เศรษฐีกรุงเทพฯ กว้านซื้อที่ดิน 40 ไร่ สร้างบ้านทับซากหลังเก่า ไม่ทันเข้าอยู่ไฟไหม้วอด

เศรษฐีกรุงเทพฯ กว้านซื้อที่ดิน 40 ไร่ สร้างบ้านทับซากหลังเก่า ไม่ทันเข้าอยู่ไฟไหม้วอด

เศรษฐีกรุงเทพฯ กว้านซื้อที่ดิน 40 ไร่ สร้างบ้านทับซากหลังเก่า ไม่ทันเข้าอยู่ไฟไหม้วอด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เศรษฐีกรุงเทพฯ กว้านซื้อที่ดิน 40 ไร่ สร้างบ้านทับซากหลังเก่า ไม่ทันเข้าอยู่ไฟไหม้จากภายในตัวบ้าน จนโครงหลังคาทรุด เสียหายทั้งหมด

(19 มิ.ย.64) เวลา 02.30 น. ร.ต.ท.อภิวัฒน์ คำขำ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านไม่ทราบเลขที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.7 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ที่เพิ่งทำการก่อสร้างตบแต่งแล้วเสร็จไปเมื่อช่วงเย็นวานนี้ เพียงยังไม่ทันข้ามคืนโดยเจ้าของเป็นชาวกรุงเทพฯ และยังไม่มีคนเข้ามาพักอาศัยอยู่ภายใน จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ พร้อมประสานรถน้ำดับเพลิงจาก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียงมาทำการควบคุมเพลิง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านแบบคอนกรีตทรงสมัยใหม่รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบชั้นเดียว กว้างประมาณ 9 เมตร ยาวประมาณ 16 เมตร ถูกเพลิงลุกโหมออกมาจากภายในตัวบ้านจนโครงหลังคาทรุดตัวลง โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจาก อบต.เกาะขนุน เทศบาลตำบลเกาะขนุน รถน้ำจากบริษัทเอกชนใกล้เคียง และรถน้ำจากกำนันในพื้นที่จำนวน 4 คัน ร่วมกับรถน้ำ 4 ล้อขนาดเล็กจากอาสาสมัครดับเพลิงจิตอาสาอีก 1 คัน เข้ามาสมทบ

โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการควบคุมเพลิงนานเกือบ 2 ชม. เพลิงจึงสงบลงเมื่อเวลา 03.30 น. พบภายในตัวอาคารซึ่งปลูกสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กได้รับความเสียหายทั้งหมด พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน สอบถามนางวิไล อายุ 62 ปี ชาวบ้านข้างเคียง ซึ่งมีบ้านเรือนพักอาศัยอยู่ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร จากจุดเกิดเหตุ เล่าว่า ขณะที่กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้านได้ยินเสียงระเบิดขึ้น 2-3 ครั้ง

จึงได้ลุกขึ้นมามองดูทางหน้าต่างก่อนที่จะเห็นเปลวเพลิงเริ่มแผ่ประกายสีแดงฉานอออกมาจากประตูด้านหน้าบ้านหลังเกิดเหตุ จากนั้นจึงได้ลุกลามโชติช่วงท่วมไปทั่วทั้งหลัง จึงได้วิ่งไปตามร้องเรียกเพื่อนบ้านที่เป็นญาติๆ กัน ให้ช่วยกันลุกขึ้นมาดูเหตุการณ์ และโทรศัพท์แจ้งไปยังทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและทางตำรวจ

แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ ตนเองจึงได้บอกให้เพื่อนบ้านที่รู้จักและเคยพูดคุยกับทางเจ้าของบ้าน ซึ่งไม่ใช่คนในพื้นที่พยายามโทรศัพท์แจ้งไปบอกกับทางเจ้าของให้ทราบถึงเหตุที่เกิดขึ้น โดยทราบชื่อเจ้าของบ้านเพียง นายกฤษณะ เป็นชาวกรุงเทพฯ มีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่เพิ่งเข้ามาซื้อที่ดินที่หลุดจำนองจากทางธนาคารมาปลูกบ้านบนที่ดินแปลงนี้ เนื้อที่ประมาณกว่า 40 ไร่

โดยได้ทำการปลูกบ้านหลังใหม่ทับซากบ้านร้างหลังเดิม ที่มีเหลือแต่กำแพงคอนกรีตเก่าๆ เพียงครึ่งหลัง และไม่มีหลังคาจนกลายมาเป็นบ้านหลังใหม่ที่ถูกตกแต่งขึ้นมาจนดูดีสวยงาม และกลายเป็นบ้านทรงสมัยใหม่ทาสีตัวเรือนออกเทาๆ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ภายในอีกเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากที่ชาวบ้านพยายามช่วยกันโทรศัพท์ไปหายังทางเจ้าของบ้านนับร้อยสาย แต่ก็ไม่มีคนรับ

สำหรับบ้านหลังนี้ทางผู้เป็นเจ้าของใหม่ได้ใช้เวลาเข้ามาทำการปรับปรุงก่อสร้าง และตบแต่งเมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา โดยนำคนงานมาทำการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก 20-30 คน และเพิ่งทำการก่อสร้างพร้อมตกแต่งแล้วเสร็จ และเพิ่งขนของนำเศษวัสดุออกไปพร้อมด้วยคนงานทั้งหมดเมื่อช่วงเย็นวานที่ผ่านมานี้เอง จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นภายในบ้าน เพราะเห็นว่าที่ประตูมีการปิดล็อกไว้อย่างแน่นหนา จากเดิมที่ไม่ได้มีการล็อกประตูไว้เพราะมีคนงานอยู่

นอกจากนี้ตัวบ้านยังมีแนวรั้วที่ทำล้อมตัวบ้านไว้ต่ำๆ เพื่อให้ดูสวยงามด้วย จึงไม่มีใครเข้าไปใกล้มากนัก ที่ผ่านมาตนเองไม่ได้เข้าไปพูดคุยตีสนิทอะไรกับทางเจ้าของบ้าน เนื่องจากเห็นเขาเป็นคนรวย แต่เราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา จึงมีเพียงผู้ที่เข้ามาร่วมทำงานจัดหาวัสดุก่อสร้าง ซื้อปูนผงให้เท่านั้นที่จะเข้าไปพูดคุยด้วย 

ด้าน ร.ต.ท.อภิวัฒน์ ได้กล่าวบอกกับชาวบ้านไว้ว่า อย่าให้ใครเข้าไปใกล้ในบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อรอให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จากกองกำกับการพิสูจน์หลักฐานฉะเชิงเทรา มาทำการตรวจสอบหาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป

                                               

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook