คลัสเตอร์สนามบินสุวรรณภูมิ พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 120 รายแล้ว รอผลอีกกว่า 190 ราย

คลัสเตอร์สนามบินสุวรรณภูมิ พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 120 รายแล้ว รอผลอีกกว่า 190 ราย

คลัสเตอร์สนามบินสุวรรณภูมิ พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 120 รายแล้ว รอผลอีกกว่า 190 ราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตที่ 6 เปิดเผยถึงกรณีคลัสเตอร์ของพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่ามีอยู่ 4 คลัสเตอร์ โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุดอยู่ที่ 120 กว่าราย จากวานนี้ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานไปแล้ว 105 ราย

โดยมาจากบริษัท Bangkok Flight Services (BFS) เป็นบริษัทที่เกี่ยวกับการขนส่งสินค้า ที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด ราว 55 ราย บมจ.การบินไทย (THAI) ไปรษณีย์ไทย และฝ่ายบริหารเขตปลอดอากร ของบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. ขณะเดียวกันได้เข้าตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยงสูง ที่รอผลการตรวจกว่า 190 ราย และมีการตรวจเชิงรุกด้วย

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า สาเหตการเกิดการแพร่ระบาดในแต่ลคลัสเตอร์ ได้พบหลังเทศกาลสงกรานต์ซึ่งระบาดมาต่อเนื่อง บางรายไม่มีอาการ ก็ทำให้การแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ดี คลัสเตอร์ภายในสนามบินสุวรรณภูมิยังเป็นกลุ่มก้อนเล็กกว่ากลุ่มในกทม.และปริมณฑล

นอกจากนี้ยังมีแผนฉีดวัคซีน โดยพนักงานของทอท. ที่ทำงานหน้าเคาเตอร์ ได้รับวัคซีน 2 โดสแล้วราว 4,000 คน และเตรียมกระจายวัคซีนให้อีก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม outsouce กลุ่ม back office และ กลุ่มคาร์โก้ รวมแล้วประมาณ 10,000 คน ที่จะเร่งฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด คาดว่าเริ่มฉีดในวันพรุ่งนี้

ด้าน นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ระลอกใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มการแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นอย่างต่อเนื่องปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้รับรายงานว่ามีผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานภายใน ทสภ. ได้รับการตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด -19 จำนวนหลายราย ซึ่งในส่วนของ ทสภ. มีพนักงานและลูกจ้างของฝ่ายขนส่งทางอากาศติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 34 คน เมื่อได้รับทราบ ก็ได้มีการดำเนินการและกำชับให้หน่วยงานมีการดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้ใช้บริการรวมถึงสวัสดิภาพของพนักงานที่ปฏิบัติงานภายใน ทสภ. เป็นสำคัญ

โดย ทสภ. ได้มีแนวทางปฏิบัติดังนี้

  1. ให้ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยและมีความเสี่ยงสูงได้เข้าทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด – 19 และสั่งการให้พนักงานผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องทำการกักตัว 14 วัน โดยได้จัดให้พนักงานฝ่ายอื่นมาปฏิบัติงานแทนซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของทสภ.
  2. ทสภ. ดำเนินการทำความสะอาดโดยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และทำความสะอาดแบบ Deep cleaning ในบริเวณพื้นที่ที่ผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงสูงปฏิบัติงาน เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่พนักงานและผู้มาใช้บริการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) และตามคำแนะนำของสาธารณสุข
  3. ในส่วนของพนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อทั้งหมดได้รับตรวจเชิงรุก (Active Case Finding) โดยฝ่ายการแพทย์ประสานสาธารณสุขอำเภอบางพลี และโรงพยาบาลบางพลีเพื่อดำเนินการรวมทั้งจัดเตรียมพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการตรวจดังกล่าว
  4. ให้พนักงานและลูกจ้างฯ สวมใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือในขณะปฏิบัติหน้าที่ และหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รวมถึงการรักษาระยะห่าง
  5. แบ่งพื้นที่ในการทำงานของแต่ละส่วนงาน ให้มีพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) เป็นพื้นที่ทำงานชั่วคราวแทนได้ โดย ทสภ. ได้จัดหาพื้นที่กักตัวสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และจะเพิ่มพื้นที่กักตัวในกรณีที่มีผู้มีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้นจากเดิม

นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ทสภ. ได้มีการปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการที่สาธารณสุขกำหนด โดยให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) อย่างน้อยร้อยละ 80 ตั้งแต่ในช่วงกลางเดือนเมษายน พ.ศ.2564 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเน้นย้ำในการดูแลรักษาความสะอาดในทุกพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน รวมถึงบริเวณพื้นที่จุดสัมผัสต่าง ๆ เช่น ห้องน้ำ ลิฟต์ ทางเดินเลื่อน แบบ Deep Cleaning อย่างต่อเนื่องทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และได้ขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทุกคนรวมถึงผู้ปฏิบัติงานต้องถือปฏิบัติยึดหลักบินวิถีใหม่ D – M – H – T – T ซึ่งประกอบด้วย D (DISTANCING) เว้นระยะห่างกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่น M (MASK- WEARING) สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H (HAND WASHING) หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ T (TEMPERATURE CHECK) ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและ T (THAICHANA) สแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ

นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ กล่าวว่าที่ผ่านมา ทสภ. ได้ให้ความสำคัญกับพนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่เป็นด่านหน้าในการให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งใกล้ชิดผู้โดยสาร และมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคโควิด-19 ทสภ. จึงได้สนับสนุนพื้นที่ในการให้บริการจุดฉีดวัคซีน สำหรับผู้ปฏิบัติงาน ณ ทสภ. บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ประตู 9 บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอิน Row U และ W โดย ทสภ. ต้องขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยานที่ได้ให้การสนับสนุนวัคซีนสำหรับผู้ปฏิบัติงานทุกหน่วยงานภายใน ทสภ. โดยปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานและผู้ปฏิบัติงานไปแล้วกว่า 4,371 คน ซึ่งจะเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการภาคพื้น รวมถึงพนักงานในเขตพื้นที่เขตปลอดอากรก่อนเป็นการเร่งด่วน และจะทยอยฉีดให้ผู้ปฏิบัติงานอื่นๆ จนครบทุกคนภายในเดือนมิถุนายน 2564

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook