"เพื่อไทย" โต้ ไม่ได้ฮั้ว "ประยุทธ์" ตีเช็คเปล่า 1.6 หมื่นล้านคืนงบกลาง แต่ชีวิตคนรอไม่ได้

"เพื่อไทย" โต้ ไม่ได้ฮั้ว "ประยุทธ์" ตีเช็คเปล่า 1.6 หมื่นล้านคืนงบกลาง แต่ชีวิตคนรอไม่ได้

"เพื่อไทย" โต้ ไม่ได้ฮั้ว "ประยุทธ์" ตีเช็คเปล่า 1.6 หมื่นล้านคืนงบกลาง แต่ชีวิตคนรอไม่ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 กล่าวถึงกระแสข่าว กมธ.ฝั่งพรรคเพื่อไทย หนุนให้เพิ่มงบประมาณที่ได้จากการปรับลด จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท แก่งบกลาง ว่า การที่พรรคเพื่อไทยยกมือเพิ่มงบประมาณให้กับงบกลางนั้น มีวัตถุประสงค์ของการใช้เงินไว้อย่างชัดเจนว่าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ถามว่า พรรคเพื่อไทยผิดอะไร

"ผมถามว่าถ้าไม่เอางบกลางที่ใช้ง่าย เพราะระเบียบในการเบิกจ่ายรวดเร็วควรใช้ในกรณีเร่งด่วนฉุกเฉิน คุณจะไปผ่านกระบวนการงบประมาณหรือ เพราะชีวิตคนรอไม่ได้ นี่คือจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคก้าวไกลจะเห็นต่างก็เป็นสิทธิ์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นว่าการช่วยเหลือชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ และเงินงบกลางส่วนนี้จะใช้ได้เฉพาะเรื่องโควิดเท่านั้น ถามว่านายกฯจะเอาไปซื้ออาวุธหรือรถถังได้หรืออย่างไร ดังนั้นพรรคก้าวไกลอย่าพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” นายยุทธพงศ์ กล่าว

เตรียมหาทางตรวจสอบการใช้งบฯ เข้มข้น ไม่ปล่อยตีเช็คเปล่า

ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณ 2565 กล่าวถึงกรณี กมธ. งบประมาณ 2565 มีมติให้นำเงินงบประมาณที่ปรับลดจำนวน 16,362 ล้านบาทไปไว้ที่งบกลางว่า สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และสร้างผลกระทบกับประชาชนอย่างหนัก กมธ.งบประมาณส่วนใหญ่จึงมีความเห็นตรงกันว่า การขอเพิ่มงบประมาณ ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอมานั้นควรนำมาตั้งไว้ในส่วนของงบกลาง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ชัดเจนว่า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหาและเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนสูงสุด

ประเสริฐ กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐธรรมนูญมาตรา 144 กำหนดว่า ในการพิจารณางบประมาณ การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ ของ กมธ. มีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้ โดย กมธ.งบประมาณในส่วนของพรรคเพื่อไทย เห็นตรงกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณในข้อวิตกกังวลนี้ และเห็นว่าการนำงบประมาณส่วนนี้ไปไว้ในงบกลาง จะตัดข้อสงสัยว่า ส.ส.หรือ กมธ.งบประมาณ มีส่วนร่วมในการใช้งบประมาณไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

“การตัดสินใจของ กมธ.งบประมาณ ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ไม่เกี่ยวกับสถานภาพ หรือการยอมรับในตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดนี้ ที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่าไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน และกำลังจะยื่นญัตติเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจในเร็ววันนี้ อีกทั้งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการกลัวจนเกินเหตุเหมือนที่ กมธ.งบประมาณในส่วนของพรรคก้าวไกลกล่าวอ้าง แต่พรรคเพื่อไทยซึ่งผ่านการรัฐประหาร ผ่านการยุบพรรคและผ่านการต่อสู้ทางการเมืองมามากว่า 20 ปี ให้เกียรติ ส.ส. ในการตัดสินใจประเมินความเสี่ยงทางการเมือง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าว

รักษาเอกภาพพรรคร่วมฝ่ายค้านไว้ให้ดีที่สุด

ประเสริฐ กล่าวอีกว่า กมธ.งบประมาณในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งข้อสังเกตในการใช้งบกลางก้อนนี้ที่จะต้องใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ คือเป็นการใช้สำหรับการแก้ไขปัญหาเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดินอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็น งบกลาง หรือ งบประมาณรายจ่ายด้านอื่นๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ โดยไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร อยู่จะติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้น

“พรรคเพื่อไทยขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า พรรคมีความอดทนอดกลั้นมาตลอดในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ที่ต้องการรักษาเอกภาพและบรรยากาศทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านไว้ให้ดีที่สุด ความคิดเห็นที่แตกต่างกันในกระบวนการทำงานเป็นสิทธิและความเห็นที่พรรคให้เกียรติพรรคร่วมฝ่ายค้านมาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการไม่พูดข้อเท็จจริงให้รอบด้าน การพูดในที่ประชุมอย่างหนึ่งแล้วสื่อสารในโซเชียลมีเดียอีกอย่างหนึ่ง เป็นการสร้างความสับสน สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน อาจส่งผลต่อความหวังของพี่น้องประชาชนที่ต้องการเห็นพรรคร่วมฝ่ายค้านทำงานร่วมกัน เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สำเร็จ” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว

หยุดโยนข้อหาให้ร้ายกัน

ด้านภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า การแสดงความเห็นวิจารณ์การตัดคืนงบประมาณไปสู่งบกลาง เพื่อให้รบ.หรือผู้มีอำนาจหน้าที่ ไปใช้ เพื่อแก้"วิกฤติโควิด"ที่กำลังรุนแรง กลับถูกมองด้วยความแคลงใจจากบางส่วน อยากเสนออีกแง่มุมมองให้พิจารณา มากกว่าโยนข้อหา กล่าวหาให้ร้ายกัน เพราะจะเป็นการบั่นทอนการ

ทำงานร่วมกันโดยไม่จำเป็น วิกฤติที่สุดวันนี้คือ "วิกฤติโควิด" ชีวิตและความทุกข์ปช.วันนี้สุดจะกล่าวการเสนอรวมทรัพยากรไปให้ผู้มีหน้าที่แก้ปัญหาให้ปช.มิใช่เรื่องผิดถ้ามีปัญหาเราคงต้องมาเล่นงานคนที่บกพร่องกันอีกครั้ง ไม่อยากให้เอา"การเมือง"มาใช้จน เป็นอุปสรรคที่ขวางความพยายามช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้ปช.

ขอเสนอข้อคิดให้...ผู้หวังดีต่อบ้านเมือง..."มีกันไม่มากนัก พยายามสงวน ข้อแตกต่าง และร่วมมือกันให้มากขึ้น น่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่า

"อย่าให้ความยึดมั่นของตน เป็นอุปสรรค ทำลายความร่วมมือกันของภาคประชาชนเลย เพราะหนทางข้างหน้า ยังอีกยาวไกล"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook