ชาวบ้านนับร้อย ขอความเป็นธรรมให้ “ครูบาไก่” ท้า"แพรรี่" ให้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ

ชาวบ้านนับร้อย ขอความเป็นธรรมให้ “ครูบาไก่” ท้า"แพรรี่" ให้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ

ชาวบ้านนับร้อย ขอความเป็นธรรมให้ “ครูบาไก่” ท้า"แพรรี่" ให้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชาวบ้านนับร้อย ขอพบเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ร่ำไห้ลั่นวัดขอความเป็นธรรมให้ “ครูบาไก่” โต้กลับคนวิจารณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่วัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้มีชาวบ้านในพื้นที่ อ.มัญจาคีรีและ อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น กว่า 200 คน ได้มารวมตัวกันเพื่อขอพบเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น เพื่อขอความเป็นธรรมให้ครูบาไก่ อายุ 30 ปี ประธานที่พักสงฆ์วัดป่าใน ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น แต่เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น รับกิจนิมนต์ไปต่างจังหวัด จึงไม่ได้พบ โดยชาวบ้านได้รวมตัวกันอยู่ที่วัดประมาณ 3 ชม. จึงเดินทางออกจากวัด

ซึ่งชาวบ้านที่เดินทางมา ต่างยืนยันว่า ต่างคนต่างมา และมีความเห็นตรงกันว่า หลังจากมีคนออกข่าวข่าวทางโซเชียลและรายการทีวีว่า ครูบาไก่ อวดอุตริ และว่าพระพุทธรูป หรือวัตถุโบราณที่ครูบาไก่ขุดขึ้นมานั้น เกิดจากการอวดอุตริและไม่ใช่พระพุทธรูป หรือวัตถุโบราณที่เป็นของแท้ ทั้งหมดเป็นของปลอม เรียกร้องให้พระสงฆ์ที่เป็นพระผู้ใหญ่ในจังหวัดขอนแก่น ทำการสึกครูบาไก่ จำเป็นต้องเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น

นางบุญกว้าง อายุ 48 ปี ชาวบ้าน บ.มูลนาก ม.10 ต.โพธิ์ไชย อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้ติดตามครูบาไก่มาสิบปีกว่า ตั้งแต่บวชเณร จนถึงปัจจุบัน เห็นมาตลอดว่า ครูบาไก่ประพฤติดี กระทั่งมีอิคคิวกับบุ๋มเข้ามาอยู่ที่วัด ปัญหาทุกอย่างจึงเกิดขึ้น และทำลายครูบาไก่ จนเป็นเรื่องราวขยายความออกไป

 “คนที่วิจารณ์ และกล่าวหาครูบาไก่ คือคนที่ไม่เคยมาสัมผัสในพื้นที่ ไม่เคยมาทำบุญกับครูบาไก่ จึงไม่รู้ความจริง จนวิจารณ์ และกล่าวหาครูบาไก่ต่างๆนานา แล้วยังมาหาว่าคนขอนแก่นสมองน้อยนิด ถ้าคุณเป็นคนที่รู้จริง รู้ทุกอย่าง ก็ขอให้ลงพื้นที่มาหาชาวบ้าน มาดูข้อเท็จจริงแล้วคุณจะรู้ว่าครูบาไก่นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา ส่วนกรณีที่ครูบาไก่นั่งเจ็ทสกี ขี่บานาน่าโบ้ทนั้น ครูบาไก่ก็ยอมรับว่าไม่เหมาะสม และเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ครูบาไก่เข้ากราบขอขมา รับผิดข้อวินัยอาบัติ เรื่องสรงน้ำในลำธาร และนั่งเรือ ต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ พระผู้ปกครองคณะสงฆ์มัญจาคีรี

เพื่อให้ตักเตือนและกล่าวโทษตามข้อพระวินัย ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆครูบาไก่ไม่ได้ทำผิด ก็ถูกกล่าวโทษ จนเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ไม่ทำลายความเลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านได้ จึงขอให้คนที่กล่าวโทษครูบาไก่ ลงพื้นที่มาพบชาวบ้าน ชาวบ้านยินดีต้อนรับ”

 ด้าน นางปียา อายุ อายุ 55 ปี ชาวบ้าน บ.โนนเขวา ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ทำนาในแปลงนาที่อยู่บ้านสว่าง ม.8 ต.สวนหม่อน มาครึ่งชีวิต รู้สึกแปลกใจว่า ทำไม ชาวบ้านรายอื่นๆมาทำมาหากินในที่นาตนไม่ได้ ก็เก็บความสงสัยในใจ แต่ไม่พูด กระทั่งปี 2560 ได้ไปนอนที่ที่นาของตัวเอง เพื่อทำการเกษตร ก็มีลูกไฟสว่างจ้า ขึ้นมาจากเนินดินที่อยู่กลางทุ่งนา

 ” ซึ่งเนินดินจุดนี้ ชาวบ้าน เรียกว่า เนินช้างตาย และเห็นลูกไฟลอยขึ้นมาติดต่อกันหลายคืน ก็เกิดความไม่สบายใจ จึงไปหาครูบาไก่ และนิมนต์ครูบาไก่ไปที่เนินดินกลางทุ่งนา ครูบาไก่ก็บอกให้ชาวบ้านขุด โดยบอกว่า คนเฝ้าทรัพย์สินในจุดดังกล่าว อยากไปเกิด จึงส่องแสงให้เห็น ชาวบ้านนับ 100 คน ช่วยกันขุดดิน ลึกลงไปประมาณ 3 เมตรก็พบแผงพระสมเด็จ จำนวน 3 แผงรวม 48 องค์ จึงนำพระสมเด็จทั้งหมดไปถวายวัดโสรโย มาจนถึงปัจจุบัน”

นางปียา กล่าวต่ออีกว่า โกรธแพรรี่มาก ที่ดูถูกเหยียดหยามพระครูบาไก่ พระสงฆ์ที่ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา แล้วยังดูถูกคนขอนแก่น จึงอยากให้แพรี่มาดู มาให้รู้ มาให้เห็นในสิ่งที่ชาวบ้านศรัทธา ไม่ใช่แค่ตามข่าวและฟังคำบอกเล่าจากคนอื่นแล้วมาวิจารณ์เสียหายเช่นนี้ ชาวบ้านไม่ได้ท้าทาย แต่อยากให้คนที่ไม่เคยรู้จักพระครูบาไก่ มาดูความจริงว่าครูบาไก่เป็นอย่างที่ถูกวิจารณ์หรือไม่ และขอร้องให้ทุกคนหยุดใส่ร้ายพระครูบาไก่ ถ้าหยุดชาวบ้านจะให้อภัยทุกคน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook