"หน่อย บุษกร" เล่าไม่กั๊ก รักที่ไม่มีใครเห็นด้วย บอกเลิก "เคน" ก่อนลงเอยรักหวาน 21 ปี

"หน่อย บุษกร" เล่าไม่กั๊ก รักที่ไม่มีใครเห็นด้วย บอกเลิก "เคน" ก่อนลงเอยรักหวาน 21 ปี

"หน่อย บุษกร" เล่าไม่กั๊ก รักที่ไม่มีใครเห็นด้วย บอกเลิก "เคน" ก่อนลงเอยรักหวาน 21 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คร่ำหวอดในวงการมานานมาก สำหรับนักแสดงฝีมือดี หน่อย-บุษกร วงศ์พัวพันธ์ นักแสดงเจ้าบทบาทที่รับมาแล้วทุกบทบาท จนตอนนี้พัฒนาตัวเองผันตัวนั่งแท่นผู้จัดละครไฟแรง ส่งละครน้ำดีออกมาให้แฟนๆ ชมหลายต่อหลายเรื่อง

อย่างล่าสุดผู้จัด หน่อย บุษกร ก็ขอส่งผลงานฟีลกู้ด ฮาๆ ออกมาเสิร์ฟแฟนๆ กับละคร "ดวงตาที่ 3" ออนแอร์ทางช่อง 3 ไม่กี่ตอนก็ทำเอาติดเทรนด์ แฟนๆ พูดถึงกันมากมาย งานนี้ sanook.com เลยขอคว้าตัวผู้จัดคนเก่งมานั่งพูดคุยกันถึงละครเรื่องนี้ พร้อมกับคุยเรื่องราวเส้นทางรักกับสามี เคน ธีรเดช ที่กว่าจะมาถึงวันนี้เลิกกันก็เคยมาแล้ว

ละคร "ดวงตาที่ 3" น่าสนใจยังไงบ้าง?

"เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของพระเอกที่มีดวงตามที่ 3 คือ มีสัมผัสพิเศษ เขาก็จะเห็น ผี วิญญาณ ความสนุกมันอยู่ที่ผีต่างๆ ต่างๆ ที่เข้ามาในสถานการณ์ต่างๆ มีทั้งผีใจดี ผีตลก ผีที่มาแค่โชว์ว่าเป็นผี มีผีหลากหลายมาก มีดารารับเชิญเยอะ ที่จะมารับบทเป็นผีในบทบาทต่างๆ"

"เรื่องนี้เป็นคอมมาดี้เป็นหลัก มีเรื่องของความรัก และมีเรื่องผีเป็นบรรยากาศ เป็นแนวที่เรายังไม่เคยทำมาก่อน มาทำเรื่องนี้เพราะว่าเราอ่านแล้วรู้สึกสนุก ชอบ ที่บอกว่าชอบก็คือชอบที่ในเรื่องมีเรื่องราวเยอะ นอกจากเรื่องผีแล้วยังมีเรื่องความรัก ความสัมพันธ์อย่างความสัมพันธ์ของเพื่อนที่เขาจะคอยช่วยเหลือกัน ปัญหาความรัก ความเข้าใจผิดของพระ นาง เลยหยิบมาทำค่ะ"

เป็นการเจอกันของ "เจมส์ มาร์" กับ "มิว นิษฐา" คนไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน?

"ใช่ค่ะ เรามองว่าเจมส์ กับมิว เขาเป็นเคมีที่น่ารัก เป็นเคมีใหม่ คิดว่าน่าจะเรียกรอยยิ้มให้คนดูในช่วงที่เครียดๆ แบบนี้ได้ไม่มากก็น้อย แล้วก็เป็นละครที่ดูกันได้ทั้งครอบครัว เป็นละครฟีลกู้ดดูแล้วยิ้มๆ ไปกับเรา มีความตื่นเต้นหน่อยๆ มีน้ำตาเบาๆ ค่ะ"

 ทำไมหยิบเอาความฟีลกู้ดมานำเสนอช่วงนี้?

"ปกติเป็นคนชอบความฟีลกู้ดค่ะ ส่วนมากจะเห็นหน่อยเล่นแต่ดราม่า เล่นร้าย จริงๆ แล้วไม่ได้ชอบความดราม่าหรือความเครียดเลย ส่วนตัวชอบดูซีรีส์ ดูหนัง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ฟีลกู้ด เพราะรู้สึกว่าการใช้ชีวิตเราทุกวันนี้ก็เหนื่อยพอแล้ว อยากขำ อยากคลายเครียดบ้าง เป็นคนอินอะไรง่าย บางเรื่องดูก็เศร้า ร้องห่มร้องไห้ เศร้าไปทั้งวัน ก็เลยอยากทำอะไรที่ดูแล้วคนดูอารมณ์ดี"

ละคร ดวงตาที่ 3

การถ่ายทำท่ามกลางโควิดเป็นยังไงบ้าง?

"ก็ต้องหยุดถ่ายทำเหมือนกัน แต่ก่อนจะล็อกดาวน์ยาว ถือว่าเรายังมีความโชคดี คือ เราปิดกล้องได้ทันก่อนจะล็อกดาวน์ หวุดหวิดมาก ต้องเอาให้จบให้ได้เพราะมิวมีน้องด้วย ไม่มีเวลาแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าถ้าล็อกดาวน์แล้วจะต้องอีกนานแค่ไหน ถึงขั้นไปบนบานศาลกล่าวเลยนะ (หัวเราะ) ขอให้ได้คิวขอให้ราบรื่น แล้ววันถ่ายสุดท้ายฝนตกอีก โอ้ย ลุ้นสุดๆ แล้วตอนนั้นข่าวยอดผู้ติดเชื้อสูงมากแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ  ปิดทันพอดี"

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เท่าไหร่แล้วในฐานะผู้จัด?

"เรื่องที่ 7 แล้วค่ะ หน่อยทำปีละเรื่อง แต่มีปีที่แล้วที่หยุดทำไปเพราะไปเล่นเรื่อง “ทุ่งเสน่หา” ก็ถือว่าทำงานผู้จัดมา 8 ปี ทำมา 7 เรื่องค่ะ"

เป็นยังไงบ้างกับการเปลี่ยนบทบาทจากนักแสดงมาสู่การนั่งแท่นผู้จัด?

"ก็เหนื่อยแต่ก็สนุกที่เราได้ทำงานในสิ่งที่เราคิดอยากนำเสนอออกไป งานทุกงานถ้าเรารักที่จะทำไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนเราก็มีความสุขได้ ส่วนพาร์ทความเหนื่อยต้องบอกว่าการเป็นผู้จัดเหนื่อยทุกจุดเลยนะ ลุ้นตลอดตั้งแต่เรื่องจะเสนอผ่านมั้ย เราจะได้ใครมาเล่น ทีมงาน เปิดกล้อง หลังจากเปิดกล้องก็คือมีเรื่องให้ลุ้นทุกวัน เพราะการทำงานแต่ละวันต้องมีปัญหาอยู่แล้ว และมีปัญหาต่างๆ กันออกไป อยู่ที่ว่าเราจะจัดการยังไง ถ่ายทำเสร็จเข้าสู่การตัดต่อ และสุดท้ายละครออนแอร์ก็ลุ้นอีกว่าคนจะชอบงานของเราหรือเปล่าแต่จุดนี้ก็เหนือการควบคุมของเราแล้ว"

"เราก็เต็มที่กันที่สุดในแต่ละงาน มาเป็นผู้จัดก็จะได้เห็นอีกมุมนึงที่ตอนเราเป็นนักแสดงเราจะไม่เห็น เพราะตอนเป็นนนักแสดงเราแค่รับผิดชอบตัวเอง แต่เป็นผู้จัดเรารับผิดชอบทุกอย่างแล้วรายละเอียดเยอะมาก แต่อย่างที่บอกค่ะเป็นงานที่เราชอบ เราเลยมีความสุขที่ได้ทำ แล้วก็อยากทำไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องค่ะ"

งานหน้าจอล่ะ จะห่างหายเลยไหม?

"ยังมีอยู่ค่ะ เดี๋ยวมีละครที่ต้องไปเล่น พี่คิง บ.กู้ดฟีลลิ่ง เรื่อง สะใภ้สายสตรอง เป็นแม่พระเอกที่กีดกัน พระเอกกับนางเอก เอาจริงๆ ก็สนุกกับเบื้องหลัง แต่สำหรับเรื่องนี้ทางช่องเขาอยากให้เล่นก็เลยไปเล่น แต่ถ้าให้เลือกคงทำงานเบื้องหลังก่อน รับเฉพาะบทที่น่าสนใจสำหรับเรา จะไม่ได้เห็นเยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ เพราะนอกจากงานผู้จัดเราต้องดูแลครอบครัว ลูกและสามีด้วย"

ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่หลายคนชื่นชอบแต่ละโมเมนต์ชวนยิ้มมากๆ 

"ขอบคุณค่ะ (หัวเราะ) ก็ฮาๆ ค่ะ อย่างคุณสามีที่เห็นเราโพสต์แซวในไอจีก็เขาเป็นแบบนั้นจริงๆ เป็นคนมีกิจกรรมเยอะไปหมด บางทีก็เล่นเกินเบอร์ลูกแล้วบาดเจ็บ เราก็ต้องเล่นงานเขานิดนึง เรียกว่ามีลูกชาย 3 คนเลยค่ะ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ชอบความฟีลกู้ด อารมณ์ดีค่ะ ไม่ชอบความดราม่ากันสักเท่าไหร่"

แบ่งบทบาทการดูแลครอบครัวกันยังไงบ้าง?

"ตอนนี้หน่อยรับหน้าที่เป็นเชฟทำกับข้าวไป ส่วนเคนก็เป็นฝ่ายสันทนาการ สร้างความบันเทิงให้ลูกๆ เพราะเขาเป็นคนกิจกรรมเยอะ เดี๋ยวก็เรียกลูกไปยืดเส้นยืดสาย ไปวิ่ง ไปตีแบต ตีปิงปอง เล่นบาส อะไรต่างๆ นานา เป็นการใช้เวลาร่วมกัน แต่สุดท้านแล้วพ่อสนุกสุด อะไรที่เป็นเรื่องเล่นพ่อชอบ (หัวเราะ)"

ครอบครัว วงศ์พัวพัน

แซวกันเยอะเรื่องการแต่งตัวอยู่บ้านของพ่อ?

"อันนั้นก็สุด แม่ว่าแม่แน่ก็ต้องแพ้พ่อ (หัวเราะ) คือ เราก็ว่าเราเป็นคนแต่งตัวจัดเต็มนะ ชอบแล้วก็สนุกในการแต่งตัว สุดท้ายหันไปอีกที เอ้า! เต็มกว่า พ่อต้องไม่แบบนี้สิ อยู่บ้านพ่อก็แน่นอ่ะ จริงๆ นะเขาอยู่บ้านก็แต่งตัวเยอะเป็นเรื่องปกติ ถามว่าจะไปไหนล่ะวันนี้ เขาบอกก็ไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านแต่อยากแต่ง แล้วยังบอกเราด้วยว่า แม่ก็ต้องแต่งตัวให้มันสดชื่นนะ"

ลูกๆ ก็โตกันขึ้นเรื่อยๆ เป็นยังไงบ้าง?

"เขาก็โตกันขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ แต่ละคนก็มีความรู้เรื่อง รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง เรียนออนไลน์ เรียนผ่านซูมของเขา ตื่นเช้ามาก็เตรียมตัวเรียน ไม่ได้เลท หรือ งอแงอะไร ถือว่าโอเคค่ะ อย่างช่วงนี้ที่เขาต้องอยู่บ้านเราต้องปรับตัวไปด้วยกัน"

แต่ละคนมีมุมไหนเหมือนคุณพ่อคุณแม่บ้าง?

"หน่อยว่าเขามีความเหมือนผสมๆ กันไปนะคะ อย่างพี่คุณเขาจะเป๊ะเหมือนพ่อ มีความเนี้ยบ ไปโรงเรียนก็ไม่เคยต้องปลุก เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ส่วนน้องจุนก็จะเหมือนพ่อเรื่องการแต่งตัว เวลาใส่เสื้อก็ต้องพับแขนเสื้อให้เท่ากันอะไรแบบนี้ ได้มาเต็มๆ ทั้งคู่ ส่วนที่เหมือนแม่น่าจะเป็นเรื่องเขาจะเป็นเด็กที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเหมือนแม่เข้ากับคนง่าย"

เห็นแววบ้างหรือยังว่าแต่ละคนสนใจอะไร?

"ความสนใจน่าจะเป็นไปตามวัยค่ะ เห็นเขาก็สนใจแอนิเมชั่น อ่านมังงะ เล่นบาส เล่นอะไรเป็นไปตามธรรมชาติของเขา ตอนเด็กๆ เขาบอกว่าอยากเป็นยูทูปเบอร์ เพราะมีคนบอกว่าเป็นยูทูปเบอร์แล้วรวย (หัวเราะ) ก็เป็นความคิดของเด็ก แต่ตอนนี้พอถามเขาน้องคุณเขาบอกอยากเขียนการ์ตูน คือ มันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสิ่งที่เขาคลุกคลีอยู่ เราก็ให้เขาค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ เราก็ซัพพอร์ตเขาเต็มที่ในสิ่งที่เขาอยากทำค่ะ"

มีแววมาเล่นละครบ้างไหม?

"ไม่เลย แต่เขาเคยมาเข้าฉากเป็นเอ็กซ์ตร้าให้แม่ แต่เขาไม่ได้อยากเล่นอะไรขนาดนั้น แล้วหน่อยคิดว่าถ้าเขาจะมาเล่นจริงๆ เขาจะต้องมีความรับผิดชอบอีกมาก เราก็ยังไม่อยากให้เขาต้องมาเต็มตัวอะไรขนาดนั้น"

เป็นครอบครัวที่เที่ยวเก่งมาก ถ้าหมดโควิดแล้วที่แรกที่อยากไปคือที่ไหน?

"ครอบครัวเราเวลาทำงานก็จะทกันหนักมาก เวลามีเวลาก็จะพากันเที่ยว คุณเคนเขาก็เป็นคนชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทางอยู่แล้วตั้งแต่ไหนแต่ไร เป็นตั้งแต่สมัยเรายังเด็กๆ ที่ยังไม่มีเงินเที่ยวกันเลย เราก็ค่อยๆ เก็บเงินและเดินทางกันทั้งในและต่างประเทศ แล้วภาพที่หน่อยโพสต์ที่เห็นเป็นฟิล์มจริงๆ มีอีกเยอะมากเพราะคุณเคนเขาถ่ายฟิล์มตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยมีกล้องดิจิตอลเลยใช้กล้องฟิล์มตลอดแล้วก็เสียเงินกับการล้างฟิล์ม อัดรูปเยอะมาก อัดทีเป็นหมื่นก็มีนะ เขาบอกเขาชอบอัดใส่กระดาษ แล้วตอนนี้ก็คือเต็มตู้เลย"

หน่อย และลูกๆ

"ถามว่าเดินทางแล้วจะไปไหนก็แน่นอนญี่ปุ่น ชอบอากาศ แล้วก็รู้สึกที่นั่นเขามีความเฟรนด์ลี่กับการไปกันเป็นครอบครัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับเด็กทุกจุด แล้วก็เขามีความเฟรนด์ลี่ มีพื้นที่ให้เด็กๆ สามารถวิ่งเล่นกันโดยที่เราไม่ต้องระวังอะไรมาก แล้วเด็กๆ ก็ชอบญีปุ่นกัน"

มาในพาร์ทความเป็นสามี ภรรยา ตอนนี้ใช้ชีวิตร่วมกันมากี่ปีแล้ว?

"เป็นแฟนกัน 7 ปี แต่งงาน 14 ก็ปีนี้ 21 ปีแล้วค่ะ นานมาก"

เคล็ดลับการใช้ชีวิตร่วมกันของคู่เราคืออะไรบ้าง?

"นานแต่ก็อยู่กันได้นะ สิ่งสำคัญ คือ เราต้องยอมรับในกันและกัน มีแพ้บ้าง ชนะบ้าง ต้องยอมรับตรงนั้น ถ้าพูดถึงการปรับตัวเราปรับกันมาตั้งแต่เป็นแฟนแล้ว เราปรับกันเยอะเหมือนกัน เพราะเราต่างกันทั้งเรื่องอายุเรื่องอะไรหลายๆ อย่าง แต่พอเราศึกษาอยู่ด้วยกันเราก็ต้องปรับ พอมีลูกก็ต้องปรับอีก จริงๆ ปรับกันตลอด เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับเข้าหากันเพราะทุกเรื่องในโลกนี้ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราหมดทุกอย่างหรอก แค่เรายอมรับแค่นั้นเอง"

เคยมีปัญหาเรื่องอายุแล้วแก้ปัญหาผ่านมาได้ยังไง?

"เคนเขาทำให้เรารู้สึกว่ามั่นคงและปลอดภัย เราคบกับคนคนนี้ได้ เขามีอนาคตให้เรา แรกๆ เราอาจจะไม่แน่ใจว่าคนนี้ใช่หรือเปล่าแต่พอคบกันไปเข้าปีที่ 7 เขาก็บอกว่าเราน่าจะแต่งงานกันได้แล้วเนาะ หลังจากนั้นเขาทำให้เราเห็นว่าเขาจะเป็นคนที่ดูแลเรา และเราฝากชีวิตไว้กับเขาได้"

แสดงว่าช่วงแรกมีช่วงหวั่นไหวในความสัมพันธ์?

"มีๆ เป็นเรื่องธรรมดาด้วยหลายคนอาจจะไม่เห็นด้วย เพื่อนเรา คนรอบตัวเรา เพราะเราต่างกับเขาเยอะ หลายคนมองว่าเด็กก็จะชอบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอยู่แล้วในช่วงแรก เดี๋ยวคบๆ กันไปก็ทิ้งอะไรแบบนี้ เป็นอะไรที่เราต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าใช่ หรือ ไม่ใช่"

หน่อย เคน

แล้วสิ่งไหนที่เขาทำให้เรารู้สึกมั่นคงในความรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วคนนี้แหละใช่?

"หน่อยเป็นคนชัดเจนค่ะ เราจะเป็นของเราแบบนี้ตั้งแต่แรกเลย คือ เป็นตัวเองให้เขาเห็น ให้เขายอมรับในตัวเราโดยที่เราไม่ต้องพยายามทำเป็นคนโลกสวย ให้เขามองว่าเราเป็นคนดี การเป็นตัวตนของเราเราก็จะไม่เหนื่อยในขณะเดียวกันเราก็ต้องปรับด้วยในสิ่งที่เราจะสามารถไปด้วยกันได้ ก็ปรับกันทั้งสองฝ่ายค่ะ"

ระหว่างทางมีเลิกกันบ้างไหม?

"มีๆ มีพูดเลิกกัน เพราะว่ามีคนบอกว่าเราไม่ควรคบกัน สุดท้ายเคนเขาบอกว่าขอให้เราเลิกกันเพราะว่าเขาไม่ดี ดีกว่าเลิกกันเพราะมีคนบอกว่าเราไม่ควรคบกัน เราก็คิดว่า เออ ก็ใช่เนาะเลยลองดู หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้มีปัญหากัน เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย เป็นแบบนี้มาตลอด เพียงแต่ว่าตอนนี้พอมีลูกเขาจะมีความรีแล็กซ์มากขึ้น เล่นกับลูกได้ เรียกว่าเวลาเป็นผู้นำก็นำได้ เวลาเล่นก็เล่นได้ เวลาเขาดุเขาก็ดุมากนะ เขาจะไม่ตีแต่พูดด้วยเหตุผล ลูกจะกลัวเขามากกว่ากลัวแม่ (หัวเราะ)"

 ใช้ชีวิตร่วมกันมานานเรื่องของความหวานยังเสมอต้นเสมอปลายไหม?

"เราก็มีให้กันทุกวันนะ ก็ไม่เรียกว่าเติมความหวานหรอกมีทุกรสเลย (หัวเราะ) บางทีก็ทะเลาะกัน มีมองบนใส่กัน มันไม่มีใครถูกใจเราทุกวันหรอก เราเองก็เป็นบางทีเราก็มองบนใส่เรา เป็นธรรมดา แต่บางทีเราก็ต้องยอมที่จะแพ้บ้าง ถึงแม้ว่าเรารู้สึกว่าเหตุผลเราแน่นก็เถอะ บางทีก็ต้องยอมแพ้ก็ได้วะ แต่พรุ่งนี้ฉันต้องชนะ (หัวเราะ) ต้องเอาเรื่องนี้มาคุยกันว่าเหตุผลฉันเป็นแบบนี้นะ ไม่ใช่ว่ายืนยันไม่ฟังอะไรเลย"

หน่อย เคน

มีมุมไหนของเขาที่เป็นมุมลับๆ คนไม่ค่อยรู้?

"คน่าจะเห็นเขาทุกมุมแล้วนะ มุมหล่อ มุมตลกก็หัวเราะเสียงดัง แต่คนอาจจะไม่ค่อยเห็นเขาซีเรียสมั้งคะ เขาจะมีมุมซีเรียสเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องลูก เรื่องครอบครัว จะค่อนข้างเทคแอคชั่นเยอะ ด้วยความเป็นห่วงต่างๆ อ้อ อีกอย่างใครจะคิดว่าเขาเป็นคนไม่ชอบไปงานอีเว้นต์ เขาไม่ชอบออกสังคม ออกสื่ออะไรมากมาย เราก็บอกเขา เดี๋ยวๆ เธอเป็นนักแสดง (หัวเราะ) เขาบอกทำการแสดงได้ แต่ไม่ชอบออกงาน ปล่อยมุก เอ็นเตอร์เทนอะไรแบบนั้นเขาจะทำไม่เป็น คนเลยจะไม่ค่อยเห็นเขาไปงาน หรือไปออกรายการอะไรมากมาย"

วันนี้พูดคุยเต็มอิ่มมาก สุดท้ายฝากถึงละครเรื่องล่าสุดและผลงานในอนาคตหน่อย?

"ฝากละครดวงตาที่สามด้วยนะคะ ทางช่อง 3 อยากให้ทุกคนมีความบันเทิงร่วมกันในครอบครัว ถ้าทุกคนบอกว่ากลัวผีไม่กล้าดูก็จริงๆ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ อย่ากลัวเลยผี คนต่างหากที่น่ากลัว เรื่องนี้หลากหลายครบรส บรรยากาศคอมมาดี้ เคมีน่ารักมาก อยากให้ลองชมกันดูค่ะ ขอบคุณค่ะ"

 

อัลบั้มภาพ 48 ภาพ

อัลบั้มภาพ 48 ภาพ ของ "หน่อย บุษกร" เล่าไม่กั๊ก รักที่ไม่มีใครเห็นด้วย บอกเลิก "เคน" ก่อนลงเอยรักหวาน 21 ปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook