ก็มาดิครับ! "พิธา" จ่อเช็กบิลยุคลุงตู่ ไม่หวั่นเลือกตั้งซ่อม-นับคะแนนใหม่ โวได้มากกว่าเดิม

ก็มาดิครับ! "พิธา" จ่อเช็กบิลยุคลุงตู่ ไม่หวั่นเลือกตั้งซ่อม-นับคะแนนใหม่ โวได้มากกว่าเดิม

ก็มาดิครับ! "พิธา" จ่อเช็กบิลยุคลุงตู่ ไม่หวั่นเลือกตั้งซ่อม-นับคะแนนใหม่ โวได้มากกว่าเดิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"พิธา" พบองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย ACT พร้อมเดินหน้าประชุม กมธ.งบฯ แบบเปิดเผย ให้สื่อเข้าไลฟ์สดได้ จ่อเช็กบิลยุคลุงตู่ ไม่หวั่น กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ 47 หน่วย พร้อมเลือกตั้งซ่อม โวได้มากกว่าเดิม

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล อาทิ นายรังสิมันต์ โรม นายปกรณ์วุฒิ พิพัฒน์สกุล นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ เดินทางเข้าพบ นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ ACT เพื่อพูดคุยหารือแลกเปลี่ยนนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน

ทั้งนี้ ภายหลังหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง นายพิธา ยืนยันว่า พรรคก้าวไกลมีความตั้งใจในการสร้างการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อแก้ไขปัญหาดัชนีคอร์รัปชัน ซึ่งพรรคก้าวไกลมีแผนการดำเนินงาน ทั้งระยะสั้น และระยะยาว รวมถึงระยะเร่งด่วน โดยเฉพาะการบริหารงานในภาครัฐที่จะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือ AI เข้ามาขับเคลื่อน รวมทั้งโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ที่จะต้องตรวจสอบได้ ซึ่งกลไกเหล่านี้จะทำให้การต่อต้านคอร์รัปชัน เป็นไปในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และศึกษาความจำเป็นในการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคทำให้เกิดคอร์รัปชัน เพราะยิ่งมีกฎหมายมาก มีขั้นตอนการขออนุญาต การใช้ดุลยพินิจมาก ก็จะเป็นช่องทางทำให้เกิดการทุจริต ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องลดขั้นตอนการขออนุญาต การใช้ดุลยพินิจลง เพื่อลดปัญหาดังกล่าว

นายพิธา ยังยืนยันด้วยว่า พรรคก้าวไกล พร้อมสนับสนุนข้อเสนอขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ในการเปิดเผยข้อมูลบางประการที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาไม่ยอมเปิดเผย เพื่อให้มีการตรวจสอบโดยภาคประชาชน เพื่อความโปร่งใส รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลอื่น ๆ ให้มีความโปร่งใส เช่น การเปิดระบบรัฐสภา การถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการการพิจารณางบประมาณฯ งบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่สามารถเปิดเผยได้ และข้อมูลอื่น ๆ ที่ในอดีตเป็นความลับ แต่สามารถเปิดเผยได้ รัฐบาลพรรคก้าวไกล พร้อมเปิดเผย เพื่อให้เป็นไปอย่างโปร่งใส

ส่วนที่มีโครงการไหนของรัฐบาลชุดที่แล้ว (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ที่จะนำมาตรวจสอบหรือเช็กบิลนั้น นายพิธา กล่าวว่า จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เห็นว่า น่าจะมีเรื่องทุจริตคอรัปชั่น ปีละ 4-5 เรื่องหรือ ตลอด 4ปี ประมาณ 20 เรื่อง รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีส้ม ก็จะได้กลับไปตามเรื่องต่อ หลังจากที่ยื่นต่อ ป.ป.ช ไปแล้ว ทั้งนี้ การตรวจสอบ จะเป็นการสร้างระบบที่ยุติธรรมทั้งกับรัฐบาลชุดก่อน และรัฐบาลของตน เพื่อกลับมาตรวจสอบตน คงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่ว่าเรื่องของการชำระแค้น ลดระบบการใช้ดุลยพินิจของรัฐและการผูกขาดเพื่อความโปร่งใส เปิดให้ติดตามการตรวจสอบ

สำหรับแนวโน้ม จะดำเนินการกับองค์กรอิสระ ที่ถูกมองว่าเป็นแดนสนธยามีความโปร่งใสหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า หลายองค์กรในองค์กรอิสระไม่ได้อิสระจริง เพราะมาจากการแต่งตั้ง จึงเห็นว่ากรรมการในองค์กรอิสระควรจะมาจากการเลือกตั้งและเรื่องนี้เป็น 1ใน 300นโยบาย ของรัฐบาลใหม่ที่จะต้องทำ ซึ่งย้ำว่า แนวคิดของเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวหรือรายบุคคล แต่เป็นเรื่องของที่มาที่ไปและการใช้อำนาจ โดยคณะกรรมการจะต้องมีที่มา หลากหลาย มีคนนอกเป็นส.ส.ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลเพื่อให้มีความเป็นกลางมากที่สุด รับรองคนที่จะมาเป็นองค์กรอิสระ ซึ่งตรงนี้จะต้องแก้ไขกฎหมาย

ด้าน ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ยินดีที่พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญ มีเจตจำนงอย่างมุ่งมั่น และจริงจัง หาทางแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน พร้อมเชื่อว่า บทบาทของพรรคการเมือง มีความสำคัญที่จะสะท้อนความจริงจังในการต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ได้มีการหารือร่วมกับพรรคก้าวไกลในหลายประเด็น ในการแก้ไขปัญหาทุจริตในหลายวงการ และความจำเป็นในการมีเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะการสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และภาคประชาชน พร้อมยอมรับว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ มีความคาดหวังทางการเมืองว่า เรื่องการทุจริตของประเทศไทยจะถูกแก้ไข ทั้งเรื่องเล็กน้อย อย่างค่าน้ำร้อน-น้ำชา และเรื่องใหญ่ ที่กระทบต่องบประมาณของประเทศ และขอให้สังคม และภาคประชาชน ได้ร่วมกันติดตาม และเชื่อมโยงกับภาคส่วนอื่นๆ ร่วมมือกัน เพื่อมีเจตจำนงร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำสั่งให้นับคะแนนการเลือกตั้งใหม่ใน 47 หน่วยการเลือกตั้ง นายพิธา กล่าวว่า ตามหลักปฏิบัติแล้ว กกต.ควรตรวจสอบตั้งแต่เนิ่นๆ แต่พรรคก้าวไกล ไม่รู้สึกกังวลต่อการประกาศนับคะแนนใหม่ เพราะเชื่อว่าจะมีภาคประชาชน ที่บันทึกหลักฐานการตรวจนับคะแนนไว้แล้ว มาร่วมตรวจสอบย้อนกลับด้วย และหาก กกต.ระบุหน่วยเลือกตั้งที่ต้องมีการนับคะแนนใหม่ ภาคประชาชนก็น่าจะร่วมตรวจสอบอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า พรรคก้าวไกล ไม่กังวลว่าจะถูกวินิจฉัยว่า ทุจริตการเลือกตั้ง หรือหากมีความจำเป็นต้องมีการเลือกตั้งใหม่ในหน่วยใด พรรคก้าวไกลก็พร้อมสู้ และเชื่อว่า หากมีการนับใหม่ พรรคก้าวไกล ก็น่าจะได้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน นายพิธา ยอมรับว่า กังวลเรื่องบัตรโหลตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งที่อาจพิมพ์บัตรเกินกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ ซึ่งอาจเป็นที่มาของการที่ กกต.สั่งตรวจนับคะแนนใหม่ครั้งนี้หรือไม่

นอกจากนี้ นายพิธา ยังชี้แจงถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เอาผิดฐานมีส่วนในการสนับสนุนการโฆษณาสุราว่า เจตนาการกล่าวถึงสุรานั้น เนื่องจากเป็นการตอบคำถามสื่อมวลชน และส่วนตัวก็รู้สึกดีใจที่มีผู้ไปร้องเรียน เพื่อให้สังคมได้ตั้งคำถามต่อการห้ามการโฆษณาสุราว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ที่สุราพื้นบ้านได้รับผลกระทบไปด้วย

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook