"ชลน่าน" ได้กลิ่นรัฐประหาร! วอนรัฐบาลลาออก-ยุบสภา ถ้ากฎหมายสำคัญถูกตีตก

"ชลน่าน" ได้กลิ่นรัฐประหาร! วอนรัฐบาลลาออก-ยุบสภา ถ้ากฎหมายสำคัญถูกตีตก

"ชลน่าน" ได้กลิ่นรัฐประหาร! วอนรัฐบาลลาออก-ยุบสภา ถ้ากฎหมายสำคัญถูกตีตก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“หมอชลน่าน” เชื่อว่ากรณี 21 ส.ส.พลังประชารัฐ ถูกขับพ้นพรรค จะทำรัฐบาลไปไม่รอด จมูกไวได้กลิ่นรัฐประหาร เพราะผู้นำรัฐบาลอายหากยุบสภา-ปรับ ครม.

วันนี้ (26 ม.ค.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีที่ 21 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ถูกขับออกจากพรรคจะมีปัญหาต่อการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ว่า เป็นข้อเท็จจริง เพราะระบบรัฐสภาของเราเป็นระบบเสียงข้างมาก การเปลี่ยนแปลงตรงนี้ทำให้สัดส่วนของเสียงข้างมากแปรปรวน ส.ส.ทั้ง 21 คน กลายเป็นตัวแปร เพราะมีผลต่อองค์ประชุม

ขณะนี้ ส.ส.ในสภาฯ มีจำนวน 474 คน องค์ประชุมกึ่งหนึ่งคือ 238 คน ซึ่ง ส.ส.ทั้ง 21 คน สามารถแปรไปด้านใดด้านหนึ่งได้ และที่สำคัญเจตนารมณ์ของ ส.ส. 21 คน เมื่อแยกตัวออกมาแล้ว จะไม่ทำหน้าที่ให้กับฝ่ายเสียงข้างมาก จึงทำให้เสียงข้างมากที่มีอยู่ทำงานไม่ได้แน่ แล้วจะมาเอาฝ่ายค้านไปเป็นองค์ประชุม เราก็ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าถ้าจะทำหน้าที่ในสภาฯ ด้วยระบบเสียงข้างมาก ต้องเป็นเสียงข้างมากที่แท้จริง เราจะไม่สนับสนุนให้เสียงข้างน้อยมาเป็นผู้บริหารประเทศ เพราะขัดรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตย

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าฝ่ายค้านไม่ไปเป็นองค์ประชุมให้แน่นอน ดังนั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะพิจารณาในการทำหน้าที่ว่าจะทำอย่างไร ถ้าเขาเห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมือง เห็นแก่กฎหมายสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณา ก็ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วน ส่วนฝ่ายค้านเราพร้อมทำหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกฎหมายสำคัญไม่ผ่านสภา จะเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ด้วยสามัญสำนึก ไม่ควรต้องมีการเรียกร้อง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นข้อเท็จจริงและมีข้อกฎหมายมาเกี่ยวข้องด้วย แม้กฎหมายที่ไม่ผ่านจะไม่ใช่กฎหมายการเงิน ก็หมายความว่าคุณไม่มีความพร้อมที่จะทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร ก็ควรจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนใน 2 เรื่อง คือ

1. นายกรัฐมนตรีลาออก

2. ยุบสภา ซึ่งฝ่ายค้านพร้อม ถ้านายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภาฯ คืนอำนาจให้ประชาชนเพื่อตัดสินว่าควรมีเสียงข้างมากที่ดีกว่ามาทำหน้าที่บริหารประเทศ

แต่ไม่ควรใช้วิธีการที่ 3 นั่นก็คือ การยึดอำนาจหรือรัฐประหาร เพราะมีกลิ่นออกมาว่าอาจจะออกแนวทางที่ 3 ซึ่งเราขอคัดค้านและเรียกร้องผู้มีอำนาจ อย่าได้คิดเอาวิธีการนี้ เราไม่มีอำนาจไปยับยั้งที่ไม่ให้ใช้วิธีการนี้ แต่ประเทศจะล่มจม ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณจะทำบาปให้ประเทศ ประชาชนเจ็บช้ำมามาก และการลุกฮือต่อต้านทำได้ตลอดเวลา

หากยึดอำนาจอีก คุณจะเอาเงินที่ไหนมาบริหารประเทศ ทุกอย่างจะย่ำแย่และไม่มีทางแก้ได้ นั่นคือวิกฤตความเสียหายต่อประเทศจะยิ่งใหญ่แน่นอน และความเสียหายต่อระบบจะลุกลาม ประชาชนขาดความเชื่อมั่น มีการลุกฮือต่อต้าน เกิดจลาจล และความวุ่นวายไปหมด และต่างประเทศไม่ยอมรับ ขาดความเชื่อมั่น ใครจะคบค้าสมาคมกับประเทศไทย ไปซาอุดีอาระเบีย โชว์ว่าเป็นผลงาน แต่ซาอุฯ ต้องการเปิดประเทศของเขา เพราะเห็นช่องทางว่าถ้าปิดประเทศก็ไปไม่ได้ ขนาดซาอุฯ ยังคิดเป็น และคนขี่อูฐยังคิดเป็น แต่คนขี่ควายคิดไม่เป็น ไม่รู้เอาสมองควายมาใส่หรือไม่ ตนไม่แน่ใจ

เมื่อถามว่าปัจจัยใดที่จะนำไปสู่การรัฐประหารนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากเกิดการรัฐประหารจะเป็นการสืบทอดอำนาจโดยเบ็ดเสร็จ วิธีการอื่นใช้ไม่ได้ เพราะยุบสภาเขาก็ไม่กล้ายุบ เลือกตั้งแล้วประชาชนเป็นผู้ตัดสิน จะปรับ ครม. ก็อายไม่กล้า ประเภทยอมหักไม่ยอมงอ ตัวเองตาย ประเทศชาติตาย เขาทำแบบนี้

ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดการประนีประนอมเป็นไปได้ยาก ฉะนั้น การยึดอำนาจคือวิธีการเบ็ดเสร็จของเขา ส่วนมูลเหตุที่ใช้เป็นข้ออ้าง เขาสามารถบริหารจัดการและทำให้เกิดเหตุการณ์ได้ตลอดเวลา เพราะเขาทำมาตลอด จึงขอภาวนาและขอร้องอย่าได้คิดใช้วิธีการนี้ คืนอำนาจให้ประชาชนดีที่สุด เขาจะได้ตัดสินอนาคตของเขาได้ เราประกาศว่าเราเป็นประชาธิปไตย อย่าเป็นแต่เปลือก ต้องเป็นจริง อย่าคิดว่ามีอำนาจแล้วจะทำให้บ้านเมืองดีได้ แต่ประชาชนเขามีอำนาจสามารถทำบ้านเมืองดีได้ด้วยตัวเขาเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook