"หมอธีระ" ชี้โควิดยังรุนแรงยืดเยื้อ ยอดติดเชื้อรวม ATK ไทยพุ่งอันดับ 7 ของโลก

"หมอธีระ" ชี้โควิดยังรุนแรงยืดเยื้อ ยอดติดเชื้อรวม ATK ไทยพุ่งอันดับ 7 ของโลก

"หมอธีระ" ชี้โควิดยังรุนแรงยืดเยื้อ ยอดติดเชื้อรวม ATK ไทยพุ่งอันดับ 7 ของโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"หมอธีระ" ชี้โควิดยังรุนแรงยืดเยื้อ ยอดติดเชื้อรวม ATK ไทยพุ่งอันดับ 7 ของโลก ห่วงผลกระทบเรื่อง Long COVID

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat โดยระบุว่า 14 เมษายน 2565 ทะลุ 501 ล้านคนไปแล้วเมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 962,395 คน ตายเพิ่ม 2,615 คน รวมแล้วติดไปรวม 501,832,252 คน เสียชีวิตรวม 6,213,239 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี และออสเตรเลีย เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 85.81 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 76.02  การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 34.72 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 26.27

สถานการณ์ระบาดของไทยเมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก ทั้งนี้จำนวนคนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 15.4% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย

การระบาดที่ยืดเยื้อ

ดังที่เห็นจากลักษณะการระบาดที่เคยพีคไปราว 10 มีนาคม 2565 (รวม ATK) ขาลงของไทยยืดเยื้อและค้างเติ่งมานานนับเดือน โดยเป็นผลจากทั้งเรื่องการแพร่ระบาดของ BA.2 ที่แทนที่ BA.1 ควบคู่ไปกับผลกระทบจากการประชาสัมพันธ์ให้คนในสังคมมองว่า Omicron ไม่รุนแรง กระจอก เอาอยู่ ประกาศจะทำให้เป็นโรคประจำถิ่นในเวลาไม่กี่เดือน ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ความระมัดระวังในการใช้ชีวิตของคนจำนวนมากในสังคมลดลงอย่างชัดเจน และนำไปสู่การติดเชื้อแพร่เชื้อในวงกว้างและต่อเนื่อง ควบคุมไม่ได้

เมื่อถึงวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์หยุดยาว จำนวนการติดเชื้อรายวัน รวม ATK หลายหมื่นคนถือเป็นเชื้อไฟจำนวนมาก ที่พร้อมจะทำให้ลุกลามโหมไฟป่าให้มากกว่าเดิม โดยบทเรียนจากปีที่ผ่านมาสอนเราให้เรียนรู้ว่า สองสัปดาห์ถัดจากสงกรานต์ มีโอกาสจะติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า และผลกระทบไม่ได้หยุดแค่นั้น แต่จะเพิ่มขึ้นทวีคูณอีก 2 เท่าในอีกหนึ่งเดือนถัดไป

ต้องชื่นชมสื่อมวลชนที่กรุณาติดตามสถานการณ์ ณ จุดท่องเที่ยวกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นที่ภูเก็ต และกทม. แสดงให้เห็นว่า มีกิจการร้านค้าธุรกิจบันเทิง กินดื่มจำนวนไม่น้อยที่ไม่แคร์กฎระเบียบที่ทางการกำหนด ทำให้เกิดการเฮฮาปาร์ตี้ กินดื่มกันอย่างแออัด ไม่มีการป้องกันตัว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเล่นน้ำ ใช้ปืนฉีดน้ำ และอื่นๆ กันอย่างสนุกสนานใกล้ชิด

คงต้องโยนตำราความรู้ต่างๆ ทิ้ง หากไม่เกิดการระบาดลุกลามจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะมันครบทุกองค์ประกอบทั้งจำนวนคนที่มาก (crowdedness) แออัดใกล้ชิด (closeness) บางพื้นที่บางร้านระบายอากาศไม่ดี (poorly ventilated) คลุกคลีกินดื่มแชร์ของกินของใช้กัน (sharing) รวมถึงใช้เวลาอยู่ด้วยกันนาน (long duration)เหนืออื่นใด ที่สำคัญที่สุด และเป็นโจทย์หลักที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วนคือ การแสดงถึงการบังคับใช้กฎหมายกฎระเบียบด้านการควบคุมป้องกันโรคที่ไม่มีประสิทธิภาพวันนี้ยังไม่สายเกินไป หากทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญ และหันมาทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์การระบาดไทยยังเป็นไปอย่างรุนแรง ต่อเนื่อง กระจายทั่ว ไม่ใช่เพราะอะไรเลย นอกจากเป็นเพราะเราทำตัวเราเอง ทั้งในเรื่องการควบคุมป้องกันที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ การเหยียบคันเร่งทางเศรษฐกิจด้วยความจำเป็น แม้เป็นที่เข้าใจได้ แต่การเร่งความเร็วโดยระบบเบรกไม่ดีนั้น ย่อมเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่จะนำไปสู่การบาดเจ็บสาหัสตามมา

โควิด...ติด...ไม่ใช่แค่คุณ

ติดแล้ว...ไม่จบแค่หายหรือตาย แต่จะตามมาด้วยเรื่องภาวะผิดปกติระยะยาวอย่าง Long COVID ที่จะบั่นทอนคุณภาพชีวิต ความเสื่อมถอยของสมรรถนะการดำเนินชีวิตประจำวันและการทำงาน เกิดโรคเรื้อรัง และส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่ายทั้งต่อคนป่วย ครอบครัว และประเทศในระยะยาวณ จุดนี้ มีแนวโน้มสูงมากที่ Long COVID จะเป็นปัญหาสำคัญสำหรับประเทศไทย และจำเป็นต้องได้รับการวางแผนรับมือล่วงหน้า ทั้งปัญหาเรื่องสุขภาพ สังคมและเศรษฐกิจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook