วาดลวดลายกับ Nissan TIIDA ใหม่

หลังจากที่มีข่าวการเปิดตัว Nissan TIIDA ใหม่ ไมเนอร์เชนจ์ออกมาเมื่อวันก่อน ก็มีเสียงตอบรับจากผู้ใช้รถมากมายเลยทีเดียว เราจึงไม่พลาดที่จะนำข้อมูลของคอมแพคท์คาร์รุ่นนี้

เมื่อมีโอกาสจากบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการขับทดสอบ ที่พยายามให้มุมมองของคนใช้งานรถทั่วไปมากกว่าการให้ข้อมูลเชิงลึกในด้านเทคนิค แต่ถ้ามีโอกาสและเวลามากพอเราก็จะนำเสนอในมุมมองอื่นๆ สำหรับผู้ที่สนใจในด้านสมรรถนะและการแต่งหรือเข้าทำนองที่ว่า "มีไว้โชว์มากกว่าไว้ใช้!"

FIRST DRIVE with NISSAN TIIDA 1.6 Hatchback

ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องราวจากเพื่อนฝูงที่เป็นกลุ่มคนรักรถด้วยกันรวมถึงการไปเจอะเจอข้อมูลต่างๆ ที่บรรดา Guru เค้าโพสต์เอาไว้ตามเว็บบอร์ดหรือ จากกระทู้ต่างๆ บนสังคมออนไลน์มานานพอสมควรกับการพูดถึงเจ้ารถยนต์รุ่นนี้ สเปกนี้ โดยที่ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า วันนี้จะได้มีโอกาสมาลองสัมผัสอย่างใกล้ชิดติดเบาะกับเจ้า NISSAN TIIDA Hatchback รุ่น 1.6 G สีขาวสวยเด่นคันนี้

ครั้งนี้เลยถือโอกาสเปิดตัวแบบ First Drive ที่ไม่ใช่ Test Drive ในแบบวิเคราะห์เจาะลึกข้อมูลอะไรมากนัก ซึ่งข้อมูลที่เล่าออกมาจะเน้นที่มุมมองและความรู้สึกของผมเป็นหลัก ดังนั้นการมองต่างมุมเป็นสิ่งที่ดีและย่อมเกิดขึ้นได้เสมอกับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจรถรุ่นนี้อยู่นะครับ

OUTLOOK "MORE"

เริ่มแรกกับสัมผัสภายนอกที่ดูเท่ ดีไซน์เก๋ ด้วยไฟหน้า-หลังที่โฉบเฉี่ยวทันสมัยมากขึ้น ที่มาพร้อมกับ ล้ออัลลอยด์พร้อมยางแบบมาตราฐานขนาด 185/65R15 ทำให้ความรู้สึกและมุมมองของผมที่มีต่อรถขนาดกะทัดรัดแบบนี้ กลายเป็นรถหรูดูดีขึ้นมาในทันที ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วชอบรูปทรงของรถรุ่นนี้มากเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน เรียกได้ว่า NISSAN TIIDA มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น โดนใจผมมากทีเดียวครับ

ENGINE "WORK"

มาแง้มฝากระโปรงดูขุมพลังของเจ้า TIIDA กันบ้างกับ เครื่องยนต์แบบ 4 สูบแบบแถวเรียง DOHC 16V CVTC ที่ทางค่ายการันตีเรื่องประหยัดน้ำมัน ที่สำคัญสามารถใช้แก๊สโซฮอลล์ E20 ได้อีกด้วย ถือได้ว่าครบเครื่องเรื่องประหยัดเลยทีเดียว

INSIDE "COMFORTABLE"

เขยิบเข้าไปใกล้ชิดอีกหน่อยกับประตูที่เปิดอ้ารับผู้ชายที่ตัวค่อนข้างใหญ่อย่างผม ตอนแรกก็คิดไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับความสะดวกสบายของห้องโดยสาร ว่าจะตอบโจทย์โดนใจตัวเองแค่ไหน เพราะโดยปกติแล้วผมเป็นคนที่ชอบขับรถคันใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงกลัวว่าจะมีมาตรฐานที่สูงจน เกินไปสำหรับรถคันนี้

แต่จากสัมผัสที่ได้รับเมื่อหย่อนตัวลงไปที่เบาะผ้าทรงสปอร์ตนั้น กลับได้ความรู้สึกที่ดีมากๆ เบาะค่อนข้างกระชับรองรับรูปหลังได้ลงตัวและมีความนิ่มนวล ไม่รู้สึกอึดอัดอย่างที่กลัวในตอนแรก และสิ่งที่ทำให้รู้สึกอึ้งไปก็คือ เมื่อผมเอียงตัวกลับไปที่ด้านเบาะหลังเพื่อสำรวจบางสิ่งบางอย่างที่ "เค้าเล่าว่า" นั้นสมคำร่ำลือจริงหรือเปล่า??? คำตอบที่ได้คือ "ใช่เลยครับ" พื้นที่และความกว้างขวางของที่นั่งเบาะด้านหลังเรียกได้ว่า สะดวกสบายและกินขาดรถรุ่นอื่นๆ ที่ใกล้เคียงและอาจจะสูงกว่ารถรุ่นพี่ในบางรุ่นด้วยซ้ำไป แถมเบาะหลังยังสามารถแยกพับได้อย่างอิสระ เพื่อเพิ่มความกว้างในห้องโดยสารให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ถ้าลองนึกถึงการเดินทางไกลๆ ทำให้รู้สึกอยากเปลี่ยนจากคนขับเป็นคนนั่ง แหม! คงจะชิลกันเลยทีเดียว

พอหลังจากกวาดสายตามองสิ่งต่างๆ รอบตัว และหันกลับมาพิจารณาด้านหน้าบริเวณแผงคอนโซลแล้ว ทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะดีไซน์แถบสีเงินเมทัลลิคตรงแผงควบคุมกลางที่ดูทันสมัย ลงตัวไปกับระบบเครื่องเสียงคุณภาพที่เล่นได้ทั้งแผ่นซีดี MP3 แล้วยังมีช่อง AUX IN สำหรับต่อพ่วง iPod อีกด้วย แถมฟังก์ชั่นสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยและระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่ช่วยให้ผมรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้นในการใช้งานเจ้ารถคันนี้

LET'S DRIVE, SMOOTH RIDE

คว้ากุญแจดีไซน์เก๋ ที่มาพร้อมกับ Remote Control พร้อมความตั้งใจเต็มที่ในการเก็บเกี่ยวความรู้สึกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสิ่งที่ตั้งใจเป็นอันดับแรกเลยคือเงี่ยหูฟังเพื่อทดสอบความเงียบของห้องโดยสาร เพราะ NISSAN มีชื่อเสียงในด้านนี้มากจริงๆ (ได้ยินคนพูดจนหูชาเลยทีเดียว) ผลลัพธ์ที่ได้แบบคนที่ไม่เคยลองนั่งรถตระกูลนี้เลยก็คือ "เงียบกริบ" ไม่ค่อยมีเสียงจากภายนอกเข้ามารบกวนสักเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกแอบอิจฉารถยี่ห้อนี้เล็กน้อย แต่ลึกๆ ก็ยังมั่นใจว่าต้องมีจุดด้อยบ้างล่ะสำหรับเจ้า TIIDA รุ่นนี้ เนื่องจากมีน้องที่ออฟฟิศ ซึ่งเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้มาได้ปีกว่าๆ เล่าว่า "รถรุ่นนี้ดีหมดครับพี่ แต่อาจจะเจอปัญหาเรื่องเสียงดังจากพวงมาลัยที่เป็นมาจากโรงงานและโช๊คอัพหลังที่เด้งหน่อยแค่นั้นเองครับ" ประโยคนี้ลอยขึ้นมาในสมองพร้อมให้ผมจับผิดขึ้นมาในทันที แต่เอ๊ะ! เหมือนกับว่าทาง Nissan ได้ทำการบ้านมาแล้วเป็นอย่างดีกับสิ่งต่างๆ ที่เป็นข้อผิดผลาดในอดีต ซึ่งทุกอย่างดีขึ้นจนข้อสงสัยทุกอย่างในสมองผมได้อันตรธานหายไปในพริบตา

ขับไปเพลินๆ แซงไปแซงมาอ้าวไหงความเร็วขึ้นไปถึง 150 กม./ชม. ซะงั้น แทบไม่รู้สึกเลยว่ารถได้พุ่งทะยานไปที่ความเร็วขนาดนั้นแล้ว เพียงแค่รู้สึกว่าเสียงเครื่องเริ่มครางนิดๆ เหมือนเริ่มออกอาการเหนื่อยในการที่จะทำความเร็วเพิ่มขึ้นเพื่อไต่ระดับความเร็วไปที่ 180-190 กม./ชม. แต่ผมเชื่อว่าเจ้า TIIDA ตัวนี้สามารถทำได้อย่างแน่นอน และสิ่งที่ผมรู้สึกดีอีกอย่างคืออัตราการตอบสนองของเกียร์ที่มาแบบทันใจ เพราะทุกครั้งที่ผมกดคันเร่งเพื่อพาเจ้า TIIDA คันนี้ขึ้นไปแซงหน้าเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน มันสามารถสนอง Need ผมได้ดีเลยทีเดียว แม้จะเป็นแค่เครื่องในรุ่น 1.6 เท่านั้น แถมการที่ทาง Nissan ได้พัฒนาช่วงล่างแบบทอร์ชัน บีม สามารถทำให้มั่นใจในการยึดเกาะถนนได้มากยิ่งขึ้น แต่มันยังไม่หมดแค่นั้นครับ ผมอยากรู้ต่อไปว่าระบบเบรคที่ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อความปลอดภัยของตัวรถจะทำได้ดีแค่ไหน ผมทดลองที่ความเร็ว 60 กม. แล้วกดเบรคแบบคนตกใจ คือเหยียบมิดนั่นเอง ผลที่ได้คือรถมีอาการไถลไปพอสมควรแต่ถือว่ารับได้ไม่ Perfect แต่ Save ครับ

SPEED TEST

ก่อนจะเสร็จสิ้นการทดลองขับในครั้งนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการสวมวิญญาณนักแข่งเพื่อทำความเร็วของเจ้า TIIDA จาก 0 - 100 กม. ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งได้ลอง Test บนทางตรงแบบยาวๆ กับการบวกน้ำหนักตัวของทีมงานและตัวผมโดยรวมเกือบ 200 กิโล ซึ่งทำการ Test Speed ทั้งหมด 2 ครั้งด้วยกันได้ระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันที่ 12 วินาที ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับผมครับ

ก็ต้องขอขอบคุณทางบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เปิดโอกาสให้ได้มาลองสัมผัสกับความสุขที่เรียกได้ว่า "อิ่มอร่อย" แบบลงตัวเลยทีเดียว และขอขอบคุณคุณเบียร์ในการเป็นธุระและติดต่อประสานงานครั้งนี้ แม้ว่าเวลาจะมีไม่มากคือแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็ได้ความรู้สึกประทับใจกลับไปแบบไม่น้อยเลย ถ้ามีโอกาสอยากจะลองสัมผัสกับเจ้า TIIDA ในรุ่น 1.8 เหมือนกันว่าจะเห็นความแตกต่างกันชัดเจนแค่ไหน หรือจะแทบไม่แตกต่างกันเลยในความรู้สึกของผมก็เป็นได้

สมการที่ว่า "ของดี + คุ้มค่า + สมราคา" คงจะใช้ได้กับ NISSAN TIIDA 1.6 Hatchback รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

อย่าลืมนะครับ "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าทดลองขับจริงนะครับ"

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nissan.co.th