เคราะห์ซ้ำครอบครัวออทิสติก พี่สาวไปงานบวชถูกนาคข่มขืน-น้องโดนชายแก่ลากเข้าป่าอ้อย

เคราะห์ซ้ำครอบครัวออทิสติก พี่สาวไปงานบวชถูกนาคข่มขืน-น้องโดนชายแก่ลากเข้าป่าอ้อย

เคราะห์ซ้ำครอบครัวออทิสติก พี่สาวไปงานบวชถูกนาคข่มขืน-น้องโดนชายแก่ลากเข้าป่าอ้อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครอบครัวสุดรันทด ป่วยเป็นออทิสติก 4 คน เหลือแม่คนเดียวหาเลี้ยงทั้งครอบครัว ลูกสาวคนโตวัย 26 โดนนาคที่กำลังจะบวชข่มขืน จ่าย 7 พันแล้วลอยนวล ลูกสาวคนกลางอายุ 25 โดนชายชราวัย 73 ลากไปข่มขืนป่าอ้อย จ่าย 100 แจ้งความขึ้นศาลแล้วหนีไปกรุงเทพฯ 

(3 มิ.ย.64) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ต.สนามชัย อ.สตึก บุรีรัมย์ ว่ามีครอบครัวพิการ ได้รับความเดือดร้อนถูกสังคมรังแก จนไม่มีที่ยืนอยู่ในสังคม และอยากให้ผู้ก่อเหตุเวียนมาข่มขืนคนในบ้าน ออกมารับผิดชอบ

จากการตรวจสอบ ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านที่ร้องเรียน พบเป็นเพิงสังกะสีกึ่งบ้านอยู่อาศัยตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน พบสมาชิกภายในครอบครัว มี 5 ชีวิต พ่ออายุ 54 ปี ป่วยเป็นออทิสติก แม่อายุ 51 ปี หนึ่งเดียวที่ปกติ ลูกสาวคนโตอายุ 26 ปี ลูกสาวคนกลาง อายุ 25 ปี และลูกสาวคนเล็กอายุ 18 ปี ทั้งหมดป่วยเป็นโรคออทิสติก ทั้งครอบครัวอยู่แบบอนาถา ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ

สอบถามนาง เอ (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นคนเดียวที่ปกติ และเป็นหนึ่งเดียวในครอบครัวที่เป็นคนรับจ้างหาเงินมาจุนเจือครอบครัว โดยนางเอ เล่าถึงความทุกข์ในบ้านว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2562 ตนพาลูกสาวคนโตไปช่วยงานบวชในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นญาติห่างๆ มีชาวบ้านมาบอกว่านาค พาลูกสาวไปในท่อระบายน้ำข้างทาง จึงไปตามหาพบว่าลูกสาวถูกญาติกำลังจะบวชข่มขืน ภายในท่อระบายน้ำ

จากนั้นได้พาลูกสาวไปตรวจภายในที่ รพ.สตึก แต่ไม่มีค่าตรวจเพราะหมอแจ้งว่าจะต้องเสียค่าตรวจภายใน 4,000 บาท เพราะไม่มีใบส่งตัวจากตำรวจ แต่ตนมีเงินติดตัวเพียง 100 บาท จึงพาลูกกลับมาบ้าน

จากนั้นได้ไปเจรจากันกับครอบครัวผู้ก่อเหตุภายในงานบวช โดยฝ่ายชายยอมชดใช้เงินให้ 7,000 บาท พร้อมสัญญาหลังสึก จะมารับผิดชอบแต่งงานให้ แต่หลังสึกออกมาซึ่งนานกว่า 3 เดือน ฝ่ายชายไม่สนใจ ทำให้ทางด้านคดีหมดอายุความ

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ก.ค.63 ลูกสาวคนกลางอายุ 25 ปี ไปเยี่ยมญาติต่างหมู่บ้าน ถูกนายสำลอง อายุ 73 ปี อยู่ต่างหมู่บ้านกัน ลวงไปข่มขืนที่ป่าอ้อยกลางทาง แล้วจ่ายเงินให้ปิดปากลูกสาว 100 บาท หลังจากนั้นลูกสาวมาเล่าให้ฟัง จึงไปแจ้งความที่ สภ.สตึก ตำรวจพาไปตรวจร่างกายแล้วแจ้งความดำเนินคดี ต่อมาตำรวจส่งฟ้อง และศาลนัดไต่สวนคดีในวันที่ 2 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา เบื้องต้นศาลให้ไปเจรจากัน โดยให้นายสำลอง ชดใช้ค่าเสียหาย แต่นายสำลอง ปฏิเสธ แล้วหนีไปอยู่กับลูกสาวที่กรุงเทพฯ เพื่อหนีความรับผิดชอบ

ตอนนี้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักทั้งสภาพความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของลูก โดยก่อนจะไปตามศาลนัด ครอบครัวไม่มีเงินต้องกู้เงินนอกระบบจำนวน 2,000 บาท

ด้านนางสมทรง แสนดี อายุ 49 ปี อบต.ในหมู่บ้าน เล่าว่า ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่น่าสงสาร เพราะคนหาเลี้ยงครอบครัวเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว นอกนั้นเป็นผู้ป่วยทั้งหมด มีรายได้จากเบี้ยคนพิการของลูก 3 คน รวมแล้วจะมีรายได้เดือนละ 2,400 บาท ส่วนสามีไม่มีบัตรคนพิการ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook