่จะพิสูจน์ว่า มีระเบิดสถานที่ใดๆไม่อาจเชื่อได้ตัวเดียว ทางกองทัพต้องทำการปรับปรุงเครื่องมือเครื่องใช้ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะไปห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์ตัวนี้ ในการป้องกันตัวเองไม่ให้ตกอยู่ในอันตราย อยากให้นักวิชาการแยกแยะให้ถูกและใช้อารมณ์ พิสูจน์ก็พิสูจน์ไปมีอะไรที่พอจะให้เจ้าหน้าที่เชื่อมั่นได้ก็ยังดีกว่าไม่มี คนที่ทำงานเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่าลำเอียง ต้องมองว่ามีคนกระทำผิดจริงไหม แล้วมาช่วยกันแก้ไขปัญหา ไม่ใช่มาต่อต้านเอาให้ยกเลิกเครื่องจี.ที.200 จริงแล้วเจตนาก็คือไม่ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบ

มท.ปัดซื้อจีที200 รับมีแค่อัลฟาซิกใช้ตรวจยาเสพติด

แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยไม่ได้มีการจัดซื้อเครื่องจีที 200 ที่ใช้ในการตรวจจับวัตถุระเบิด เพียงแต่กรมการปกครองได้มีการสั่งซื้อชุดตรวจค้นหายาเสพติดเรียกว่าเครื่องอัลฟาซิก ราคาชุดละ 720,000 บาท ผลิตในประเทศอังกฤษจำนวน 476 เครื่อง โดยตัวเครื่องประกอบไปด้วยชุดการ์ดที่สามารถตรวจสารเสพติดได้เป็นอย่างดี ขณะนี้ได้มีการส่งแจกจ่ายไปยังอำเภอต่างๆที่เป็นพื้นที่ระบาดของยาเสพติด ประเภท ยาไอซ์ กัญชา และเฮโรอีน แต่ก็ยังไม่เพียงพอให้กับอำเภอที่มีกว่า 800 อำเภอทั่วประเทศ

"เครื่องอัลฟ่าซิกได้สั่งมาในช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายประกาศคิกออฟกับยาเสพติด หรือที่เรียกกันว่า Clean & Seal เราได้ทำการแจกไปยังอำเภอ พบว่า เครื่องมือสามารถป้องปรามสารเสพติด มีผลทางจิตวิทยาเมื่อนำไปใช้สามารถชี้เป้าหมายได้ถูกต้อง ปัจจุบันได้มีการเดินสายฝึก อส. ทางภาคเหนือ เพื่อให้เขาสามารถใช้เครื่องมือ ปฏิบัติงานสนองนโยบายของรัฐบาล" แหล่งข่าวระบุ

กมธ.มั่นคงฯเตรียมเชิญก.วิทย์ฯสอบคุณภาพ

นายเจ๊ะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมกมธ.ความมั่นคงฯ ว่า ที่ประชุมได้มีการเชิญนักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาคุณภาพเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด จีที 200 ภายหลังที่มีข่าวปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ ซึ่งแม้ทางทหารยืนยันว่า เครื่อง จีที 200 มีความจำเป็นต้องใช้ และสามารถใช้งานได้จริง เพราะมีประสิทธิ์ภาพ แต่นักวิชาการระบุว่า เครื่องดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพที่จะใช้งานได้จริง ตามที่ต่างประเทศมีคำสั่งยกเลิกใช้เครื่องดังกล่าวไปแล้ว

กมธ.ความมั่นคงฯจึงเห็นว่า ทุกฝ่ายต่างต้องการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่มีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องหาข้อสรุปให้กับสังคม ดังนั้น ที่ประชุมกมธ.ความมั่นคงฯ จึงมีมติที่จะทำหนังสือเพื่อเชิญกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการตรวจสอบคุณภาพเครื่อง จีที 200 เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของเทคโนโลยี พร้อมทั้งจะเชิญกระทรวงที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม มาร่วมตรวจสอบ ทั้งนี้ หากผลสรุปออกมาอย่างไรทุกฝ่ายต้องยอมรับ หากไม่มีประสิทธิภาพจริง กมธ.ความมั่นคงฯจะทำหนังสือให้รัฐบาลยุติการสั่งซื้อเครื่องดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมามีการตรวจสอบเครื่อง จีที 200 โดยฝ่ายทหาร นักวิชาการได้ให้ข้อมูลต่อกมธ.อย่างไร นายเจ๊ะอามิง กล่าวว่า นักวิชาการตั้งข้อสงสัยว่าทำไมการทดสอบของทหาร ไม่ไปทำในห้องปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้คณะกมธ.ก็จะประสานไปยังสถานทูตอังกฤษเพื่อขอข้อมูลที่สื่อมวลชนอังกฤษเปิดเผยเครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่มีลักษณะคล้ายเครื่องจีที200 ของไทย เพราะกรณีของอังกฤษเท่ากับเป็นกล่องเปล่าๆ นอกจากนี้อาจมีการตรวจสอบเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดยี่ห้ออื่นๆด้วย

เมื่อถามว่า คณะกมธ.ความมั่นคงจะมีการตรวจสอบปัญหาการทุจริตในการสั่งซื้อเครื่องจีที 200 หรือไม่ นายเจ๊ะอามิง กล่าวว่า ล่าสุดยังไม่ได้ตรวจสอบในประเด็นดังกล่าวเพราะเป็นขั้นตอนภายหลังจากการตรวจสอบคุณภาพเครื่อง จีที 200 ก่อน ซึ่งหากพบข้อมูลก็จะตรวจสอบต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook