ประทินระบุคดี บีม ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด

ประทินระบุคดี บีม ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด

ประทินระบุคดี บีม ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แห่ติงความเห็น สัณฐาน คดี บีม ศรัญญูเรื่องเล็กน้อย ประทิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจยันเป็นคดีที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด ปธ.ยุติธรรมและการตำรวจวุฒิสภาชี้เป็นคดีที่สะท้อนถึงเยาวชน ตร.สามเสนยันคดี บีม ต้องทำตามหลักฐาน

จากกรณีนายศรัญญู ประชากริช หรือ"บีม" อายุ 27 ปี พิธีกรรายการสีสันบันเทิงสดทางช่อง 3 และดารานักแสดงละครเรื่องเสน่หาเงินตรา ขับรถยนต์แต่งเลียนแบบรถตำรวจที่ใช้ในราชการ ชนรถชาวบ้านและหลบหนี จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมไว้ได้ และยังตรวจพบอาวุธปืน กุญแจมือ วิทยุสื่อสารของทางราชการ เครื่องช๊อตไฟฟ้า รวมทั้งหน้ากากป้องกันแก๊ส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุพล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย

วันที่ 26 พฤศจิกายน พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตสว.และอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การที่พล.ต.ท.สัณฐาน พูดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยนั้นถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะหลักฐานต่างๆที่ตรวจพบถือว่าผิดตามกฏหมายอยู่แล้ว ตามข้อกล่าวหานั้นควรจะดำเนินคดีตามขั้นตอนอย่างถูกต้องและเคร่งครัด

ด้าน นายเสงี่ยม บุญจันทร์ เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่า ตามกฏหมายข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ชัดเจนเรื่องแรกคืออาวุธปืน ตามประมวลกฏหมาย มาตรา 371 ผู้ใดพกพาอาวุธ ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือสถานที่สาธารณะ โดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุอันควร มีโทษ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท และริบอาวุธปืน ส่วนการที่พล.ต.ท.สัณฐาน .บอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย นั้นหมายถึงลหุโทษ ไม่ใช่ทุกข้อกล่าวหาทั้งหมด เพราะในกรณีการแต่งรถเลียนแบบรถตำรวจ ชนแล้วหนีซึ่งถือว่าผิดกฏหมาย ในมาตรา 145 และในการแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน ตามความกระทำนั้น ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"การตกแต่งรถติดเครื่องหมายตำรวจ การมีวิทยุสื่อสาร และอื่นๆตามข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ล้วนมีความผิดตามกฏหมายอาญา ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ไม่มีอำนาจหรือใบอนุญาต ตามกฏหมาย และจะต้องตรวจสอบในประเด็นเกี่ยวการปลอมแปลงเอกสารด้วย เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมาย" นายเสงี่ยมกล่าว

ส่วนนายสมัคร เชาวภานันท์ ประธานกรรมาธิการการยุติธรรมและการ ตำรวจ วุฒิสภา กล่าวแสดงความคิดเห็นกรณีที่ พล.ต.ท.สัณฐาน พูดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ว่า ตำรวจไม่ควรจะพูดลักษณะนี้ เนื่องจากการพูดอย่างนี้ จะเป็นผลร้ายต่อเยาวชน ประชาชน สังคมและประเทศชาติ เพราะจะมีการนำไปเป็นแบบอย่างในการกระทำ สู่ปัญหาอาชญากรรม หรือคดีต่างๆเนื่องจากผู้ต้องหามีทั้งอาวุธปืน และอุปกรณ์ต่างๆหลายอย่าง ในฐานะที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ควรจะต้องมีมาตรการในการป้องปราม และปราบปราม ดำเนินคดีตรมกฏหมายใฟ้ชัดเจน

ขณะที่ พ.ต.ท.ชยุทธ มารยาทตร์ รองผู้กำกับการสอบสวน สน.สามเสน กล่าวยืนยันว่า พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายศรัญญู หรือบีมตามพยาน หลักฐานที่ปรากฎ โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้กำชับว่าให้ดำเนินการตามคำให้การผู้ต้องหาและ พยานหลักฐานอย่างละเอียดก่อนจะสรุปสำนวนส่งอัยการในคดีครอบครองอาวุธปืนโดย ไม่ได้รับอนุญาตต่อไป ส่วนตัวนายศรัญญูนั้นหลังจากยื่นประกันตัวแล้วในช่วงเย็นวานนี้เจ้าหน้าที่ ได้ปล่อยตัวไป พร้อมนำหลักฐานการครอบครองรถยนต์ มาแสดงต่อพนักงานสอบสวนเพื่อขออนุญาตนำรถยนต์กลับไปทำการซ่อมแซม

ส่วนของกลางที่เป็นอาวุธปืนที่ยึดมาได้ภายในรถยนต์ นั้นเบื้องต้นได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนนำอาวุธปืนส่งตรวจที่กองพิสูจน์ หลักฐานเพื่อตรวจสอบว่าปืนดังกล่าวเคยเกี่ยวข้องกับคดีใดหรือไม่และมีการขูด หรือทำลายหลักฐานที่มาของอาวุธปืนดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์จึงทราบผล

ตร.สามเสนยันคดี"บีม"ต้องทำตามหลักฐาน

เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.ชยุทธ มารยาทตร์ รอง ผกก.สส.สน.สามเสน เปิดเผยว่า หลังจากที่นายศรัญญูหรือ "บีม" ประชากริช อายุ 27 ปี ดารา-พิธีกรสีสันบันเทิงสด ทางช่อง 3 ได้ประกันตัวไปเมื่อช่วงเย็นวานนี้ โดยทางเจ้าตัวได้นำหลักฐานการครอบครองรถมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน เพื่อขออนุญาตนำรถกลับไปเพื่อดำเนินการซ่อมแซม ส่วนของกลางที่เป็นอาวุธปืนที่ยึดได้ภายในรถนั้น เบื้องต้นไม่ใช่ปืนของนายศรัญญู และได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนนำส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบว่าปืนดังกล่าว เคยเกี่ยวข้องกับคดีใดหรือไม่และมีการขูดหรือทำลายหลักฐานที่มาของปืนดัง กล่าวหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์จึงทราบผล

พ.ต.ท.ชยุทธ กล่าวต่อว่า ด้านสำนวนการสอบสวนในคดีนี้ ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้กำชับว่า ให้ดำเนินการตามคำให้การผู้ต้องหาและพยานหลักฐานที่ปรากฏก่อนสรุปสำนวนส่ง อัยการดำเนินการในคดีครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนฐานความผิดอื่นมีโทษเพียงแค่เปรียบเทียบปรับ

พ.ต.ท.ชยุทธ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับข้อหาที่ทางพนักงานสอบสวนแจ้งกับนายศรัณยู 3 ข้อหา มีโทษดังนี้ พกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และติดตั้งสัญญาณไฟฉุกเฉินบนรถโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook