ตร.ล่าแก๊งอ้วนผอมชาวจีน อุ้มหญิงร่วมชาติรีดเงิน ก่อนใช้พาสปอร์ตปลอมเผ่นจากไทย

ตร.ล่าแก๊งอ้วนผอมชาวจีน อุ้มหญิงร่วมชาติรีดเงิน ก่อนใช้พาสปอร์ตปลอมเผ่นจากไทย

ตร.ล่าแก๊งอ้วนผอมชาวจีน อุ้มหญิงร่วมชาติรีดเงิน ก่อนใช้พาสปอร์ตปลอมเผ่นจากไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตามล่าแก๊งอ้วนผอมชาวจีน ก่อเหตุอุ้มหญิงชาวจีนรีดเงินย่านห้วยขวาง ก่อนใช้พาสปอร์ตปลอมหนีออกนอกประเทศ

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแถลงเหตุ แก๊งชาวจีนอุ้มหญิงจีนวัย 25 ปี ก่อนหลบหนีไปนอกประเทศในพื้นที่ห้วยขวาง โดยระบุว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ต่อเนื่อง 18 เม.ย. บริเวณคอนโดมิเนียมชั้น 35 ย่านพระราม 9 โดยผู้เสียหายถูกแก๊งคนจีนทำร้ายร่างกาย และถอดเสื้อผ้ามัดไว้กับเก้าอี้ ก่อนบังคับให้โอนเงิน 427,500 บาท หลังจากนั้นได้แยกย้ายกันหลบหนี เบื้องต้นจากการตรวจสอบร่างกาย มีบาดแผลจากการถูกพันธนาการ และรอยตบบริเวณใบหน้า แต่ไม่พบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ

โดยคนร้ายมี 2 ราย คือ นายตัง ซิ เหว่ย หรือนายจาง จี้ หมิง รูปร่างผอม ที่หลบหนีด้วยการนั่งแท็กซี่ไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนใช้พาสปอร์ตในชื่อตังซิเหว่ย โดยสารเครื่องบินออกนอกประเทศ ปลายทางคือกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

ส่วนคนร้ายอีกราย คือ นายซู เหว่ย รูปร่างค่อนข้างอ้วน หลังก่อเหตุได้ขี่จักรยานยนต์กลับไปบ้านพักย่านสุทธิสาร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีชาวจีนพักอาศัยอยู่อีก 7 คน จากการตรวจสอบไม่พบความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงนักท่องเที่ยวทั่วไป

สำหรับนายตังซิเหว่ย ตรวจสอบพบว่า มีประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทยตั้งแต่ปี 2016 จำนวน 3 ครั้ง ส่วนนายซูเหว่ย มีประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทยแล้ว 12 ครั้งตั้งแต่ปี 2017 ทุกครั้งเดินทางเข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ จากการสอบสวนเชื่อว่าคนร้ายทั้งสองรายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประเทศจีน และมีการวางแผนเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย โดยมีการเช่าห้องตั้งแต่วันที่ 16-19 เมษายน ก่อนสุ่มเลือกเหยื่อที่เป็นหญิงสาวชาวจีน และทำทีตีสนิทเหยื่อตั้งแต่วันที่ 13 และชักชวนมาที่ห้องในวันที่ 17 ลงมือก่อเหตุ

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ และข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการโดยใช้กำลังประทุษร้าย, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น, และทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญและได้ประสานกองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อติดตามตัวต่อไปแล้ว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบที่มาของพาสปอร์ตทั้งสองเล่มของนายตังซิเหว่ย ว่ามาจากประเทศไทยหรือจีนด้วย

ทั้งนี้ พลตำรวจตรีนพศิลป์ยอมรับว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมามีการก่อเหตุระหว่างชาวจีนเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กฎหมายไทยมีความเข้มแข็ง เพราะการที่คนต่างชาติเข้ามาก่อเหตุในไทยเนื่องจากไม่พบหมายจับตำรวจสากล จึงทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประวัติการก่ออาชญากรรมของชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยได้ อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม จึงเป็นช่องโหว่ที่คนร้ายใช้เข้ามาการก่อเหตุในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ทางการไทยได้ประสานกับทางการจีนเพื่อให้มีการกวดขันเข้มงวด เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังชาวจีนที่มีหมายจับในประเทศจีน ก่อนเดินทางออกนอกประเทศด้วย และหากประชาชนพบชาวจีนที่มีลักษณะจะก่อเหตุ ขอให้ติดต่อ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยสังเกตได้จากพฤติการณ์จากรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก มีการกว้านซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ ส่งเสียงดัง หรือพฤติการณ์ที่ผิดปกติอื่นๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook