"พิธา" ตารางลงพื้นแน่น ก่อนโหวตนายกฯ ยันไม่ลดเพดานแก้ 112 เชื่อ สว.เข้าใจมากขึ้น

"พิธา" ตารางลงพื้นแน่น ก่อนโหวตนายกฯ ยันไม่ลดเพดานแก้ 112 เชื่อ สว.เข้าใจมากขึ้น

"พิธา" ตารางลงพื้นแน่น ก่อนโหวตนายกฯ ยันไม่ลดเพดานแก้ 112 เชื่อ สว.เข้าใจมากขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"พิธา" ปัดตอบตารางลงพื้นแน่น ปลุกระดมก่อนโหวตนายกฯ ยันไม่ลดเพดานแก้ 112 เชื่อ สว.เข้าใจมากขึ้น ชี้ไม่ได้โหวตให้กับตน แต่เป็นการโหวตให้หลักการ นำความปกติกลับสู่การเมืองไทย

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่พบปะมวลชนที่หลานย่าโม จังหวัดนครราชสีมา ถึงการตั้งข้อสังเกตการลงพื้นที่เดินสายจนยาวถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่าเป็นการปลุกมวลชนไม่ได้เป็นการปลุกระดม

แค่ยังมีเวลาว่างและมีหลายพื้นที่ที่ได้ลงไปขอบคุณประชาชนแล้ว ที่นครราชสีมาก็มีการเรียกร้อง วันที่มีการเลือกประธานสภา ส.ส.โคราชก็ถามว่าเมื่อไหร่จะมาโคราช วันนี้ก็เลยถือโอกาสมา หารือกับภาคเอกชน หอการค้าและสภาอุตสาหกรรมโคราช เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องหารือกัน เช่น ปัญหาภัยแล้งแอลนีโญ

เมื่อถามว่าจากตารางการลงพื้นที่ยาวไปจนถึง ก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จึงทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการปลุกระดมมวลชน นายพิธาระบุว่า ก็คงโดนวิพากษ์วิจารณ์ทุกเรื่อง ซึ่งไม่ได้กังวล เพราะเราก็ทำงานของเราไป

ในส่วนของความมั่นใจเสียงสนับสนุนจาก สว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่ามีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้เห็นสว.หลายๆ ท่าน ส่งจดหมายเปิดผนึกออกมาแสดงจุดยืน ซึ่งท่านก็พูดชัดเจนแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อตนและชื่อพรรค แต่มองว่าเป็นโอกาสที่จะคืนความปกติให้กับระบบการเมืองไทย

และให้โอกาสประเทศไทย ที่ไม่ปกติมานาน จากการที่มีการล้มล้างทางการเมืองและรัฐประหาร การทำนิติสงคราม การยุบพรรค ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ปกติตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 60 ตนเชื่อว่า ส.ส. และ สว. มีโอกาสที่จะคืนความปกติให้การเมือง โดยเลือกมติของรัฐบาลเสียงข้างมาก 312 เสียงที่ถือเป็น 75% ของ ส.ส.ทั้งหมด เป็นวาระสำคัญของประเทศที่จะบอกว่าเราจะไปทิศทางไหน

เมื่อถามถึงเงื่อนไขของ สว. ส่วนใหญ่ยังรู้สึกขัดข้องใจกับการแก้ไขมาตรา 112 ในฐานะหัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล จะยืนยันเดินหน้าแก้ไขหรือลดเพดานลง เพื่อให้ได้รับเสียงโหวตจาก สว. หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นเงื่อนไขที่อ่อนลงเรื่อยๆ เมื่อได้รับฟังคำชี้แจง

และคำอธิบายถึงเหตุผล สว. หลายท่านจะเริ่มเข้าใจ ว่าเรื่องนี้ไม่ได้อิงกับพรรคการเมืองหรือนโยบายของพรรค แต่เป็นเรื่องหลักการที่จะทำให้ระบบกลับมาปกติ ที่เหลือก็ต้องใช้สภาซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางความคิด และไม่มีใครผูกขาดนโยบายทางความคิดได้ ขณะเดียวกันก็ยังมีกรรมาธิการเพื่อขับเคลื่อนงานในสภา เมื่ออธิบายให้ สว. หลายท่าน ก็มีความเบาใจและเข้าใจมากขึ้น ว่าการอนุรักษ์หรือรักษา คือทำให้เกิดการพัฒนา เมื่อมีการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะก็เข้าใจกันมากขึ้น

เมื่อถามย้ำว่ายืนยันจะเดินหน้าการแก้ไขมาตรา 112 ตามที่หาเสียงไว้กับประชาชนใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า “ครับ สัญญากับประชาชนไว้ ยังไงก็ต้องทำ” เมื่อถามว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถได้รับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีผ่านตั้งแต่ครั้งแรก นายพิธากล่าวว่า คิดว่าจะผ่านตั้งแต่ครั้งแรก จะพยายามเต็มที่ที่สุด

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหากไม่ผ่านในครั้งแรกคิดว่าจะให้โอกาสตัวเองกี่ครั้ง นายพิธา กล่าวว่า ต้องยึดความคิดของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจากการที่ฟังนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก็พูดชัดเจนว่าตอนนี้ยังไม่มีแผนสอง ดังนั้นก็จะโฟกัสเต็มที่ในวันที่ 13 กรกฎาคม

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าต้องได้รับโอกาสในการเสนอชื่อเป็นนายกอีกหากไม่ผ่านครั้งแรก นายพิธา ระบุว่า ให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ พร้อมยกตัวอย่างประธานสภาสหรัฐที่โหวตมากถึง 15 ครั้ง แต่ตนไม่ได้บอกว่าจะมากน้อย หรือตัวเลขควรจะเป็นเท่าไหร่ แต่ในมุมมองของตนมองว่าควรจะยึดมติของประชาชนเป็นหลักถ้าประชาชนไม่ถอยผมก็ไม่ถอย

ส่วนกรณีที่นายธนากร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติออกมาแสดงความเห็นว่าหากตรวจครั้งแรกไม่ผ่านก็ควรให้โอกาสพรรคอันดับสองเสนอชื่อนายกฯ ไม่ควรมีการโหวตซ้ำรอบที่สอง นายพิธา กล่าวว่า ก็เป็นเพียงความเห็นของนายธนกรอย่างเดียว ไม่ได้เป็นหลักการหรือ ข้อกฎหมายใดๆ

ส่วนหวังหรือไม่ว่าจะได้เสียงจากขั้วรัฐบาลเดิม นายพิธากล่าวว่า การโหวตครั้งนี้ไม่ได้โหวตให้ตน แต่เป็นการโหวตเพื่อคืนความปกติในระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ไม่ได้คิดว่าเป็นการโหวตของฝ่ายค้านให้ตนแล้วจะเป็นการสนับสนุนตนหรือนโยบายของพรรค ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน แต่เป็นหลักการของระบอบประชาธิปไตยในสภาเสียงข้างมาก รัฐบาลผสม นี่คือหลักการที่สำคัญ เพราะเฉพาะนั้นสิ่งที่เขาจะโหวตให้คือหลักการไม่ใช่ตน

เมื่อถามว่าคิดว่าจะต้องโหวตเหลือกี่ครั้งถึงจะเปลี่ยนไปเป็นการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากพรรคอันดับสอง นายพิธาย้ำว่า ยังไม่มีแผนสอง จะทำตามแผนแรกที่พรรคร่วมได้พูดคุยกันไว้ก่อน ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้ถามว่ามาโคราชจะขอพรอะไรจากย่าโม นายพิธากล่าวว่า ขอให้ภัยแล้งไม่หนักมาก เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้ขอให้ตนเองเป็นนายกหรือ นายพิธากล่าวว่า “ไม่หรอกครับต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ขอให้โคราชผ่านภัยแล้งและการท่องเที่ยวดีขึ้น”

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook