ตำรวจสะเดาะกุญแจผับ ล็อกประตูทำเนียนว่าร้านปิด ที่แท้นักเที่ยวมั่วสุมกว่า 50 คน

ตำรวจสะเดาะกุญแจผับ ล็อกประตูทำเนียนว่าร้านปิด ที่แท้นักเที่ยวมั่วสุมกว่า 50 คน

ตำรวจสะเดาะกุญแจผับ ล็อกประตูทำเนียนว่าร้านปิด ที่แท้นักเที่ยวมั่วสุมกว่า 50 คน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจสะเดาะกุญแจสถานบันเทิงพัทยา ล็อกประตูทำเนียนว่าปิดร้านแล้ว ที่แท้ปล่อยนักเที่ยวมั่วสุมอยู่ภายในกว่า 50 คน

ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้ปรับมาตรการให้พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) อนุญาตบริโภคสุราในร้านอาหารได้ มีข้อจำกัดเวลาไม่เกิน 21.00 น. โดยจะต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop Covid 2 Plus เท่านั้น พร้อมกำชับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดคุมเข้ม หากไม่ดำเนินการตามมาตรการให้ดำเนินคดี รวมถึงสั่งปิด สั่งพักใบอนุญาต อย่างจริงจัง 

ล่าสุด (16 ม.ค.65) เมื่อเวลา 23.36 น.พ.ต.ต.กองพล เตชะคำภู สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา ออกตรวจตราคุ้มเข้าสถานบริการในพื้นที่ ป้องกันลักลอบเปิดฝ่าฝืนคำสั่ง ศบค. สามารถจับกุมร้าน เดอะบ็อก ซิคตี้นาย คลับ​ ตั้งอยู่ภายในซอยบงกต พัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ลักลอบเปิดให้นั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน เกินเวลา 21.00 น.    

การจับกุมเนื่องจากมีสายลับแจ้งว่าที่ร้านแห่งนี้ ลักลอบเปิดให้บริการฝ่าฝืน และมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 จึงสนธิกำลังไปตรวจสอบ ปรากฏว่าทางร้านใช้โซ่คล้องล็อกกุญแจให้ดูเหมือนร้านปิด เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ แล้วให้ลูกค้าเข้าออกทางประตูหลังทางเดียวเท่านั้น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุมปรากฏว่าทางร้านได้ทำการล็อกประตูทางเข้า แล้วสั่งเบาเสียงดนตรี ปิดไฟ แต่ยังคงปล่อยให้นักเที่ยวดื่มต่ออย่างสบายใจ  ทำเจ้าหน้าที่เข้าไม่ได้ ทั้งพยายามให้พนักงานร้านเปิดประตู แต่ทางร้านยังคงดื้อไม่ยอมเปิด

ตำรวจจึงนำกำลังปิดล้อมทางเข้าออกทั้งหมดไว้ เป็นเวลาร่วม 2 ชั่วโมง ก่อนประสานช่างทำกุญแจมาทำการสะเดาะกุญแจ เปิดแล้วนำกำลังบุกเข้าไปภายในร้านได้ พบว่ามีกลุ่มนักเที่ยวทั้งผู้ชายและผู้หญิง กว่า 50 คน มั่วสุมดื่มกิน สูบบุหรี่กลิ่นควันลอยเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เจ้าหน้าที่ต้องสั่งให้เปิดไฟและทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยในทันที เมื่อควบคุมสถานการณ์ไว้ได้จึงเชิญตัวนักเที่ยวไปตรวจหาสิ่งผิดกฎหมายในยานพาหนะ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด จึงเชิญตัวผู้ที่รับเป็นคนดูแลร้านไปรับทราบข้อกล่าวหา ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมาย พร้อมทั้งเสนอรายงานจังหวัดชลบุรี ให้พิจารณาสั่งปิดให้บริการต่อไป
 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook